เนื่องจากมีพวกมือโพสต์ที่ฉินฮ่วนจ้างมาคอยยุยง พวกชาวเน็ตที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็พากันเห็นว่าที่ฉินฮ่วนทำเหมือนจะไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะอีก เริ่มพากันหันมาเข้าข้างฉินฮ่วนแทน เพียงชั่วพริบตา ทุกคนต่างก็หันมาเอาเรื่องหลินหว่าน
[ขอโทษ ต้องขอโทษ เรื่องนี้จะยอมให้จบง่ายๆ ไม่ได้เด็ดขาด!]
[ใช่เลยๆ ทำร้ายฉินฮ่วนซะขนาดนี้ ตอนนี้ยังเงียบอยู่อีก! ฉันว่าคงไม่กล้าออกมาพูดมากว่ากระมัง?]
[ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้คนถูกทำร้ายคือฉินฮ่วน ดังนั้นต้องขอโทษเท่านั้น!]
[เห็นด้วย เป็นฉันเห็นว่าแค่ขอโทษไม่พอ ต้องลงโทษเธออย่างอื่นด้วย]
ทุกคนบนเน็ตต่างพากันเรียกร้องให้หลินหว่านไปขอโทษฉินฮ่วน จนกว่าฉินฮ่วนจะให้อภัยเธอ
พอเห็นคอมเมนต์แต่ละข้อความแล้ว ฉินฮ่วนก็ยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ หลินหว่านเอ๋ย ผมบอกแล้ว คุณจะมาสู้กับผมได้ยังไงกัน! ดูสิ ที่สุดแล้วคุณก็ต้องมาขอให้ผมยกโทษให้อยู่ดีไม่ใช่รึไง?
พอนึกถึงตรงนี้ฉินฮ่วนก็ยิ่งกระตือรือร้น ตอนนี้เขานึกภาพที่หลินหว่านเข้ามาวิงวอนขอร้องเขาได้เลย มันช่างสะใจซะไม่มีเลย
ไม่ได้ ช่วงเวลาที่น่าดีใจขนาดนี้ เขาจะนั่งอยู่ที่นี่ดูคอมเมนต์ของคนพวกนี้อยู่เฉยๆ ได้หรือไง? เขาต้องฉลองซะหน่อยแล้ว
ว่าแล้วฉินฮ่วนก็หยิบเอาไวน์แดงที่ตัวเองเก็บไว้นานเพราะไม่อาจหักใจดื่มออกมา
นี่เป็นเหล้าที่เพื่อนคนหนึ่งของเขาให้มานานมากแล้ว เขาเก็บรักษาไว้อย่างดีมาตลอด เพราะเสียดายจนดื่มไม่ลง
พอเปิดขวดแล้ว ก็ค่อยๆ รินลงในแก้ว มองดูน้ำสีแดงสดไหลทะลักออกมา ทำให้ดวงตาของฉินฮ่วนกลายเป็นยิ่งแดงก่ำขึ้น มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเบิกบานใจ
ฉินฮ่วนเขย่าแก้วเหล้าในมือเบาๆ จิบไปพลาง อ่านคอมเมนต์ของพวกนั้นไปพลาง ในหัวก็จินตนาการว่าหลินหว่านมาขอร้องเขา มันช่างทำให้ฉินฮ่วนอิ่มเอมใจยิ่งนัก
แต่คนที่อ่านคอมเมนต์เหมือนกัน หากอารมณ์ที่ได้ย่อมจะแตกต่างกันไป
สำหรับหลินหว่านที่เป็นหนึ่งในคู่กรณี พอเห็นคอมเมนต์พวกนี้ก็โมโหแทบตาย ทั้งๆ ที่เธอเป็นผู้เสียหายมากที่สุดต่างหาก พวกเขาจะเอายังไงกันแน่? เธอไม่เพียงไม่ได้รับคำขอโทษจากฉินฮ่วน คนพวกนั้นยังจะให้เธอเป็นฝ่ายไปขอโทษเขาซะอีก
ชิ เธอไม่ไปหรอก ไอ้เลวนั่น ต่อให้ตายไปสักร้อยครั้งก็ไม่น่าเสียดายเลย ถึงตอนนี้เธอยังเห็นว่าวันนั้นลงมือเบาไปด้วยซ้ำ
ขอโทษนั่นไม่มีทางแน่ จะขอโทษก็ควรจะเป็นฉินฮ่วนมาขอโทษเธอ แต่จะต้องทำยังไงจึงจะเปลี่ยนสถานการณ์ตอนนี้ได้นะ? เรื่องนี้ยังเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวจริงๆ
……
เรื่องบนเน็ตเป็นที่โจษจันกันไปทั่ว ทำให้ไม่นานนักแม่ของหลินหว่านก็รู้เรื่องด้วย
ตอนที่อันจี๋ถิงรู้ข่าวนี้ก็ตกใจจนนิ่งอึ้งไป เห็นได้ชัดว่าทุกคนพากันตำหนิหลินหว่าน อันจี๋ถิงขัดใจอย่างมาก
เธอไม่ได้ตรวจสอบหรือโทรถามอะไรเลย อันจี๋ถิงดูเหมือนจะเลือกที่จะเชื่อลูกสาวของตัวเองในทันที
ไร้สาระสิ้นดี เรื่องที่เล่าลือกันบนเน็ตนี่มันคำพูดบ้าอะไรกัน? ลูกสาวเธอ เธอจะไม่เข้าใจได้ยังไง? หว่านหว่านของฉันจะทำเรื่องพวกนั้นได้ยังไง? ต่อให้หลินหว่านทำร้ายคนคนนั้นจริง นั่นต้องเป็นเพราะเขาเป็นฝ่ายหาเรื่องเธอก่อนแน่ ลูกรักที่เธอคอยดูแลทนุถนอมมาอย่างยากลำบาก ทำไมต้องมาวิงวอนขอร้องให้คนอื่นยกโทษให้ด้วย? (อันจี๋ถิงดูแลหลินหว่านเมื่อไหร่กัน จนป่านนี้ยังไม่คืนดีกันเลย – ผู้แปล)
นี่คงเป็นสัญชาตญาณของคนเป็นแม่กระมัง! ไม่ว่าลูกสาวตัวเองในสายตาคนอื่นจะเป็นอย่างไร แต่ในสายตาเธอแล้วย่อมจะดีที่สุดตลอดกาล
อันจี๋ถิงไม่ได้รีบโทรหาลูกสาวในทันที แต่หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาลูกน้องที่เธอเชื่อใจที่สุด
“เสี่ยวหวัง เธอรีบไปสืบมาว่าเรื่องบนเน็ตมันเป็นมายังไง ฉันอยากจะดูซิว่าใครมันกล้ามารังแกลูกสาวของฉัน!”
เสี่ยวหวังฟังน้ำเสียงของอันจี๋ถิงก็รู้ว่า เรื่องนี้ทำให้เธอโมโหได้ไม่เบาเลย ถึงยังไงเรื่องนี้ก็เป็นอย่างที่รู้กันดีอยู่ ลูกสาวของตัวเองต้องมาถูกคนใส่ความโดยไร้ต้นสายปลายเหตุแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงอารมณ์ดีไปไม่ได้หรอกกระมัง? ดังนั้น ท่าทีของอันจี๋ถิงก็ยังเข้าใจได้อยู่บ้าง
เสี่ยวหวังทำงานประสิทธิภาพสูงมาตลอด ไม่นานนักก็สืบเรื่องในเวยปั๋วออกมาได้ นอกจากนั้นแล้วยังทำความเข้าใจกับที่มาที่ไปของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดอีกด้วย
เสี่ยวหวังพอสืบเรื่องนี้ออกมาแล้วก็ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ฉินฮ่วนนี่ช่างไม่รู้จักตายซะแล้ว ถึงกับกล้าหมายตาหลินหว่าน ตอนนี้ยิ่งทำให้หลินหว่านถูกเข้าใจผิดขนาดนี้ เกรงว่าชีวิตสุขสบายของเขาคงจะจบลงในไม่ช้าแน่
“คุณท่านคะ สืบได้ความแล้วค่ะ คนที่โพสต์เวยปั๋วเป็นประธานบริษัทแห่งหนึ่ง ชื่อว่าฉินฮ่วน ตั้งแต่เขาได้พบหน้าคุณหนูก็อยากได้ตัวเธอ แต่คราวก่อนหน้านี้ทำไม่สำเร็จ ไม่เพียงแค่นั้น ยังถูกคุณหนูทำร้ายซะปางตาย จึงคิดแค้นต้องการเอาคืนคุณหนูมาตลอด”
อันจี๋อวี่ได้ฟังรายงานของลูกน้องก็มีสีหน้าขึงเครียดเอามากๆ ยังดีที่ฉินฮ่วนนั่นทำไม่สำเร็จ ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
แต่ที่ทำให้เธอสงสัยคือ ทำไมเซียวจิ่งสือถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยนะ?
“เซียวจิ่งสือล่ะ? เขาทำอะไรบ้าง?”
เสี่ยวหวังรู้อยู่แล้วว่าอันจี๋ถิงต้องถามถึงเซียวจิ่งสือว่าจัดการกับเรื่องนี้ยังไง เธอจึงสืบเรื่องของเซียวจิ่งสือมาด้วยแล้ว แต่ผลที่ได้กลับดูเหมือนจะเหนือความคาดหมายของเธออยู่บ้าง
“เรียนคุณท่าน ด้านเซียวจิ่งสือไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย!”
“เลวมาก หว่านหว่านของเราถูกรังแกถึงขนาดนี้แล้ว เขายังไม่ทำอะไรเลย?”
เดิมทีลูกสาวถูกคนดูถูกขนาดนี้ อันจี๋ถิงก็โกรธมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้พอได้ยินว่าเซียวจิ่งสือไม่ได้รีบออกมาช่วยลูกสาวของเธอทันทีอีก ก็ยิ่งโกรธแค้นมากขึ้นไปอีก
ตอนนี้เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะเซียวจิ่งสือจะมีข้ออ้างอะไรที่จะไม่ออกมาช่วยพูดให้ลูกสาวเธอ
ว่าแล้วก็หาเบอร์ของเซียวจิ่งสือออกมาแล้วกดโทรออกไปทันที
ตอนที่เซียวจิ่งสือเห็นแม่ยายในอนาคตโทรหานั้น ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยในความทรงจำของเขาแล้วท่านแม่ยายในอนาคตไม่เคยโทรหาเขามาก่อนนี่นา ไม่รู้ว่าคราวนี้เป็นเรื่องอะไรสิ?
แต่ก็รีบรับสายโดยไม่รอช้า
“สวัสดีครับ คุณป้า ไม่ทราบมีอะไรให้ผมช่วยหรือครับ?”
“คุณไม่ต้องมาเรียกฉันว่าป้า ฉันไม่กล้ารับหรอก ยังจะถามอีกว่ามีเรื่องอะไร? คุณยังมีหน้ามาถามฉันอีก? ตอนนี้หว่านหว่านถูกรังแกถึงขนาดนี้ คุณยังไม่ทำอะไรอีก เกิดเรื่องแบบนี้ คุณไปอยู่ที่ไหนมา? ฉันอุตส่าห์ฝากลูกสาวไว้กับคุณ แล้วคุณดูแลแบบนี้เหรอ? ถ้าดูแลไม่ได้ก็บอกฉันมาตามตรง ฉันจะรับลูกกลับบ้าน!”