ตอนที่ 703
ลอบทำร้าย
“ขอโทษด้วยนะ ข้าเองก็อยากพาเจ้าไปแต่งานพิธีตอนเช้าไม่ได้ให้คนนอกเข้านี่สิ”ในเช้าวันรับรางวัล หลี่เซียนต้องเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิพร้อมกับท่านแม่ทัพอั้งจินเป่าและรองแม่ทัพทั้ง 3 เพราะความดีความชอบในครั้งนี้ถือเป็นของกองทัพราชสีห์คลั่งเช่นกัน แต่อย่างที่บอกองค์จักรพรรดิของอาณาจักรจินเป่ยเป็นพวกเก็บตัวอย่างมาก พระองค์ไม่อยากให้คนในพิธีเยอะเกินไปคนที่สามารถเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิได้เลยมีไม่กี่คนเท่านั้น
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แค่งานเลี้ยงฉลองตอนเย็นท่านยอมพาข้าไปด้วยก็ดีใจมากแล้ว”ชิวซุยตอบพลางยิ้มหวานด้วยท่าทียินดี เพียงแต่ทันทีที่หลี่เซียนเดินขึ้นรถเตรียมตัวจะเข้ารับรางวัล ชิวซุยก็ล่องหนหายตัวแอบติดตามหลี่เซียนไปด้วยทันที ช่วยไม่ได้นี่นานางเองก็อยากเห็นพิธีมอบรางวัลของจักรพรรดิจินเป่ยเหมือนกัน
.
.
“นี่ เจ้าได้ข่าวหรือยัง เห็นว่าท่านแม่ทัพสามอย่างท่านอั้งจินเป่าจะยกตำแหน่งแม่ทัพคนต่อไปให้ท่านสือหลงล่ะ”แม้ในท้องพระโรงจะไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า แต่ที่หน้าวังกลับมีทั้งนางสนม ขุนนางหญิงรวมทั้งบุตรสาวคนใหญ่คนโตมารอชมกันไม่น้อย หากถามว่าทำไมก็เพราะว่ารองแม่ทัพสือหลงและรองแม่ทัพเจียนหู่กำลังจะมาร่วมงานนะสิ แม้ทั้งสองจะไม่ได้เป็นคนของกองทัพที่ 1 หรือ 2 ที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งกว่ากองทัพที่ 3 ไปอีกขั้นหนึ่ง แต่เหล่าสาวๆกลับชอบพูดถึงกองทัพที่ 3 กันมากกว่าเพราะรองแม่ทัพอย่าง สือหลง และ เจียนหู่ เป็นหนุ่มรูปงามที่หาตัวจับยากจริงๆ อย่างสือหลงมองภายนอกมันเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าคมคายและออกไปทางสวย แม้จะไม่เท่าหลินเฟยแต่ก็นับว่าทำผู้หญิงหลายคนต้องรู้สึกละอายเพราะงามไม่เท่าชายหนุ่มผู้นี้เลยทีเดียว ส่วนเจียนหู่เป็นชายหนุ่มมาดคุณชาย หากไม่ใช่เพราะสวมเครื่องแบบกองทัพอยู่คงคิดว่ามันเป็นคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ที่ไหนสักที่แน่ๆ แถมนิสัยยังรักสะอาดเรียบร้อยปนเข้มงวดหน่อยๆ ทำให้ทั้งสองเป็นที่นิยมของสาวๆไม่น้อยทั้งๆที่แทบไม่ได้ออกมาจากค่ายเลยนอกจากตอนทำภารกิจ ส่วนอวิ๋นฉางแม้ไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าทั้งสองแต่ก็หน้าตาดีไม่น้อย ใบหน้าของมันจริงจังเสมอและดูเด็ดเดี่ยวสมเป็นลูกผู้ชาย เรียกได้ว่าหน้าตาดีทีเดียวหากไม่เทียบกับทั้งสองขั้นต้น
“แต่…งานนี้เป็นงานมอบรางวัลของรองแม่ทัพชื่อหลี่เซียนไม่ใช่เหรอ บางทีเพราะผลงานครั้งนี้อาจจะทำให้ตำแหน่งแม่ทัพไปอยู่กับรองแม่ทัพคนนั้นก็ได้”หญิงสาวคนหนึ่งพูดด้วยท่าทีสงสัย
“หลี่เซียน….มีรองแม่ทัพชื่อนี้ด้วยงั้นหรือ”หญิงสาวอีกคนหันมาถามด้วยใบหน้างุนงง สำหรับสาวๆแล้วท่าทางพวกนางจะไม่ได้สนใจเรื่องหลี่เซียนเลยแม้แต่น้อย
“คนนั้นไง”หญิงสาวอีกคนตอบก่อนจะชี้ไปทางหลี่เซียนที่พึ่งจอดรถที่หน้าวังพอดี รถของพวกรองแม่ทัพต่างมาตราของกองทัพกันทั้งนั้น และที่ตราก็มีจะมีความแตกต่างเพื่อแสดงว่าเจ้าของรถเป็นคนระดับไหนเช่นกัน และในเมื่อคนที่ลงมาจากรถของรองแม่ทัพไม่ใช่เจียนหู่ สือหลง หรือ อวิ๋นฉาง เช่นนั้นก็ต้องเป็นหลี่เซียนอย่างแน่นอน
“นะ นั่นน่ะเหรอ”พวกสาวๆมองหลี่เซียนด้วยท่าทีอึ้งๆ น่าสงสารหลี่เซียนไม่น้อย ความจริงมันไม่ได้มีหน้าตาขี่เหร่อะไร ออกจะธรรมดาสามัญเสียด้วยซ้ำแต่เพราะอยู่ท่ามกลางหนุ่มรูปงามความธรรมดาของมันกอปกับร่างกายสูงใหญ่ล่ำสันก็เลยดูน่ากลัวสำหรับพวกสาวๆไปเสียอย่างนั้น
“หวา….ไม่เข้ากับรองแม่ทัพคนอื่นๆสุดๆเลย”หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางเบ้ปากอย่างกับเจอของแขยง
“นั่นสิ คนแบบนั้นเนี่ยนะจะมาเป็นแม่ทัพ แบบนั้นภาพความฝันของข้าคงพังทลายแน่ๆ”หญิงสาวอีกคนพูดด้วยท่าทีรังเกียจเช่นกัน เพียงแต่พวกนางยืนอยู่ห่างทางเข้าวังหลวงมากก็เลยไม่มีพวกทหารได้ยินแต่อย่างไร ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นรองแม่ทัพที่พวกนางกำลังชื่นชมมาได้ยินสิ่งที่พวกนางพูดพวกมันก็คงเล่นงานหญิงสาวพวกนี้อย่างไม่เกรงใจเลยก็ได้
เพี๊ย!!
“โอ้ย เจ้าตีข้าทำไมเนี่ย”ระหว่างกำลังนินทาหลี่เซียนกันอย่างสนุกปาก อยู่ๆหญิงสาวคนหนึ่งก็รู้สึกเหมือนโดนตีเข้าอย่างแรง
“ข้าเปล่านะ โอ้ย นี่เจ้าทำอะไรเนี่ย”หญิงสาวอีกคนกำลังจะปฏิเสธแต่ยั้งไม่ทันพูดอธิบายอะไรออกไป นางก็เหมือนโดนตีด้วยเช่นกัน
พรึบ…..
“กรีดดดดด”ยังไม่ทันได้หาว่าใครเป็นคนตี อยู่ๆหญิงสาวพวกนั้นก็โดนเอากระโปรงที่สวมอยู่ตลบขึ้นมาคลุมหัวตัวเองเสียอย่างนั้น ทำเอาพวกนางตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเดินชนกันวุ่นวายไปหมด
ปึง…
กว่าพวกนางจะหาทางเอากระโปรงลงได้ ผู้ลงมือก็เดินผ่านผู้คนเข้าไปในวังร่วมกับหลี่เซียนเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมพวกข้าต้องมาด้วย เสียเวลาฝึกจริงๆ”เมื่อเข้าไปด้านในหลี่เซียนก็พบกับอวิ๋นฉางและรองแม่ทัพคนอื่นๆที่ยืนรอกันพร้อมหน้า
“ในห้องนั่น…หรือว่า”ทันทีที่หลี่เซียนเข้ามาในระยะของท้องพระโรง สิ่งที่หลี่เซียนพูดออกมาเป็นคำแรกหาใช่คำทักทายไม่ แต่เป็นคำถามถึงพลังวิญญาณที่แผ่ออกมาจากภายในท้องพระโรงต่างหาก ระดับพลังวิญญาณเดินกว่าระดับเทียนเซียนเช่นนี้ย่อมไม่ใช่คนของอาณาจักรไป๋อย่างแน่นอน
“ดูเหมือนฝั่งอาณาจักรไป๋จะส่งคนมามอบรางวัลให้เจ้าด้วย เพราะโจรพวกนั้นเป็นภัยต่ออาณาจักรไป๋เหมือนกันนะสิ”สือหลงตอบพลางเดินเข้ามาหาหลี่เซียนด้วยท่าทีลำบากใจ พวกมันไม่ทราบเลยว่าจะมีคนของอาณาจักรไป๋มาด้วย
“แล้วท่านแม่ทัพล่ะ”หลี่เซียนกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะมองไปรอบๆ ตรงหน้าท้องพระโรงมีเพียงรองแม่ทัพทั้ง 4 เท่านั้น
“ท่านเข้าไปก่อนพวกเราแล้ว คงกำลังพูดคุยกับองค์จักรพรรดิอยู่”เจียนหู่ตอบพลางจัดแต่งเสื้อผ้าของตนให้เข้าที่เข้าทาง
“ท่านรองแม่ทัพทั้งสี่เชิญขอรับ”เจียนหู่พูดจบยังไม่ทันขาดคำ ขุนนางผู้หนึ่งก็เดินออกมาเรียกตัวเหล่ารองแม่ทัพเข้าไปเสียที
“ทราบแล้ว”รองแม่ทัพทั้ง 4 เดินเข้าไปในท้องพระโรงด้วยท่าทีตื่นเต้น ไม่ใช่แค่การพบองค์จักรพรรดิครั้งแรก แต่ยังมีแขกจากอาณาจักรไป๋มาอีกต่างหาก
“พวกเจ้าคือรองแม่ทัพทั้งสี่แห่งกองทัพราชสีห์คลั่งสินะ”ทันทีที่เข้าไปในท้องพระโรง องค์จักรพรรดิก็เอ่ยปากถามพลางมองรองแม่ทัพทั้ง 4 ด้วยท่าทีสนใจ
“ถวายบังคมฝ่าบาท”เหล่ารองแม่ทัพต่างก้มหัวลงพร้อมกันอย่างนอบน้อม เห็นได้ชัดเลยว่าทุกคนเกร็งกันมากจนทำอะไรไม่ถูก
“เอาล่ะ พวกเจ้าเงยหน้าขึ้น ก่อนอื่นข้าต้องขอชื่นชมกับผลงานของพวกเจ้า แต่ท่านแม่ทัพหลิวซุนไห่อยากจะฟังรายงานภารกิจจากเจ้าด้วยตนเอง ท่านก็เลยเดินทางมาที่นี่”องค์จักรพรรดิพูดพลางผายมือไปทางชายหนุ่มที่เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ ไม่แปลกเลยที่องค์จักรพรรดิจินเป่ยจะมีท่าทีเกรงใจเช่นนี้ นั่นเพราะหลิวซุนไห่ผู้นี้คือพี่ชายคนหนึ่งขององค์จักรพรรดิหลิวผู้ครองอาณาจักรไป๋อยู่ตอนนี้ ต่อให้เป็นเพียงตำแหน่งแม่ทัพแต่เมื่อดูความผูกพันของเครือญาติแล้วไม่ว่าจะจักรพรรดิอาณาจักรไหนก็ต้องเกรงใจแม่ทัพท่านนี้เป็นธรรมดา
“ขอรับ….”หลี่เซียนก้าวออกไปข้างหน้าก่อนจะรายงานภารกิจให้ฟังอีกครั้ง ตั้งแต่สืบเรื่องของพวกโจรและการลอบเข้าไปร่วมเป็นพวกโจร กระทั่งรายงานแผนการที่พวกโจรใช้รวมถึงแผนการล้อมจับของตนเองด้วย
“ก็ตรงตามรายงานล่ะนะ แต่ข้ายังสงสัยอะไรอยู่นิดหน่อย”หลิวซุนไห่ว่าพลางมองหลี่เซียนด้วยท่าทีจับผิด รายงานของหลี่เซียนเหมือนมีอะไรปกปิดอยู่หลายจุด แถมพวกโจรที่ว่ากลับถูกจับได้ที่ฝั่งอาณาจักรไป๋เสียอีก เช่นนั้นแผนการของหลี่เซียนก็คงมีเรื่องผิดพลาดทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น
“เอาล่ะ…..เจ้าบอกว่าช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่งมาจากกลุ่มพ่อค้า……โอ้ย”หลิวซุนไห่พูดยังไม่ทันจบก็รู้สึกเหมือนตัวเองโดนหยิกเข้าให้ มันรีบมองไปรอบๆเหมือนกำลังตามหาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พบว่าไม่มีใครทำอะไรเลย แถมตัวมันในตอนนี้ยังอยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 ไม่มีใครในที่นี้สมควรทำร้ายมันได้โดยมันไม่รู้ตัวสิ
“ขอโทษด้วย งั้นมาต่อกันเลย ข้าสงสัยว่าผู้หญิงที่เจ้าช่วยเอาไว้ก็อยู่ในกลุ่มพ่อค้าหนี….โอ้ย”หลิวซุนไห่พูดยังไม่ทันจบก็รู้สึกเหมือนโดนหยิกเข้าให้อีกที ทำให้มันรีบมองไปรอบๆอีกที แต่คราวนี้มันกลับสังเกตเห็นว่าพู่กันที่อยู่ตรงหน้ามันกำลังขยับอย่างรวดเร็วก่อนจะเขียนคำว่า ไปข้างนอก ออกมาโดยไม่มีคนอื่นเห็น
“องค์จักรพรรดิ ข้าต้องขออภัยด้วยดูเหมือนข้ามีธุระต้องไปทำสักครู่”หลิวซุนไห่ว่าพลางลุกขึ้นเดินออกไปทางด้านหลังท้องพระโรงทันที
“ชิวซุย เจ้ามาทำอะไรที่นี่”หลิวซุนไห่ว่าพลางมองร่างของหญิงสาวที่ปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาตนเอง หลิวซุนไห่เป็นบุตรชายของหลิวเมิ่ง เช่นนั้นก็อยู่ในฐานะอาของชิวซุยเช่นเดียวกัน และคนที่สามารถล่องหนหายตัวมาแกล้งมันได้เช่นนี้ก็มีเพียงชิวซุยและชิงชิวบิดาของนางเท่านั้น
“ท่านอา ความจริงแล้วที่แผนของท่านหลี่เซียนมันแปลกๆเป็นเพราะข้าเองเจ้าค่ะ”ชิวซุยยิ้มเจื่อนๆออกมาก่อนจะกระซิบเรื่องที่นางทำให้หลิวซุนไห่ฟังช้าๆ ก่อนจะกำชับอีกด้วยว่าห้ามเอาไปบอกครอบครัวของนาง
“เจ้านี่นะ ข้านึกว่าเจ้าจะไม่ซนเหมือนแม่เจ้าเสียอีก”หลิวซุนไห่ตัดพ้อออกมาอย่างช่วยไม่ได้ สมัยก่อนเรื่องความซุกซนขององค์หญิงไป๋หลินนั้นเลื่องลือในวังไม่น้อย เห็นชิวซุยโตมาเป็นเด็กเรียบร้อยก็นึกว่านางจะได้นิสัยมาจากพ่อเสียอีก
“แฮะๆ”ชิวซุยยิ้มออกมาด้วยท่าทีทะเล้นทำเอาหลิวซุนไห่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่จากที่ฟังมาหากชิวซุยไม่เข้าไปยุ่งแผนของหลี่เซียนก็คงสำเร็จได้ตามแผนจริงๆ เช่นนั้นก็ต้องโทษชิวซุยและความใจอ่อนของหลี่เซียนสินะ
“ขอโทษด้วยที่ทำให้รอ”หลิวซุนไห่เดินกลับมาที่เก้าอี้ของตนก่อนจะกระแอมกระไอออกมาแก้เขินเล็กน้อย หลานสาวของมันออกปากปกป้องหลี่เซียนขนาดนี้มันก็คงคาดโทษอะไรไม่ได้สินะ แถมถ้าทำแบบนั้นก็ต้องไปเอาผิดที่ตัวชิวซุยอีกต่างหาก และรู้ทั้งรู้ว่านางเป็นคนของตระกูลไป๋แล้วหลิวซุนไห่จะทำได้อย่างไร
“เรื่องที่เจ้าช่วยเหลือหญิงสาวคนนั้นเอาไว้ข้าขอแสดงความนับถือท่านรองแม่ทัพหลี่เซียนอย่างมาก เจ้าทำงานได้สมกับเป็นผู้ปกป้องความปลอดภัยของประชาชนจริงๆ แถมยังต้อนพวกโจรให้มาติดกับของอาณาจักรไป๋อีกต่างหาก นับว่าแผนการครั้งนี้น่ายกย่องจริงๆ”จากตอนแรกที่เตรียมจะมาสอบปากคำหลี่เซียนเพื่อดูว่ามีอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ ยามนี้หลิวซุนไห่ชมหลี่เซียนไม่หยุดแถมยังยกย่องเกินผลงานไปนิดหน่อยเสียด้วยซ้ำ