ตอนที่ 391 เผ่ามังกรทมิฬ

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

“เนื่องด้วยฮ่องเต้หญิงทรงเปิดกว้างทางการค้า ดังนั้นพวกเราจึงได้นำสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้มาขายที่เมืองหวงตู!” 

 

 

“วันนี้นับว่าเป็นบุญตาของทุกท่านที่ได้เห็นแล้ว! มนุษย์มัจฉาน้อยที่ยากจะได้พบพาน วันนี้ขอนำออกมาประมูลในเมืองหวงตู ราคาเริ่มต้นที่พันตำลึงทอง ผู้ให้ราคาสูงสุดจะได้รับไปครอบครอง!” 

 

 

บุรุษกำยำผู้นั้นโก่งคอตะโกน พลางกำแส้เอาไว้ในมือ 

 

 

ผู้ชนต่างก็พากันมาดูด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่ขาดสาย ……มนุษย์จมัจฉานั่นเป็นตัวจริงหรือตัวปลอมพวกเขาล้วนดูไม่ออก 

 

 

ขอเพียงแค่ได้ชมความคึกครื้นบ้างก็พอแล้ว 

 

 

เนื่องเพราะอดีตรัชทายาทเหยียนหยุนเป็นผู้ที่กระตุ้นให้เกิดการศิโรราบแต่แรกๆ ราชวงศ์เหยียนจึงมิได้ถูกประหัตประหารล้างผลาญ 

 

 

ทั้งในเมืองหวงตูก็ยังมีเหล่าผู้ลากมากดีอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่มีลูกหลานเป็นเหล่าคุณชายเจ้าสำราญ พอได้เห็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจถึงเพียงนี้ก็สะกิดให้หัวใจของแต่ละคนคันคะเยอขึ้นมา 

 

 

หากว่าซื้อตัวไปได้ แล้วนำไปถวายฮ่องเต้หญิงใช่ว่าจะได้หน้าได้ตาอย่างยิ่งหรือไม่? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเปลี่ยนเป็นสวมใส่ชุดบุรุษ ทั้งยังติดหนวดบางๆ พวกลูกหลานของคนในราชสำนักจึงจดจำนางไม่ออก 

 

 

ตู๋กูซิงหลันที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนจดจ้องไปยังมนุษย์มัจฉาน้อยผู้นั้นอยู่เนิ่นนาน 

 

 

“นั่นเป็นตัวจริง” ซูเยายืนอยู่ข้างกายนาง “มนุษย์มัจฉาจากทะเลตะวันตก อาศัยอยู่ในท้องทะเลมานานแล้ว ยากนักที่จะปรากฏตัวให้คนพบ ทั่วทั้งร่างกายของพวกเขามีค่า เนื้อของพวกเขา สตรีกินแล้วจะบำรุงความงาม บุรุษกินแล้วจะแข็งขันคึก…” 

 

 

ยามพูดสองคำหลักนั้น เขาก็อดที่จะอึกอักอยู่บ้างไม่ได้ พลางกล่าวที่ข้างหูนางด้วยเสียงเบาลงว่า “แน่นอนอยู่แล้วว่า อาหลันไม่จำเป็นจะต้องบำรุงความงาม ข้าก็ไม่ต้องบำรุงให้แข็งขันมากเกิน” 

 

 

น่าอายเกินไปแล้ว! 

 

 

เพียงแค่ครู่เดียว ก็เห็นเหล่าคนในกลุ่มของพวกราชวงศ์เก่าเริ่มแย่งชิงกันขึ้นมาแล้ว 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเอาแต่จับตามองดูมนุษย์มัจฉาน้อย พอสายตาจับจ้องไป มนุษย์มัจฉาน้อยผู้นั้นก็สังเกตเห็นนางขึ้นมาในทันที 

 

 

เขาจับจ้องมาที่ตู๋กูซิงหลันด้วยสายตาที่สั่นสะท้าน จากนั้นก็ผุดลุกขึ้นมาและพุ่งตัวเข้าหานาง ส่งเสียงตะโกนบางอย่างออกมาจากในกรง 

 

 

เขายื่มมือไปทางนาง ด้วยท่าทางที่วอนขอความช่วยเหลือ 

 

 

ทันทีที่ยื่นมือออกไป มนุษย์มัจฉาน้อยก็ถูกฟาดแส้ใส่หนักๆครั้งหนึ่ง ข้อมือสีเขียวอมฟ้าถูกตวัดจนเป็นแผล จนเลือดสดๆสีฟ้าไหลซึมออกมา 

 

 

“เจ้าสัตว์ตัวน้อย รู้จักสงบเสงี่ยมหน่อย!” บุรุษผู้นั้นตะโกนใส่ จากนั้นก็หันไปทำการค้าขายต่อไป 

 

 

มนุษย์มัจฉาน้อยมิได้ถอยหลบไป หากแต่ยังคงยื่นมือไปทางตู๋กูซิงหลัน 

 

 

อยู่ๆตู๋กูซิงหลันก็รู้สึกอุ่นวาบจากในอก บางสิ่งกำลังไหลซึมออกมา 

 

 

นางก้มศีรษะลงมองดูครั้งหนึ่ง สีหน้าและแววตาก็เปลี่ยนไปในทันที “ส่งเขามาที่ตำหนักหย่งหนิงกงภายในหนึ่งก้านธูป” 

 

 

ในบรรดาเหล่าหนุ่มน้อยที่ติดตามตู๋กูซิงหลันมาตลอดทางย่อมไม่ขาดผู้มีฐานะร่ำรวยอยู่ด้วย อย่างเช่น เฉาโหยวเฉียน ลูกหลานของครอบครัวเศรษฐีในต้าเหยียน เดิมเขาก็ถูกตู๋กูจุนจับมัดใส่ถุงกลับมาเหมือนกัน 

 

 

สุดท้ายพอได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้หญิงก็เกิดใจรักแรกพบ ทั้งๆที่เป็นถึงหลายชายคนโตของตระกูลใหญ่ แต่กลับเต็มใจรั้งอยู่ในตำหนักหย่งหนิงกงยกน้ำชาเทน้ำร้อน 

 

 

ในตอนนั้นเอง ท่ามกลางเสียงแก่งแย่งกัน คุณชายเฉาก็โยนทองคำหลายก้อนออกไป 

 

 

ผู้คนทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงจนปากค้าง 

 

 

……………………….. 

 

 

ในตำหนักหย่งหนิงกง ตู๋กูซิงหลันนั่งอยู่ข้างหน้ากระจกทองเหลือง ในมือของนางมีไข่มุกมังกรที่เปลี่ยนเป็นสีแดงราวโลหิตไปแล้ว 

 

 

ตอนนี้ไข่มุกมังกรนั้นกำลังมีของเหลวซึมออกมา เหมือนกับเลือดที่ซึมออกมาทีละหยดทีละหยด 

 

 

ทั้งยังส่งผ่านความอุ่นร้อนสายหนึ่งสู่มือของนาง เพียงครู่เดียวก็กลายเป็นลูกแก้วโลหิตสีแดงลูกเล็กๆลูกหนึ่ง 

 

 

มนุษย์มัจฉาน้อยถูกจับอาบน้ำล้างตัวจนสะอาดสะอ้านจึงได้ถูกนำตัวมาพบนาง กลิ่นน้ำทะเลบนร่างของเขาจางไปมาก 

 

 

เขายังคงถูกขังอยู่ในกรง ข้อมือและข้อเท้ายังคงถูกล่ามตรวนเอาไว้ พลางแยกคมเขี้ยวในปากออกมา 

 

 

กระทั่งถูกนำมาอยู่เบื้องหน้าตู๋กูซิงหลัน เขาถึงได้สงบนิ่งลง 

 

 

พอมองเห็นไข่มุกมังกรในมือของตู๋กูซิงหลัน ดวงตาก็เบิกโต อ้าปากค้างตะโกนเป็นภาษามนุษย์มัจฉาออกมา 

 

 

“ทะเลตะวันตก…..องค์หญิงหลี……..ท่านรู้จักนางใช่หรือไม่?” 

 

 

เขาพึ่งจะเอ่ยออกมา นางก็เห็นพี่รองวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน 

 

 

“น้องเล็ก เกล็ดของชือหลีเปลี่ยนสีได้ด้วยหรือ? เป็นสีแดงไปแล้ว! เจ้าคิดว่านางไปก่อเรื่องอะไรกับใครหรือไม่ ถูกเอาไปตุ๋นแล้วหรือเปล่า!” 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “……” 

 

 

“พวกกุ้งพวกปูพอสุก ก็กลายเป็นสีแดง นางเองก็เช่นกันใช่หรือไม่?” ตู๋กูเจวี๋ยล้วงเกล็ดสีแดงออกมาจากในอก วางลงไปบนฝ่ามือของตู๋กูซิงหลัน 

 

 

อุ่นร้อน! 

 

 

“องค์หญิงหลี…..” มนุษย์มัจฉาน้อยมองดูเกล็ดชิ้นนั้น ก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นมา “พวกท่านช่วยนางได้หรือไม่?” 

 

 

“ในมือของท่านมีไข่มุกมังกรจากพลังชีวิตขององค์หญิง ท่านสามารถฟังคำพูดของข้าออก” มนุษย์มัจฉาน้อยหันมาอ้อนวอนตู๋กูซิงหลัน “เผ่ามังกรทมิฬ! นางไปถึงที่นั่น เช่นนี้เท่ากับว่าตายสถานเดียว!” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันขมวดคิ้วแนบแน่น นางไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า ยายตัวแสบชือหลีจะมอบไข่มุกมังกรจากแก่นชีวิตให้กับนาง 

 

 

นี่จะเรียกว่าใจกว้างหรือว่าเชื่อถือนางจนหมดใจดี? 

 

 

สิ่งของชิ้นนี้ นับว่ามีพลังตบะที่ชือหลีสะสมมามากกว่าครึ่ง 

 

 

ตอนนั้นนางเคยบอกเอาไว้ว่า จะไปที่ทะเลตะวันตกเพื่อฟื้นคืนดวงจิตของน้องสาว…..ตอนนั้นตู๋กูซิงหลันก็รู้สึกได้ว่านางกำลังจะไปเสี่ยงอันตราย คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นเร็วขนาดนี้ 

 

 

ในเมื่อนางมอบไข่มุกมังกรให้กับตน…..แล้วจะปกป้องตัวเองได้อย่างไร? 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นเผ่ามังกรทมิฬ…..นั่นคืออะไร 

 

 

ในขณะที่ใจของนางมีคำถามมากมาย ก็สั่งให้คนเปิดกรงออก ปล่อยตัวมนุษย์มัจฉาผู้นั้นออกมา 

 

 

…………………… 

 

 

ณ แคว้นต้าโจว  

 

 

ที่นี่มีฝนตกหนักติดต่อกันมาหลายวันแล้ว เรียกว่าตลอดทั้งเดือนนี้แทบจะไม่มีวันที่ฟ้าใสอากาศดีเลยด้วยซ้ำ 

 

 

ซุนย่วนพึ่งออกมาจากตำหนักตี้หัวกง ก็เห็นว่าภรรยาของตนเองกำลังสนทนาอยู่กับหัวหน้าราชองครักษ์ลับ หลงเซียว 

 

 

ทั้งสองยืนอยู่ข้างกันในมุมหนึ่ง กระซิบกระซาบกันเบาๆ พอเห็นเขาออกมา อู๋เหนียงจื่อก็เดินเข้าไปรับหน้า 

 

 

นางสะบัดคางไปทางตำหนักตี้หัวกง จากนั้นก็ถามออกมาว่า 

 

 

“ว่าอย่างไร?” 

 

 

ซุนย่วนส่ายศีรษะติดๆกัน เหลือบตามองซ้ายมองขวาโดยรอบ “มารดาของข้า นี่เจ้ายังจะกล้ายุ่งเกี่ยวเรื่องของฝ่าบาทกับไทเฮาน้อยอีกหรือ” 

 

 

อู๋เหนียงจื่อตบอกรัวๆ “นั่นจะไม่ยุ่งได้หรือไร? ใต้หล้านี่ไม่มีด้ายแดงเส้นใดที่ข้าอู๋เหนียงจื่อผูกไม่ได้หรอกนะ!” 

 

 

นางพูดพลาง ก็เหลือบมองไปทางตำหนักตี้หัวพลาง 

 

 

“เจ้ายังคงตัดใจเสียเถอะ ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้คนที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในวังหลังคือใคร” สีหน้าของซุนย่วนมีแต่ความเหน็ดเหนื่อย “เจ้านายน้อยผู้นั้นมิใช่ผู้ที่ใครๆก็จะรับใช้ได้โดยง่ายนะ เห็นอยู่ว่าไม่ได้เป็นอะไรอยู่ชัดๆ ก็ยังจะมาบอกว่าปวดหัวตัวร้อน ถามแต่ว่าข้าตรวจดูแล้วนางเป็นอะไร?” 

 

 

ซุนย่วนเองก็มีแต่ความกลัดกลุ้มอยู่เต็มหัวใจ นับตั้งแต่ที่ในวังมีฉางซุนอิงเพิ่มขึ้นมา เรื่องราวต่างๆก็ไม่ราบรื่นอีกต่อไป 

 

 

เริ่มจากซูหวงกุ้ยเฟยที่ไปชนกับนางโดยไม่ทันระวัง เห็นๆอยู่ว่าทั้งสองตกลงมาด้วยกัน หวงกุ้ยเฟยกับสูญเสียพระครรภ์ไป….. 

 

 

แต่ว่าฮ่องเต้กลับทรงปกป้องฉางซุนอิง น่าเสียดายครรภ์มังกรที่เกือบจะใกล้ครบกำหนดอยู่แล้วแท้ๆ…. 

 

 

ที่ยิ่งน่าสงสารก็คือซูหวงกุ้ยเฟย ที่ถูกส่งเข้าตำหนักเย็นเพราะฉางซุนอิง สุดท้ายต้องมาผูกคอตาย 

 

 

ตอนนี้ฉางซุนอิงก็เริ่มจะมาหาเรื่องเขาเข้าแล้ว 

 

 

ประเดี๋ยวก็รู้สึกไม่สบาย ประเดี๋ยวก็เจ็บตรงนั้นปวดตรงนี้ ทุกๆวันเป็นต้องตามไปตรวจชีพจร 

 

 

ดูเอาเถอะ คนที่ไม่มีแม้แต่ชีพจรอย่างนาง จะให้เขาตรวจว่าเป็นอะไร 

 

 

นี่มิใช่ว่าต้องการจะสร้างความลำบากให้เขาชัดๆหรอกหรือ? 

 

 

ประเด็นที่สำคัญก็คือภรรยาในบ้านก็ยิ่งทำให้คนลำบากใจ ทุกครั้งไม่ว่ามีเรื่องใดหรือไม่เป็นต้องคอยกระตุ้นให้เขาเอ่ยถึงไทเฮาน้อยสักสองประโยค 

 

 

วันนี้เขาก็เอ่ยขึ้นมาแล้ว แต่สีพระพักตร์ของฝ่าบาทกลับไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง 

 

 

ท่าทางประหนึ่งว่ามิได้ทรงสนพระทัยเลยเสียด้วยซ้ำ! 

 

 

ดูเอาเถอะ อยู่ดีๆแคว้นที่ตีชิงมาได้กลับถูกไทเฮาน้อยฮุบไปเสียอย่างนั้น แล้วฝ่าบาทจะมิทรงพิโรธได้หรือ? 

 

 

ที่มิได้ไปทำสงครามอีกในขณะที่เหล่าราษฏร์ของแคว้นเหยียนกำลังมัวแต่ร่าเริงยินดี ก็ต้องนับว่าทรงพระทัยดีมีเมตตามากแล้ว