บทที่ 1977 – นักฆ่าผู้แพ้พ่าย ตระกูลฉาง

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

ชิงสุ่ยพุ่งเข้าโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนคู่ต่อสู้ของเขาก็เพิ่มความเร็วหลบหลีกมากขึ้นกว่าเดิม ในที่สุดเขาก็ใช้ทักษะเบิกเนตรสวรรค์
  ฝ่ามือกระชากมังกร!!
  ในชั่วพริบตา ความเร็วของชิงสุ่ยก็เพิ่มพูนขึ้น ดวงตาของเขาจับการเคลื่อนไหวศัตรูได้ เขาใช้มือกดลงที่ไหล่ของศัตรูอย่างไร้ปรานี
  ปังงง
  ในขณะที่เขากำลังดึงมีดสั้นออกมา ร่างของเขาก็ถูกขว้างปลิวลอยออกไป เขาถึงกับอ้าปากค้าง จ้องมองชิงสุ่ยด้วยความประหลาด และร่างของเขาก็ค่อยๆหายไปเหมือนวิญญาณ
  สีหน้าการแสดงออกของชิงสุ่ยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยพลังของทักษะเบิกเนตรสวรรค์ ต่อให้เป็นนักฆ่าที่แข็งแกร่ง ก็ไม่อาจซ่อนเร้นกายจากดวงตาของเขาได้ ชิงสุ่ยรู้แล้วว่าศัตรูอยู่ที่ใด เขาจึงเริ่มปลดปล่อยพลังปราณจิตเพื่อตรวจจับศัตรู เตรียมพร้อมคาดเดาทิศทางการโจมตีของศัตรู
  ทำไมเขาถึงถูกสะกดรอยตามทันทีที่มาถึงเมืองฉาง?
  นักฆ่าผู้นั้นเคลื่อนไหวโจมตีอีกครั้งโดยเป้าหมายของมันคือการแทงมีดสั้นเข้าที่คอชิงสุ่ย
  ชิงสุ่ยบิดตัวไปด้านข้าง และใช้ศอกที่รวดเร็วและแม่นยำเกินกว่าที่นักฆ่าจะรู้ทันการโจมตีของเขา
  ศอกของชิงสุ่ยกระแทกเข้าจุดชีพจรกลางหน้าอก แม้ว่าจะไม่ได้ออกแรงเต็มที่ แต่เลือดกบค**พุ่งออกมาจากตัวนักฆ่า ชิงสุ่ยจึงรีบใช้มืออีกข้างบีบคอนักฆ่าผู้นั้น
  “บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ เจ้าสะกดรอยตามข้าด้วยเหตุผลใด”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา  “เพราะเจ้าคือผู้สืบทอดมรดกแห่งเทพสงคราม”นักฆ่าหน้าซีดเผือด
  “ใครสั่งให้เจ้ามาสะกดรอยตามข้า?”
  “ข้ามาจากตระกูลฉาง ทุกคนที่ข้าสงสัยจะต้องถูกสะกดรอยตาม มันจึงเป็นเหตุผลทำไมข้าถึงอยู่ตรงนี้”
  ชายคนนี้ไม่ได้ปิดบังใดๆ ชิงสุ่ยก็รู้สึกได้ว่าคำพูดของเขานั้นสัตย์จริง ตัวของชิงสุ่ยก็เพิ่งลงมาจากฟากฟ้า ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจเลยที่จะมีคนสงสัยในตัวเขา
  ชิงสุ่ยอยากจะกำจัดศัตรูที่อยู่เบื้องหน้า แต่เมื่อชายคนนี้เป็นคนของตระกูลฉาง หากกำจัดออกไปมันก็อาจจะทำให้เขาและตระกูลฉางเกิดความขัดแย้งกับได้
  ชายร่างผอมยังคงจ้องมองด้วยความตะลึงงัน ในฐานะที่เขาเป็นถึงผู้สืบทอดอสูรทำลาย เขาสามารถสังหารคนที่แข็งแกร่งกว่าด้วยมีดสั้นของเขา เขาแข็งแกร่งในด้านความเร็ว และใช้ชีวิตอยู่กับกระบวนท่าร่ายรำมีดสั้นมาเกือบทั้งชีวิต และตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่เขาเดินทางอยู่บนสายนี้ เขาไม่เคยเผชิญหน้ากับภัยอันตรายแม้แต่ครั้งเดียว
  ใครจะไปคาดคิดว่าคนอย่างเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับเด็ก
  “บอกเหตุผลดีๆ ที่ข้าจะไม่ฆ่าเจ้ามา”ชิงสุ่ยจ้องมองชายผู้นั้น
  “ชีวิตข้าสังหารคนมามากมาย แต่ไม่เคยลงมือกับประชาชนตาดำๆ ตระกูลฉางไม่ใช่ตระกูลที่ทำเรื่องชั่วร้าย ดังนั้น ข้าจะลงมือสังหารคนที่ควรตายเท่านั้น”ชายร่างผอมกล่าวตอบอย่างช้าๆ
  นักฆ่ามีการตัดสินใจที่เฉียบขาด ภายในเวลาอันสั้น เขามองเห็นบางสิ่งในสายตาชิงสุ่ย แม้ว่าจะไม่รู้บุคลิกของชายผู้นี้ แต่เขาสามารถวิเคราะห์ จึงกล่าวออกไปโดยไม่ลังเล
  “ข้ามาที่นี่ และคิดว่าจะเปิดหอรักษา อย่างไรก็ตาม ข้ายังไม่คุ้นชินกับสถานที่แห่งนี้ แต่ก็ไม่ต้องการพึ่งพาใคร พอจะบอกที่ที่ใกล้และดีซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากตรงนี้ได้หรือไม่”ชิงสุ่ยกล่าว  “ไม่มีปัญหาท่านผู้อาวุโส”ชายร่างผอมรู้แล้วว่าตัวเองปลอดภัย ดูเหมือนทุกอย่างสามารถจบได้ด้วยการเจรจา
  ชิงสุ่ยคลายมือและเริ่มคลายจุดหลายจุดบนร่างกายชายร่างผอม ความเจ็บปวดของชายร่างผอมค่อยๆลดลง ใบหน้าที่เคยซีดเริ่มกลับมามีสี ร่างกายขับเหงื่อจำนวนมากออกมาก่อนจะผ่อนคลาย
  “ข้ารู้ว่าเจ้าคือผู้สืบทอดอสูรทำลาย และข้าก็ไม่สนใจสิ่งที่เจ้าทำ แต่เจ้าจงจำคำพูดของข้าเอาไว้ ข้าหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก มิฉะนั้น ข้าจะฆ่าเจ้าไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม”ชิงสุ่ยกล่าวเตือน
  “ข้ารู้ดี ไม่ต้องกังวลท่านผู้อาวุโส ข้าคงไม่กล้าทำให้ท่านขุ่นเคืองอีกแล้ว”ชายผู้นี้ทั้งนับถือและเชื่อฟังคำสั่ง ในใจของเขา ชิงสุ่ยคือปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว
  “อย่าพูดหรือเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนี้อีก มิฉะนั้นข้าจะเป็นคนลงโทษเอาเอง เจ้าจงจำเอาไว้”   “ข้าไม่กล้า ข้าน้อยไม่กล้า!!”
  ………………
  ………….
  ถนนอวี้ฉาง!!
  มันคือถนนเส้นที่ใหญ่ที่สุดและคึกคักที่สุดในเมืองฉาง ถนนอวี้ฉางเต็มไปด้วยความอึดอัดเบียดเสียด สินค้าทุกอย่างที่อยู่บนถนนเส้นนี้ล้วนเป็นสินค้าคุณภาพสูง รอบข้างเต็มไปด้วยตึกอาคารโออ้าตกแต่งหรูหรา
  “ท่านผู้อาวุโส ข้ามีห้องเล็กอยู่ทางนี้ หวังว่าท่านจะไม่รังเกียจ”
  ในระหว่างการเดินเท้า ชายร่างผอมได้แนะนำตัวเองว่าตัวของเขาชื่อหลางซี ซึ่งหลางซีก็กำลังชี้นิ้วไปที่ประตูขณะที่เขาพูดคุยกับชิงสุ่ย
  มันคือบ้านที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ภายในมีห้องใหญ่อยู่ 2 ห้อง รวมพื้นที่แล้วประมาณ 50 ตารางเมตร แต่หลังคาบ้านถือว่าสูง สถานที่แห่งนี้คือร้านขายสมุนไพรขนาดเล็ก  “ร้านนี้เป็นของเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”ชิงสุ่ยกล่าวถาม
  ริมฝีปากหลางซีกระตุกเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มปลอมๆว่า “ใช่แล้วล่ะ มันเป็นของข้าเอง นี่เป็นเพียงธุรกิจขนาดเล็กไม่มีอะไรน่าสำคัญ”
  “ข้าสงสัยเหลือเกินว่าตระกูลฉางรู้เรื่องนี้หรือไม่?”ชิงสุ่ยถามอีกคำถามด้วยรอยยิ้ม
  “เออ….พวกเขาไม่รู้ ข้าซื้อมันด้วยตัวข้าเอง”มุมปากหลางซีกระตุกอีกครั้ง
  “เอาล่ะ ข้าต้องการ3 ชั้นล่าง ส่วนชั้นบน เจ้าก็ใช้ค้าขายสมุนไพรของเจ้าต่อไป ข้าไม่อยากได้ของเจ้าโดยที่เจ้าเสียผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว ข้าสามารถช่วยเหลือเจ้าได้ 1 อย่างโดยไม่ขัดกับหลักการ จำเอาไว้ว่าข้าชื่อหมอที่มีทักษะดี”ชิงสุ่ยกล่าวแนะนำ
  หลางซีคิดเพียงแค่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าอย่างมีความสุข “ขอบคุณมากท่านผู้อาวุโส หากท่านผู้อาวุโสอยากจะเปิดหอรักษา ท่านสามารถเลือกใช้สมุนไพรที่ข้ามีได้ตามสบายเลย”
  หลางซีเดินเข้าไปในตัวตึกและสั่งให้คนย้ายสิ่งของของเขาทั้งหมดขึ้นไปยังชั้นบน รวมทั้งป้ายร้าน
  จากนั้นคนรับใช้ก็เริ่มย้ายบันไดทางเข้าร้านไปวางทางด้านข้าง เพื่อให้ลูกค้าจากภายนอกเดินขึ้นชั้น 4
  ในไม่ช้า ชั้นที่ 1 ถึงชั้น 3 ก็กลายเป็นเพียงห้องว่างเปล่า
  หลังจากนั้นไม่นาน หลางซีก็สั่งให้คนของเขารวบรวมอุปกรณ์การแพทย์ รวมถึงชั้นวางยา ด้วยศักยภาพของหลางซี ไม่นานนักของคุณภาพดีก็ถูกจัดส่งมาอย่างรวดเร็ว มันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยประทับใจในตัวหลางซี และดูเหมือนว่าชายคนนี้เองก็จะเป็นคนที่ทำทุกอย่างทันทีโดยไม่มีการผลัดวันประกันพรุ่ง
  เมื่อถึงเวลาเที่ยง ชิงสุ่ยก็ได้รับป้ายที่เป็นเครื่องหมายสัญลักษณ์แสดงการค้าของตนเอง มันถูกแกะสลักด้วยคำอันแสนปราณีตและงดงาม “หอคอยจักรพรรดิ”   ชิงสุ่ยไม่ได้รีบร้อน ยิ่งตอนนี้คือเวลาเที่ยง
  “หลางซี เราไปหาอะไรกินกันเถอะ”
  “ได้เลย เอาเป็นภัตตาคารหยกรัญจวนดีหรือไม่?”หลางซีตอบกลับ
  “ก็อย่างที่ข้าเคยบอกเอาไว้ ข้าเพิ่งเคยมาที่นี่ ข้าจึงไม่รู้จักยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เลย”ชิงสุ่ยพยักหน้า