Ch.21 – งาน
Translator : Reheikichi / Author
[ วันนี้อาจารย์มีข่าวดีมาแจ้งทุกคนค่ะ ]
ในชั่วโมงโฮมรูมตอนเช้า
อาจารย์ซิลเฟียที่เป็นอาจารย์ประจำชั้นพูดด้วยสีหน้าเครียด ผมจิตนาการไม่ออกเลยว่ามันเป็นเรื่องดี
[ ทุกคนรู้จักภาคีอัศวินและอัศวินแห่งเซย์รินกันใช่มั้ยคะ? ]
นักเรียนทุกคนต่างพยักหน้า
คนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรเทอร์ราเรียไม่มีใครไม่รู้จักภาคีอัศวิน
ภาคีอัศวินก็คืออัศวินที่คอยปกป้องราชวงศ์ของอาณาจักรเทอร์ราเรีย
สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่มายโคล่าซึ่งเป็นเมืองหลวง
กลับกัน อัศวินแห่งเซย์รินคืออัศวินของดยุคเทอร์กันเดโดยเน้นที่ฝีมือ แน่นอนว่าสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ดินแดนของดยุคเทอร์แกรนด์
ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นอัศวินที่มีชื่อเสียงที่คอยสนันบสนุนผู้กล้าช่วงสงคราม
[ ในอีกไม่นานนี้ อัศวินแห่งเซย์รินจะมาฝึกซ้อมกับภาคีอัศวินและสถานที่ที่ได้รับเลือกก็คือโรงเรียนราชวงศ์ของเราค่ะ ]
หลังจากอาจารย์ซิลเฟียพูดไปครู่หนึ่ง ในห้องก็มีบรรยากาศเงียบลงชั่วครู่
ในที่สุดคนที่เข้าใจถึงคำพูดของอาจารย์ก็ค่อยๆ เปล่งเสียงออกมา
ภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงดีใจ [ ไชโย! ] [ ยอดเลย! ] และ [ ตื่นเต้นจัง! ] เต็มไปด้วยเสียงแห่งความยินดี
นี่คือ “งานใหญ่” ที่คริสพูดถึงรึเปล่านะ?
เธอบอกว่าที่จะเกี่ยวข้องกับโรงเรียน แต่นี่มันไม่ใช่แค่เกี่ยวข้อง เป็นงานสังสรรค์เลยมากกว่ามั้ง
[ งานจะมีขึ้นในอีกสิบวันหลังจากนี้และยังมีการฝึกร่วมเพื่อให้นักเรียนของโรงเรียนเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับอัศวิน จึงเป็นเรื่องปกติที่จะหยุดการเรียนการสอนและเปิดให้เข้าชมกันได้ตามสบายค่ะ ]
[ อะ อาจารย์! หมายความว่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกับท่านอัศวินเหรอคะ? ]
[ ค่ะ ดูเหมือนจะจัดเตรียมช่วงเวลาพูดคุยกันไว้เช่นกันค่ะ ]
เหล่านักเรียนต่างชูมือด้วยความยินดี
ในช่วงสงคราม เหล่าอัศวินจะถูกปฏิบัติดีด้วยเพราะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้กล้า ถือเป็นโฆษนาชวนเชื่อ ส่วนหนึ่งก็มาจากฐานแฟนๆ มากมาย
ที่จริงแล้วภาคีอัศวินและอัศวินแห่งเซย์รินมีส่วนช่วยอย่างมากในการปราบจอมมาร
ผมยังได้เห็นความสำเร็จของพวกเขาในสนามอยู่หลายครั้ง ――จำได้เลยว่าสมาชิกแต่ละคนแข็งแกร่ง
อัศวินหลายคนเสียชีวิตในสนามรบ
การฝึกร่วมกันที่โรงเรียน อาจเป็นไปได้ว่าพราะต้องการหาคนที่จะมาเป็นอัศวินรุ่นต่อไปด้วย
เวลาตอนนี้ก็ผ่านไปเพียงครึ่งปีนับตั้งแต่สงครามจบ มันไม่น่าจะเร็วขนาดนั้น
ตอนนี้จอมมารถูกปราบลงแล้ว งานต่อไปที่น่าสนใจก็คือนักผจญภัย เพื่อจัดการกับมอนสเตอร์ที่เหลืออยู่ของจอมมารลงด้วยล่ะนะ ทำให้คนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นอัศวินลดลงไปชั่วขณะหนึ่งในตอนนี้ การฝึกซ้อมครั้งนี้ก็เหมือนมาโฆษนาชวนเชื่อให้เหล่านักเรียนอยากเป็นอัศวินเพื่อระงับปัญหาอัศวินขาดแคลน
[ ที่มาเมืองหลวงมีแต่อัศวินแห่งเซย์รินเหรอคะ? ]
ในตอนนั้นเอลิเซียก็ยกมือขึ้นถาม
[ นอกจากอัศวินแห่งเซย์รินแล้วยังมีท่านโรเบิร์ต เทอร์แกรนด์ลูกชายคนที่สองของดยุคเทอร์แกรนด์มาเยี่ยมชมด้วยค่ะ ในวันนั้นเขาจะมาเยี่ยมชมการเรียนเช่นกัน จึงสามารถคุยกับท่านโรเบิร์ตได้ด้วยค่ะ ]
เหล่านักเรียนต่างทำสีหน้าลำบากใจพลาง [ อืม ] เพราะคำอธิบายของอาจารย์ซิลเฟีย
ในตระกูลขุนนางมีลูกสาวและลูกชายอยู่หลายคน ถึงโรเบิร์ตจะเป็นลูกชายคนที่สอง แต่ก็เป็นถึงดยุค อาจจะใช้โอกาสนี้ตีสนิทได้… ทุกคนอาจคิดแบบนี้
[ ในการฝึกซ้อมนี้จะเลือกหนึ่งคนจากแต่ละชั้นเป็นตัวแทนไปค่ะ งานยากๆ ส่วนใหญ่รุ่นพี่จะรับหน้าที่ให้แล้ว ปีหนึ่งจึงมีแต่งานน่าเบื่อ แต่… ถ้าหากได้ฝึกซ้อมกับท่านอัศวินอาจจะใกล้ถึงการเป็นอัศวินกว่าที่คิดก็ได้นะคะ มีใครอาสาบ้างคะ? ]
เพื่อนร่วมห้องต่างมองหน้ากัน
แม้จะอยากยกมือ แต่ก็กลัวว่าจะโดนมองเป็นคนเห็นแก่ตัว
แถมนี่ยังเป็นงานใหญ่ตั้งแต่เริ่มภาคเรียน จึงยังมีหลายคนที่ไม่เข้าใจวิธีปฏิบัติตัว
[ ฉันจะทำเองค่ะ ]
น้ำเสียงก้องกังวาลสดใส มันก็คือเสียงของเอลิเซีย
นักเรียนทุกคนต่างเงียบลงเพราะเสียงของเอลิเซีย
ถ้าเป็นเอลิเซียก็ตัดปัญหาทิ้งได้เลย
บรรยากาศได้บอกไว้เช่นนั้น เธอมีชื่อเสียงว่าสามารถเอาชนะอาจารย์ในการสอบเข้าได้ ไม่ใช่เพียงแผนกผู้กล้า แต่คนของแผนกสามัญเองก็ชื่นชมเธอ เพราะเธอไม่เลือกปฏิบัติแม้จะเป็นแผนกสามัญก็ตาม
[ งั้นรบกวนด้วยนะคะคุณเอลิเซีย ในช่วงพักเที่ยงจะมีการประชุม เมื่อถึงตอนนั้นโปรดไปที่ห้องประชุมที่หนึ่งของอาคารเรียนชั้นสามด้วยค่ะ ]
[ เข้าใจแล้วค่ะ ]
เอลิเซียตอบด้วยเสียงชัดถ้อยคำ
แต่แล้วในตอนนั้นผมก็สังเกตเห็น
ดวงตาของเอลิเซียที่ถูกย้อมไปด้วยความเกลียดชัง
◆
เอลิเซียเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ผมรู้สึกได้
ปกติแล้ว เอลิเซียคนที่ผมประทับใจจะเป็นคนที่มีเกียรติ
นั่นเป็นธรรมดาของสำหรับนักเรียนที่ยังเข้าเรียนใหม่ๆ ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยขาดเรียนและมักจะมานั่งอยู่ในห้องเรียนก่อนผมจะเข้าห้านาทีทุกครั้ง เป็นประเภทที่พูดอะไรเถรตรงแม้แต่ในห้องเรียน
แต่จู่ๆ เธอกลับไม่มา
ผมคิดว่าเธอคงจะไปเข้าประชุมคณะกรรมการเพื่อการฝึกร่วม
แต่ว่าเอลิเซียกลับโดดเรียนเฉพาะในช่วงคาบเรียนและเข้าประชุมเท่านั้น
แม้จะมีหลายวันที่เข้าเรียน แต่ก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน ดูเธอไม่ค่อยมีสมาธิ ไม่พูดอะไรและไม่ใส่ใจอะไร ถึงจะโดนอาจารย์เรียกก็ตอบเพียงว่า [ ไม่ได้ฟังค่ะ ] อย่างไม่สบอารมณ์เท่านั้น
ประมาณห้าวันหลังจากเอลิเซียเปลี่ยนไป ผมก็ค่อยๆ เห็นว่าเธอเปลี่ยนไปเป็นยังไงบ้าง
เธอมักจะเข้าเรียนเฉพาะวิชาปฏิบัติและการบรรยายพิเศษของผู้กล้า ราวกับว่าพยายามจะทิ้งชั้นเรียนและฝึกฝีมือด้านการต่อสู้อย่างเดียวเท่านั้น
ในที่สุดทุกคนเองก็เริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเอลิเซีย
พักนี้เธอไม่ได้คุยกับใครเลย ปฏิเสธที่จะคุยซะมากกว่า
แม้เพื่อนร่วมชั้นจะเป็นห่วงและถาม เธอก็ตอบเพียงว่า [ ไม่เป็นไร ] เท่านั้น
ขณะที่อยู่โรงเรียน เธอจึงใช้เวลาครุ่นคิดอยู่คนเดียว
ราวกับกำลังมีปีศาจมา
นี่มันผิดปกติมาก
สายตาที่เกลียดชังของเธอราวกับกำลังวางแผนบางอย่าง
แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร ผมเองก็คิดไม่ออกเช่นกัน
ในชั่วโมงฝึกซ้อม ซึ่งงานใหญ่นั้นจะมีในอีกสามวัน ――ในตอนนั้นเอลิเซียเข้ามาทักผมจากข้างหลัง
[ นี่ทรูเอท นายช่วยมาเป็นคู่ซ้อมให้ฉันทีได้ไหม? ]
คำขอนั้นทำให้ผมคิ้วขมวด
[ …เรื่องนั้นน่าจะจบไปเมื่อหลายวันก่อนแล้วนะ ]
[ ฉันเหลือเวลาอีกแค่สามวัน แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ได้ ก่อนการฝึกซ้อมร่วมกับอัศวินจะเริ่ม ไม่ได้เหรอ? ]
ผมถอนหายใจให้กับคำพูดของเอลิเซีย
[ อย่างที่เคยบอกไป ผม―― ]
[ ――ฉันอยากแข็งแกร่งขึ้น ]
เอลิเซียพูดด้วยท่าทางลำบากใจ
[ ฉันไม่มีเวลาอีกแล้ว ฉันไม่อยู่ในสถานการณ์ที่จะใจเย็นได้อีกแล้ว ดังนั้นได้โปรด ช่วยร่วมมือด้วยกันทีเถอะ ]
ลึกลงไปในคำพูดของเอลิเซียมีแรงกดดันหนักอึ้ง
จนคุมโทนเสียงแทบจะไม่ได้อีกแล้ว หากเป็นความตั้งใจจริงผมก็จะยอมช่วยหรอกนะ แต่นี่เหมือนเป็นคำสั่งมากกว่า [ หุบปากแล้วร่วมมือกับฉันซะ ] ยังไงยังงั้น
[ ใจเย็นก่อนเถอะ ]
[ มันเย็นไม่ได้แล้ว ]
[ งั้นอย่างน้อยก็ช่วยอธิบายสถานการณ์ให้ผมฟังก่อนเถอะ ]
ทำให้อลิเซียพลางคิดอยู่พักหนึ่ง