หลินหว่านเป็นคนสวยจัดอยู่แล้ว บวกกับคำยุยงของอี้อวิ๋นฉัง ทำให้ฉินฮ่วนใจกล้าหน้าด้านยิ่งขึ้น หักห้ามใจตัวเองไม่ได้ต้องให้หลินหว่านได้เห็นดีกัน
ฉินฮ่วนเองก็คิดไม่ถึงว่าหลินหว่านจะมีคนหนุนหลังที่ใหญ่โตอะไร เพราะตั้งแต่เขารู้จักเธอมา ชีวิตของหลินหว่านเองก็ไม่ได้ราบรื่นอะไรนัก
ผู้กำกับดุด่าเธอเป็นครั้งคราว นักแสดงหญิงคนอื่นก็รังแกเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไป๋เจี๋ยยังแกล้งเธอทั้งในที่ลับและในที่แจ้งอีกด้วย
ถึงแม้จะถูกแกล้งหนักขนาดนี้ ก็ยังไม่เห็นมีใครมาช่วยเธอ ถ้าเธอมีคนหนุนหลังที่มีอำนาจอยู่จริง งั้นเธอคงไม่ต้องมานั่งทนรับเรื่องพวกนี้กระมัง? พอนึกถึงตรงนี้ก็ยิ่งทำให้ฉินฮ่วนนั่งไม่ติดขึ้นมาบ้าง
เขารีบเข้าเวยปั๋วของตัวเอง โพสต์ข้อความว่า [ถึงแม้หลินหว่านเคยทำร้ายผม แต่ผมสัญญาว่า ขอเพียงเธอมาคุกเข่าขอโทษผมต่อหน้า ผมก็จะยกโทษให้เธอ นับแต่นี้จะไม่เอาเรื่องเธออีก และยังให้เธอได้อยู่ในกองถ่ายต่อไป]
หลินหว่าน ผมไม่เชื่อหรอกว่าพูดขนาดนี้แล้ว คุณยังจะไม่มาขอร้องผม? พอคุณมาขอร้อง เรื่องที่เหลือก็ไม่มีปัญหาแล้วไม่ใช่รึไง? อย่างนี้แล้วผมยังกลัวว่าจะไม่ได้คุณมาอีกรึไง? ฮ่าๆๆๆๆ!
ฉินฮ่วนเข้าใจว่าตัวเองทำได้ดีมาก และเขาก็พอใจกับเรื่องนี้มาก ที่เหลือก็แค่รอให้หลินหว่านมาขอโทษเขาแค่นั้น
หลังโพสต์ข้อความขึ้นไปแล้วเขาก็ออกจากเวยปั๋ว ท่าทางปลอดโปร่งสบายใจ ๆ เรียกได้ว่าอารมณ์ดีทีเดียว
แต่เรื่องที่ตามมากลับแทบทำให้เขาหัวทิ่ม
หลังจากเขาโพสต์ข้อความขึ้นไปไม่นาน เสียงเคาะประตูก็ดังถี่ยิบรัวเป็นชุด
ฉินฮ่วนขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร วันนี้ใครให้เขาอารมณ์ดีนักล่ะ! ช่างเถอะ ไม่ต้องถือสามากความหรอก
“เข้ามา”
เลขาพอได้รับอนุญาตก็รีบผลักประตูเปิดเข้ามา ยังไม่ทันที่เลขาจะพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงอบรมของฉินฮ่วน
“ทำไมลุกลี้ลุกลนขนาดนี้? ที่นี่เป็นบริษัทนะ เป็นพนักงานระดับสูงของบริษัททั้งทีดูแลภาพลักษณ์ของตัวเองหน่อยได้มั้ย?”
เลขาพอถูกต่อว่าก็ก้มหน้ารับฟัง “ครับ ท่านประธาน ต้องขอโทษด้วย ต่อไปผมจะระวังตัวครับ”
“เอาล่ะ รู้แล้วก็แก้ตัวซะ แล้วนี่รีบร้อนขนาดนี้มาหาผมมีเรื่องอะไร?”
พอฉินฮ่วนเตือนขึ้นมา เลขก็นึกถึงเรื่องที่จะรายงานเมื่อครู่ขึ้นมาได้ จริงเลยนะ ถูกท่านประธานทำให้ตกใจซะจนเกือบลืมเรื่องสำคัญไปแล้ว
“อ้อ ใช่แล้วครับ ท่านประธาน คุณรีบเข้าไปดูคอมเมนต์ที่ด้านล่างเวยปั๋วของคุณด้วยครับ”
“คอมเมนต์มีอะไรน่าดูกันเล่า เนื้อหาพวกนั้นผมแค่เดาก็รู้แล้วยังต้องดูอีกเหรอ” ฉินฮ่วนพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ไม่ใช่นะครับ ท่านประธาน ความคิดของคนพวกนี้ไม่เหมือนกับที่เราคิดไว้ พวกเขาพากันตำหนิคุณ บอกว่าคุณทำเกินไปครับ” เลขาเสี่ยงตายตอบไปตามจริง
ฉินฮ่วนฟังคำของเลขาแล้ว รีบเปิดเวยปั๋วของตัวเอง พอเขาเห็นคอมเมนต์ที่ด้านล่าง หัวขมับก็เต้นตุบๆ ขึ้นมาทันที
พวกคนบนเน็ตนั่นต่างบอกว่าคำพูดของเขาเกินไป มันเกินไปตรงไหนกันเล่า?
เลขาที่คอยอยู่ด้านข้างไม่กล้าส่งเสียงรบกวน และไม่กล้าแอบหลบออกไปด้วย เงียบๆ เขาทำได้แค่รู้สึกชัดเจนถึงอุณหภูมิรอบข้างที่เยียบเย็นลงอย่างเฉียบพลัน บรรยากาศหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
เขากลัวฉินฮ่วนในตอนนี้ซะจริงๆ ใบหน้าคล้ำเครียดน่ากลัวจนเขาแทบจะเข่าอ่อนทรุดลงไปอยู่แล้ว นี่มันไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์มนาจะทนทานได้นี่นา
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน พอที่เลขาจะรู้สึกว่าเหมือนผ่านไปสักทศวรรษได้
จู่ๆ …เลขาก็เห็นใบหน้าของฉินฮ่วน…ยิ้มออกมา? ท่านประธานของพวกเขาคงเป็นบ้าไปแล้ว? ไม่อย่างนั้นเจอเข้ากับเรื่องแบบนี้ทำไมยังจะยิ้มออกมาได้?
“เลขาหลิว คุณไปจ้างพวกมือโพสต์มาให้ผมสักจำนวนหนึ่ง”
“ท่านประธาน คุณคิดจะ…?”
“เรื่องไม่ควรถามก็อย่าถามมากความ”
“ขอโทษครับท่านประธาน ผมปากมากไปเอง งั้นผมขอตัวก่อนครับ”
ฉินฮ่วนโบกมืออย่างไม่สนใจนัก เลขารีบออกไป
“ฮึ เรื่องเล็กๆ แค่นี้จะทำอะไรเราได้? ช่างน่าขันซะจริง”
ส่วนเลขาหลิวพอออกไปแล้วก็ถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก ข้างในนั่นกดดันเกินไป เขากลัวว่าตัวเองจะเผลอเอาชีวิตไปทิ้งไว้ข้างในนั่น
ถึงแม้จะคิดเช่นนี้ แต่เรื่องที่ฉินฮ่วนสั่งมาก็ยังต้องรีบไปจัดการอยู่ดี แม้ว่าเมื่อครู่ฉินฮ่วนไม่ได้บอกเขาตรงๆ ว่าจะทำอะไร แต่เขาก็เดาได้
เลขาหลิวหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา โทรไปที่เบอร์หนึ่ง สัญญาณเรียกสายดังขึ้นนานมากกว่าจะมีคนรับสาย
“ฮัลโหล ใครวะ ไม่รู้รึไงว่าพ่อแกกำลังยุ่งน่ะ? มีอะไรบอกมา ไม่มีเรื่องก็อย่ามากวนใจฉัน…”
“เห่ย ฉันว่าแกคงไม่อยากได้เงินแล้วกระมัง?” พอฟังเสียงติดรำคาญจากปลายสายอีกด้าน เลขาหลิวก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“อ้าว เลขาหลิวนี่เอง ขอโทษด้วยที่ล่วงเกินคุณ เมื่อกี้ผมไม่ได้ดูว่าใครโทรมา คุณก็อย่าถือสาหาความผมเลยนะครับ นี่คุณ…มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ?”
คนคนนั้นพอได้ยินว่าเป็นเลขาหลิวโทรมา ก็รีบเปลี่ยนท่าทีกร่างจนหุบไม่ลงเมื่อครู่ของตัวเอง หันมาประจบเอาใจเลขาหลิวแทน
“เอางี้ แกไปดูเวยปั๋วของท่านประธานฉินฮ่วนของเราซะก่อน แกดูซิท่านประธานของเราถูกด่าซะเละขนาดนี้…พวกเรา…เดี๋ยวแกไปจัดหาพวกมือโพสต์มา…เรื่องต่อจากนี้คงไม่ต้องให้ฉันสอนแกหรอกนะ?” ถึงแม้เลขาหลิวจะไม่ได้พูดรายละเอียดมากนัก แต่สำหรับคนอย่างพวกเขาก็เพียงพอที่จะรู้ว่าต้องทำยังไงแล้ว
“ได้ครับๆ พี่หลิว ผมเข้าใจแล้ว คุณวางใจได้ เรื่องนี้ผมจัดการเอง”
“เก็บให้สะอาด อย่าเหลือให้คนอื่นเห็นพิรุธได้ล่ะ”
“แหะๆ แน่นอนอยู่แล้น งั้น…พี่หลิวครับ เรื่องเงิน…”
“ส่งเลขที่บัญชีมา จะได้โอนให้เลย”
เพียงชั่วครู่ เงินก็เข้าบัญชีมาแล้ว พอเห็นเงินสองล้านในบัญชี… เขาก็จุ๊ปาก พวกคนมีเงินนี่มือเติบไม่เบาเลยจริงๆ
จากนั้นก็รีบโทรหา “พี่หลิว ผมได้รับเงินแล้ว ผมจัดการเอง คุณวางใจได้”
พอรับเงินแล้ว พวกเขาก็เริ่มเข้าไปเคาะแป้นคีย์คอมเมนต์ที่ด้านล่าง ตำหนิว่าฉินฮ่วนทำแบบนี้ไม่เห็นผิดที่ตรงไหน ในเมื่อทำผิดก็สมควรต้องได้รับโทษอยู่แล้ว
[อันที่จริงไม่เห็นว่าที่ฉินฮ่วนทำมันผิดตรงไหน ถ้าแค่ขอโทษเฉยๆ แล้วจะมีกฎหมายมาทำไม? ไม่ลงโทษซะบ้างจะได้ยังไง?]
[ใช่เลย ตอนนี้ฉินฮ่วนต้องการให้เธอทำแบบนี้ ก็แค่ให้หลินหว่านรับผิดชอบต่อการกระทำของเธอก่อนหน้านี้เท่านั้น ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เห็นว่าจะเกินไปหรือไม่เกินไปตรงไหน เธอมันทำตัวเองแท้ๆ จะไปโทษว่าใครได้!]
เพียงไม่นานนัก ก็มีคนกลุ่มใหญ่เข้ามาช่วยพูดให้ฉินฮ่วน