หลี่ซู่เฟินน้ำตาคลอเบ้าตา มองคนพวกนั้นอย่างซาบซึ้งแล้วพูดว่า “อันที่จริงพวกนายไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้ ครั้งนี้เหม่ยหวา กรุ๊ปหนีไม่พ้นแน่นอน พวกนายต่อสู้เพื่อเหม่ยหวา กรุ๊ปมานานขนาดนี้ ช่วงสุดท้ายของเหม่ยหวา กรุ๊ป ฉันจะไร้ความยุติธรรมกับพวกนายไม่ได้……”

“ประธาน คุณหยุดพูดเลย เว้นเสียแต่คุณจะไล่เราออกเอง ไม่งั้นเราสาบานว่าจะร่วมเป็นร่วมตายกับเหม่ยหวา กรุ๊ป!”

“ช่วงที่ยากลำบากแสนเข็ญ เรายังผ่านมาได้เลย เราเชื่อว่าครั้งนี้เหม่ยหวา กรุ๊ปจะเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้เหมือนกัน!”

“พวกนาย……” ในที่สุดหลี่ซู่เฟินทนไม่ไหว แอบเช็ดน้ำตาตรงหางตา

“ประธานต้องรักษาสุขภาพนะครับ พวกเราไปทำงานก่อนครับ” คนพวกนั้นออกไปอย่างรู้งาน ทำเหมือนไม่เห็นภาพที่หลี่ซู่เฟินร้องไห้

เวินฉิงก็ซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก พูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “ว่ากันว่าเพื่อนในยามยากคือเพื่อนแท้ ตอนนี้เพิ่งดูออกว่าในใจใครมีเหม่ยหวา กรุ๊ปอยู่บ้าง!”

หลี่ซู่เฟินเช็ดน้ำตาจนแห้ง พูดเสียงขรึมว่า “เสี่ยวฉิง เธอไปรวบรวมรายชื่อมาหนึ่งฉบับ ดูว่ายังมีใครอยู่ในตำแหน่งของตัวเองบ้าง!”

เวินฉิงเข้าใจความหมายของหลี่ซู่เฟิน เธอพยักหน้าพูดว่า “ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ค่ะ”

“อืม ถ้าเหม่ยหวา กรุ๊ปผ่านครั้งนี้ไปได้ เราจะไร้ความยุติธรรมกับคนพวกนี้ไม่ได้!” หลี่ซู่เฟินเอ่ยขึ้น

“ค่ะ!”

ที่อยู่ของเฉินซงจื่อที่เหม่ยหวา กรุ๊ป

เฉินโม่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ฟังรายงานจากเฉินซงจื่อเงียบๆ

“อาจารย์ ตอนนี้สถานการณ์ของเหม่ยหวา กรุ๊ปวิกฤตมาก ผมไม่ค่อยเข้าใจธุรกิจเท่าไร ถ้าคุณอยากทราบสถานการณ์ที่ชัดเจนของเหม่ยหวา กรุ๊ป ต้องไปถามประธานเอง หรือไม่ก็คุณเวินฉิงครับ” เฉินซงจื่อพูดอย่างนอบน้อม

เฉินโม่พยักหน้าด้วยใบหน้าราบเรียบ “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”

ได้ฟังเฉินซงจื่อรายงานต่อหน้า เฉินโม่ยิ่งเข้าใจเรื่องครั้งนี้ละเอียดมากขึ้น

หลักๆ แล้วคือการที่ตระกูลหลี่ร่วมมือกับอำนาจบางส่วน วางกับดักใส่เหม่ยหวา กรุ๊ป เหม่ยหวา กรุ๊ปได้โปรเจค ‘อุทยานมังกร’ แต่เงินทุนที่ต้องใช้เหนือกว่างบประมาณของเหม่ยหวา กรุ๊ป จนทำให้เหม่ยหวา กรุ๊ปขาดเงินทุนหมุนเวียน

และในส่วนนี้มีตระกูลหลี่คอยขัดขาอยู่เป็นส่วนใหญ่ ไม่งั้นเหม่ยหวา กรุ๊ปคงไม่ขาดเงินทุนหมุนเวียนง่ายขนาดนี้หรอก

หลังจากนั้นช่องว่างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้เหม่ยหวา กรุ๊ปต้องรับผิดชอบเงินห้าหมื่นล้าน

แม้ตอนนี้เหม่ยหวา กรุ๊ปเผชิญความลำบากต่างๆ นานา เช่น ความคิดไม่ตรงกัน พนักงานจำนวนมากลาออก เป็นต้น แต่สาเหตุสำคัญที่สุดก็เพราะขาดแคลนเงิน

ถ้าเหม่ยหวา กรุ๊ปสามารถปิดหนี้ห้าหมื่นล้านได้ ส่วนที่เหลือทั้งหมดก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว

ห้าหมื่นล้าน!

ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ

เฉินโม่เอามือถือออกมา โทรหาหลินเสวี่ยที่อยู่ไกลถึงหลินโจว

ตอนเฉินโม่ทำลายตระกูลหลิน หลินเสวี่ยมาพึ่งพาเขา เฉินโม่จึงให้เธอดูแลจัดการตระกูลหลิน ช่วงเวลาที่ผ่านมา เฉินโม่พบว่าหลินเสวี่ยเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจ โดยเฉพาะด้านการชำระบัญชีทรัพย์สิน เธอเก่งเป็นอย่างมาก

ดังนั้นเฉินโม่จึงมอบหมายเรื่องมากมาย ให้หลินเสวี่ยจัดการ

“เจ้านาย มีอะไรจะสั่งหรือเปล่าคะ” เสียงนอบน้อมของหลินเสวี่ยดังออกมาจากโทรศัพท์

แม้เฉินโม่ให้หลินเสวี่ยเปลี่ยนการเรียกแบบนี้มาตลอด แต่หลินเสวี่ยดึงดันไม่ยอม บอกว่าเฉินโม่มีพระคุณช่วยเหลือเธอกับแม่ อีกทั้งยังแก้แค้นแทนพวกเธอ เธอจะยกย่องเฉินโม่เป็นเจ้านายตลอดไป

เฉินโม่ก็ไม่เซ้าซี้กับเรื่องเล็กแบบนี้ เขาพูดอย่างราบเรียบว่า “เรื่องที่ให้เธอจัดการครั้งก่อนเป็นยังไงบ้าง”

หลินเสวี่ยพูดอย่างนอบน้อมว่า “เรื่องที่เจ้านายมอบหมาย หลินเสวี่ยจัดการเรียบร้อยหมดแล้วค่ะ ถ้าเจ้านายมีความจำเป็น ฉันไปหาคุณตอนนี้ได้เลย!”

เฉินโม่พยักหน้า “อืม งั้นเธอมาฮ่านหยางสิ ฉันรอเธอที่เหม่ยหวา กรุ๊ป”

“ค่ะเจ้านาย”

ระยะทางจากหลินโจวไปฮ่านหยาง นั่งรถไฟความเร็วสูงครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว เฉินโม่มารับหลินเสวี่ยที่สถานีรถไฟ

ในห้องของร้านกาแฟที่เงียบเหงาแห่งหนึ่ง เฉินโม่นั่งอยู่บนที่นั่ง ส่วนหลินเสวี่ยยืนอย่างนอบน้อมอยู่ข้างๆ ใช้มือสองข้างยื่นหยกแขวนขนาดเล็กให้เฉินโม่

“เจ้านาย ฉันรู้ว่าคุณชอบของจำพวกหยก ดังนั้นจึงเอาหยกแขวนนี้เป็นสิ่งมงคลของคุณ คุณแค่แสดงหยกแขวนอันนี้ ก็จะสามารถใช้เงินฝากของคุณที่นั่นได้” หลินเสวี่ยเอ่ยขึ้น

“อืม ลำบากเธอแล้ว” เฉินโม่พูด

“เดิมทีคิดว่าจะได้ใช้ตอนไปต่างประเทศในอนาคต คิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้ในตอนนี้”