ตอนที่ 309 ขอโทษ

รักเล่ห์เร้นใจ

เรื่องคราวนี้คนที่ได้รับผลกระทบ ไม่เพียงไป๋เจี๋ย ฉินฮ่วนก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักด้วย ชาวเน็ตต่างพากันเข้ามาถากถางฉินฮ่วน

 

 

ทุกคนรู้ความจริงแล้วว่าฉินฮ่วนอยากจะได้ตัวหลินหว่าน แต่ไม่สำเร็จ จึงคิดจะใช้อิทธิพลของตัวเองบีบบังคับหลินหว่าน

 

 

[คนอะไรเนี่ย พูดกลับดำเป็นขาวก็ยังได้]

 

 

[งั้นสิ เห็นชัดๆ ว่าตัวเองคิดไม่ดีเอง แล้วยังมีหน้ามาใส่ร้ายป้ายสีหลินหว่านอีก]

 

 

[โหย เมื่อก่อนฉันตาบอดไปเอง ถึงได้ไปหลงเชื่อคำพูดกากเดนมนุษย์แบบนี้เข้า]

 

 

[คิดดูแล้วก็น่ากลัวนะ ทำไมถึงมีคนแบบนี้ได้ ยังดีที่หลินหว่านไม่เป็นอะไร]

 

 

[ได้ยินว่าดูเหมือนก่อนหน้านี้ฉินฮ่วนถูกหลินหว่านอัดน่วมไปเลย? ชะ สมน้ำหน้าสุดติ่งเลยว่ะ!]

 

 

[ขอโทษด้วย ขอท่านหลินหว่านโปรดให้อภัยพวกเราด้วย]

 

 

ชาวเน็ตทั้งหลายพากันมาช่วยพูดให้หลินหว่าน จากนั้นก็มีเสียงเข้ามาขอโทษหลินหว่าน พอมีคนแรกก็มีคนที่สอง พอมีคนเริ่มทุกคนก็พากันมาขอโทษหลินหว่าน

 

 

[ใช่แล้ว ตอนแรกพวกเรามีตาแต่ไร้แวว ได้โปรดให้อภัยเราด้วย]

 

 

[ฉันว่าหลินหว่านใจกว้างออก เธอไม่ถือสาพวกเราหรอกน่า]

 

 

[เจอกับเรื่องอยุติธรรมตั้งมากมายยังใจเย็นได้ขนาดนี้ ช่างสมกับเป็นไอดอลของประชาชน…เสร็จกัน…จากแอนตี้แฟนกลายเป็นแฟนคลับไปซะแล้วสิ ทำไงดี]

 

 

ไม่เพียงแต่มีเสียงขอโทษ ขอให้ยกโทษเท่านั้น ตอนนี้ยังมีคนอีกมากมายที่เปลี่ยนจากแอนตี้แฟนกลายเป็นแฟนคลับของเธอไปแล้ว

 

 

แต่พวกเขาลืมไปว่า…ก่อนหน้านี้เพราะพวกเขานี่เอง ทำให้หลินหว่านต้องมาเจอกับเรื่องเลวร้ายที่เธอไม่ควรต้องเจอ

 

 

พวกเขาก็แค่หันเหทิศทางไปตามลม ลมปากใครเป่าไปทางไหน พวกเขาก็โอนเอนไปทางนั้น

 

 

ก็เพราะมีกลุ่มคนที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ที่อ้างความเห็นอกเห็นใจ เที่ยวซี้ซั้วไปด่าว่าผู้คนตามอำเภอใจ ดังนั้นจึงมักจะทำให้ข่าวต้องตกอยู่ในวังวนของลมปากคำนินทาครั้งแล้วครั้งเล่าเสมอ

 

 

ฉินฮ่วนในตอนนี้ จากเดิมที่อารมณ์ดีรอให้หลินหว่านมาวิงวอนขอร้องให้เขาให้อภัย โดยยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนเวยปั๋วเลย 

 

 

หลายวันมานี้เขารู้สึกตื่นเต้นยินดีสุดๆ มาตลอด อีกไม่นานคนสวยก็จะมาหาเขาแล้ว พอนึกถึงสภาพน่าสงสารของเธอแล้ว แค่คิดดูก็เพอร์เฟคซะเหลือเกิน

 

 

ฉินฮ่วนค่อยๆ จัดเอกสารวางไว้ด้านหนึ่ง เขาไม่มีอารมณ์จะทำงานอื่นแล้ว รู้สึกร้อนรุ่มกระวนกระวายขึ้นมา จนไม่อาจทำใจให้สงบได้อีก

 

 

เขาหยิบไอแพดของตัวเองขึ้นมา เปิดดูเวยปั๋ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกคอมเมนต์ในแต่ละวันที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้อึ้งตะลึงไปได้อีกครั้ง

 

 

ทุกคนเริ่มจากตอนแรกที่โจมตีหลินหว่านค่อยๆ หันมาโจมตีเขา นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน? ทำไมจึงดูเหมือนไม่เป็นอย่างที่เขาคิดไว้นะ?

 

 

มิน่าเล่าเขารออยู่ตั้งนานก็ไม่เห็นหลินหว่านมาหาเขา ที่แท้ก็คิดหาวิธีแก้ได้นี่เอง ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้ร้ายนักนะ?

 

 

ฉินฮ่วนในตอนนี้หน้าตาบูดบึ้งเต็มไปด้วยความเคียดขึงถมึงทึง ทั้งตึกสำนักงานทั้งหลังครอบคลุมด้วยไอเย็นเยียบชนิดหนึ่ง ผู้คนที่เห็นเขาต่างพากันหลีกลี้หนีห่างราวกับเป็นตัวเชื้อโรค

 

 

ส่วนทางด้านผู้กำกับ แน่นอนว่าพอเห็นคลิปของเซียวจิ่งสือกับอันจี๋ถิงเข้าก็ตกใจจนเข่าอ่อนไปเลย

 

 

คิดไม่ถึงว่าหลินหว่านนี่จะมีความเป็นมาใหญ่ขนาดนี้ อย่างนั้นทำไมก่อนหน้านี้ตอนเขาโทรหาเซียวจิ่งสือ เลขาของเซียวจิ่งสือจึงบอกให้เขาจัดการไปได้เลยล่ะ?

 

 

หรือว่าเขาตีความผิดไป? หรือว่าเป็นการทดสอบเขา? แต่ก็ไม่น่าจะใช่นะ งั้นทำไมเซียวจิ่งสือจึงไม่ได้ออกมาช่วยหลินหว่านตั้งแต่เกิดเรื่องในตอนแรกเลยล่ะ? หรือว่าเลขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเซียวจิ่งสือ?

 

 

คิดไปคิดมาเขาก็คิดได้แค่ว่าน่าจะมีแต่ความเป็นไปได้นี้เท่านั้นแล้วกระมัง เรื่องนี้ต้องบอกว่าผู้กำกับคาดเดาได้แม่นมาก เพราะว่าก่อนหน้านี้เซียวจิ่งสือไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้น

 

 

แต่คนอย่างเซียวจิ่งสือย่อมไม่ใช่คนที่ผู้กำกับจะมาประเมินกันได้ตามใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลินหว่านในตอนนี้ก็มีบ้านตระกูลหลินกับเซียวจิ่งสือหนุนหลังอยู่ นี่เป็นความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ 

 

 

พอนึกถึงตรงนี้ผู้กำกับก็อยากจะตบหน้าตัวเองสักหลายฉาด ทำไมเขาถึงได้โง่เง่าขนาดนี้นะ? ถ้ารู้เรื่องนี้แต่แรกเรื่องก็คงไม่มาจนถึงขั้นนี้ไม่ใช่รึไง?

 

 

แต่ความจริงก็โทษว่าผู้กำกับไม่ได้ ใครจะไปคิดว่า หลินหว่านที่ปกติไม่ถือตัวอะไรเลยจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้นี่นา!

 

 

ผู้กำกับคิดพลางเหงื่อกาฬแตกพลั่ก เซียวจิ่งสือโมโหขึ้นมาจะปลดเขาออกรึเปล่านะ? แค่ใช้กำลังภายในนิดหน่อย ก็ทำให้หนังเรื่องนี้ของเขาถ่ายต่อไปไม่ได้?

 

 

ไม่ได้นะ เรื่องนี้สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขาซะอีก

 

 

ใช่ ใช่ ใช่เลย หลินหว่าน ขอเพียงหลินหว่านยังอยู่ในกองถ่ายนี้ เซียวจิ่งสือก็ต้องให้พวกเขาต่อแน่ ดังนั้นขอเพียงเขาเอาตัวหลินหว่านกลับมาได้ เรื่องนี้ก็มีทางออกแล้ว?

 

 

ดังนั้นเอง เขาจึงหาเบอร์ของหลินหว่านมาด้วยอาการใจไม่ดี แล้วกดโทรออก

 

 

‘ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด หมายเลขที่ท่านเรียกไม่อาจรับสายได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อภายหลัง’

 

 

เสียงสัญญาณเรียกเข้าสุดท้ายดังขึ้นแต่หลินหว่านไม่ได้รับ ผู้กำกับยังไม่ยอมแพ้โทรอีกเป็นครั้งที่สอง ที่สามก็ยังไม่มีคนรับอยู่ดี จนกระทั่งสุดท้าย…โทรศัพท์ของหลินหว่านปิดเครื่องไปเลย!

 

 

ส่วนหลินหว่านในตอนนี้กำลังทำอะไรนะหรือ? ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว หลินหว่านอารมณ์ดีสุดๆ

 

 

อันจี๋ถิงรีบบึ่งมาดูอาการของหลินหว่าน พอเห็นว่าลูกสาวกลับมามีสีหน้ายิ้มแย้มได้เหมือนเดิม เธอก็คลายใจลง ยังดีนะที่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้หลินหว่านเกิดรอยแผลใจอะไร

 

 

หลินหว่านในตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก พูดคุยอย่างสนุกสนานกับอันจี๋ถิง ส่วนเซียวจิ่งสือก็ยุ่งหัวหมุนอยู่ในครัว กำลังทำอาหารเย็นให้หลินหว่านกับแม่ของเธอ 

 

 

เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นขัดการสนทนาระหว่างแม่ลูก หลินหว่านหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมองดู เห็นเป็นสายจากผู้กำกับโทรมา ใช้หัวแม่ตีนคิดดูก็รู้ว่าเขาโทรหาเธอทำไม ดังนั้นหลินหว่านจึงกดตัดสายทิ้งทันควัน

 

 

คนโทรมาก็ดูเหมือนจะไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ ยังโทรมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า หลินหว่านจึงปิดเครื่องไปซะเลย

 

 

ผู้กำกับเห็นว่าโทรไม่ติด ก็กัดฟัน ซื้อข้าวของเต็มรถไปขอโทษหลินหว่านและขอให้เธอกลับไปกองถ่าย

 

 

หลินหว่านก็คิดไม่ถึงว่าผู้กำกับนี่จะมาหาเธอถึงบ้าน แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นแขกผู้มาเยือน เธอจึงให้เขาเข้าบ้านมา

 

 

“คุณหลินหว่าน ก่อนหน้านี้ผมเลอะเลือนไปเอง ไม่ได้ตรวจสอบเรื่องราวให้ชัดแจ้งก็เข้าใจคุณผิดไป หวังว่าคุณจะไม่ถือสาผมนะครับ ตอนนี้ปัญหาทุกอย่างหมดไปแล้ว คุณก็กลับไปกองถ่ายซะเถอะนะ?”

 

 

พอเข้ามาได้ ผู้กำกับยังไม่ทันได้นั่งก็รีบเอ่ยปากขอโทษขึ้น จากนั้นบอกจุดประสงค์การมาของตัวเองในครั้งนี้ หวังให้หลินหว่านกลับไป