“คุณหลินครับ ต้องขอโทษด้วยที่ก่อนหน้านี้เพราะไป๋เจี๋ยเข้ามาวุ่นวาย ทำให้พวกเราเข้าใจคุณผิดไป หวังว่าคุณจะไม่ถือสา ตอนนี้พวกเราได้รู้ความจริงแล้ว จึงหวังว่าคุณจะกลับเข้ากองถ่ายอีกครั้ง อย่างคุณหลินนี่ช่างเก่งกาจสามารถมากเลย! ฝีมือการแสดงก็เยี่ยมยอด ถ้าคุณได้กลับเข้ากองถ่ายของเราก็จะเพิ่มออร่าให้กับพวกเราไปด้วยนา!”
หลังจากความจริงเปิดเผย ผู้กำกับคิดไม่ถึงว่าหลินหว่านจะมีคนหนุนหลังที่ทรงอิทธิพลขนาดนี้ เขารออยู่ด้านล่างตึกสำนักงานของหลินหว่านสองวัน จนได้พบเธอในที่สุด จึงรีบเข้ามาขอโทษขอโพยหลินหว่านเป็นการใหญ่ ทั้งยังเสนอว่าอยากให้หลินหว่านกลับมาอีก
ตอนนี้ผู้กำกับรู้สึกเสียดายแทบตาย ตอนแรกที่หลินหว่านเกิดเรื่อง เพราะไม่เห็นเซียวจิ่งสือออกมาช่วยหนุนเธอ จึงเข้าใจผิดว่าเซียวจิ่งสือไม่สนใจหลินหว่าน เขาจึงเมินเฉยกับหลินหว่าน และยังหันมาฟังคำของไป๋เจี๋ยร่วมมือกันสร้างความลำบากให้เธออีก คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ความจริงเปิดเผย ไม่เพียงเซียวจิ่งสือจะหนุนเธอ แม้แต่อันจี๋ถิงก็ออกมาลงมือด้วย พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองทำกับหลินหว่านเอาไว้ เขาก็สำนึกเสียใจแทบตายแล้ว
ตอนนี้ก็ได้แต่หลุบหางมาขอโทษหลินหว่าน หวังว่าเธอจะไม่เคืองแค้นเขาอีก
ผู้กำกับกลัวว่าหลินหว่านจะใช้เหตุนี้เอาคืนกับเขา ตอนนี้จึงเข้ามาประจบเอาใจ ขอโทษขอโพยหลินหว่านเป็นการใหญ่ ทั้งยังจะเชิญเธอกลับเข้ากองถ่ายอีก
พอได้ฟังคำของผู้กำกับ หลินหว่านไม่ได้แสดงสีหน้าอารมณ์อะไรนัก แต่แค่นหัวเราะเย็นชาอยู่ในใจ
“ผู้กำกับคะ ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกคุณว่า ฉันผิดหวังต่อคุณมาก ต่อให้ครั้งนี้ฉันกลับเข้ากองถ่าย ฉันคิดว่าเราคงร่วมมือกันได้ไม่สบายใจนัก คุณเองก็เป็นคนฉลาด น่าจะเข้าใจคำพูดของฉันนะคะ” หลินหว่านสร้างความกดอากาศต่ำในบรรยากาศ ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าไม่อาจต่อต้านได้ คำพูดเรียบง่ายตรงไปตรงมา ทำเอาผู้กำกับหมดคำพูดไปเลย
“แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ฉันไม่ใช่คนที่จะเอาคืนใครง่ายๆ เพราะฉันไม่ได้สนใจกับเรื่องพวกนี้เลย”
หลินหว่านดูออกว่าผู้กำกับแท้จริงแล้วกลัวอะไรกันแน่จึงมาขอโทษเธอ
“นี่…” ผู้กำกับไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน คิดไม่ถึงว่าความคิดของเขาจะถูกอีกฝ่ายรู้และพูดออกมาตรงๆ แบบนี้ อันที่จริงเขารู้สึกว่าหลินหว่านเป็นคนเก่งที่หาได้ยาก ต้องโทษตัวเองที่เข้าข้างคนผิดไป
ผู้กำกับสำนึกเสียใจไม่หาย ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่
หลินหว่านก็ไม่ได้สนใจผู้กำกับอีก เธอเดินออกไปกับเซียวจิ่งสือที่อยู่ด้านข้าง พนักงานต่างก็อดมองมาทางพวกเขาไม่ได้ ต่างพากันตื่นตากับความสง่าอลังการของดาราทั้งสอง
บนรถ
หลินหว่านใส่สายคาดรักษาความปลอดภัยแล้ว เซียวจิ่งสือที่นั่งอยู่ด้านข้างจู่ๆ ก็หันมายิ้มกับหลินหว่าน
หลินหว่านรู้สึกแปลกใจ มองเขาอย่างไม่รู้เรื่องอยู่บ้าง
“คุณยิ้มอะไรคะ”
“ดูท่าว่าผู้หญิงที่เซียวจิ่งสือสนใจนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ! เมื่อกี้นี้ไม่ไว้หน้าผู้กำกับเลยนะ” เซียวจิ่งสือพูดจบก็รีบแสดงท่าทีนับถือสุดใจ สองมือเท้าคาง ดวงตาวิบวับทั้งคู่กระพริบฟุ้งฟิ้งให้หลินหว่านไม่หยุด ทำเอาหลินหว่านขัดเขินขึ้นมาบ้าง
แต่เซียวจิ่งสือก็ไม่เสียทีที่ได้สมญา ‘เซียวสามขวบ’ ยังแอ๊บแบ๊วต่อไม่สนที่หลินหว่านส่งสายตาค้อนขวับมาให้แม้แต่น้อย จนทำให้หลินหว่านอดหัวเราะออกมาไม่ได้
หลินหว่านมองดูเซียวจิ่งสือแบบนี้แล้ว บางครั้งก็นึกอยากจะหยิกแก้มเขาซะจริงๆ
พอเห็นหลินหว่านยิ้มออกมาได้ เซียวจิ่งสือก็พลอยมีความสุขกับเธอ! เพราะเรื่องของไป๋เจี๋ยระหว่างนี้ เขาไม่ค่อยได้เห็นรอยยิ้มของหลินหว่านเลย
“งั้นตอนนี้เราไปทานข้าวกันเถอะ! คุณอยากทานอะไร?” เซียวจิ่งสือขับรถพลาง ถามหลินหว่านที่ยังนั่งยิ้มอยู่ด้านข้าง
“อืม…คุณทานอะไรฉันก็ทานด้วย!” หลินหว่านคิดดูสักพักแล้ว นึกไม่ออกจริงๆ ว่าตัวเองอยากทานอะไร แล้วเธอก็ยังไม่หิวด้วย จึงตอบไปเช่นนี้
ถ้าจะบอกว่าระยะนี้เธอไม่เจริญอาหาร น่าจะบอกว่าเธอไม่มีอารมณ์จะกินมากกว่า
เรื่องของไป๋เจี๋ยส่งผลต่ออารมณ์ของเธออย่างมาก
“งั้นผมอยากกินคุณ” เซียวจิ่งสือมองหลินหว่านพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ คำพูดนี้ทำเอาหลินหว่านอายจนหน้าแดงไปเลย ใบหน้ายิ้มแย้มแดงเรื่อขึ้นดูน่ารักน่าหยิกไม่น้อย
“คุณซุปตาร์ครับ คุณคิดไปถึงไหนแล้ว?” เซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านหน้าแดง ก็แกล้งถามด้วยท่าทางเป็นจริงเป็นจัง ทำเหมือนหลินหว่านคิดมากไปเอง
“คุณ…” คำพูดเขาทำเอาหลินหว่านพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เธอแกล้งทำท่าโกรธเซียวจิ่งสือจนตีเขาไปทีหนึ่ง
“ที่ผมพูดแค่หมายความอย่างนี้” พูดจบเซียวจิ่งสือก็ดึงมือหลินหว่านขึ้นมา แกล้งเอามือเธอเข้าปากเขา หลินหว่านพยายามขัดขืนเอาไว้ ทั้งถูกเขายั่วเย้าจนหลุดเสียงหัวเราะออกมา
ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็มาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่ายดูดี แม้ว่ามีคนไม่มากนัก แต่เซียวจิ่งสือก็ยังขอเป็นห้องแยกต่างหาก
ถึงอย่างไรสถานะของทั้งสองก็ไม่เหมาะที่จะนั่งทานข้าวด้วยกันอย่างเปิดเผยแบบนี้ ตัวเขาอาจจะไม่สนใจอะไร แต่เขาเป็นห่วงหลินหว่าน เขาไม่อาจให้เธอต้องถูกทำร้ายอีก
ส่วนหลินหว่านพอมาถึงร้านอาหาร ตอนแรกที่ไม่รู้สึกหิวนัก ตอนนี้กลับสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ แถมยังกินอย่างเอร็ดอร่อยอีกด้วย เซียวจิ่งสือนั่งมองดูอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม
แล้วยังคอยบริการผ้าเช็ดปาก แกะกุ้งให้อีก
“ชิชิ คิดไม่ถึงเลยว่าคนเป็นดาราใหญ่นี่จะกินได้มูมมามขนาดนี้นะ! ดูไม่ได้เอาซะเลย ผมต้องหามือถือมาถ่ายเก็บไว้ซะหน่อยแล้ว” เซียวจิ่งสือวางท่าพูดเป็นจริงเป็นจัง แถมยังกลั้นหัวเราะพลางหยิบมือถือออกมาแกล้งทำท่าว่าจะถ่ายภาพหลินหว่าน
“คุณกล้าเหรอ?” หลินหว่านกินกุ้งที่เซียวจิ่งสือแกะให้พลางก็พูดข่มขู่เขา
“เมื่อกี้ฉันปฏิเสธผู้กำกับไปอย่างนั้น จะดูไร้น้ำใจไปหน่อยรึเปล่าคะ เขาอุตส่าห์มาขอโทษฉันขนาดนี้แล้ว” จู่ๆ หลินหว่านก็วางตะเกียบในมือลง ถามเซียวจิ่งสือด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทำไมจะกลายเป็นคนไร้น้ำใจไปได้ เมื่อก่อนที่เขาทำร้ายคุณตั้งมากมายขนาดนั้น นี่อย่างมากก็เป็นแค่การตักเตือนเท่านั้น เรียกว่าเห็นแก่หน้าเขามากแล้ว” เซียวจิ่งสือตั้งใจตอบตามความคิดของตัวเอง
เขาไม่รู้สึกว่าที่หลินหว่านทำแบบนี้มีอะไรไม่ถูก คนที่ผิดควรเป็นฝ่ายผู้กำกับต่างหาก
คำตอบของเซียวจิ่งสือตรงกับความรู้สึกในใจของหลินหว่านซะจริง
เธอปฏิเสธผู้กำกับ ก็เพราะจากเรื่องที่เกิดขึ้นเธอเห็นได้ว่า ผู้กำกับคนนี้ไม่สมควรจะเป็นผู้กำกับ และตอนนี้เธอก็มีแผนอื่นสำหรับอนาคตของตัวเองแล้วด้วย
เธออยากเป็นผู้กำกับ
ถึงแม้เธอจะรู้แก่ใจดีว่า การเป็นผู้กำกับนั้นไม่ใช่ว่าแค่นึกอยากจะเป็นก็ทำได้ ต้องมีความขยันหมั่นเพียรและอดทนต่อความยากลำบากอีกมากมายจนนึกไม่ถึงเลยทีเดียว
แต่เธอก็ยังอยากจะลองดูสักตั้ง
“เซียวจิ่งสือคะ ถ้าฉันบอกว่าฉันอยากจะเป็นผู้กำกับ คุณจะเชื่อไหมคะ?” หลินหว่านมองดูเซียวจิ่งสือ รอคำตอบจากเขา
เซียวจิ่งสือ อดยิ้มออกมาไม่ได้
“คุณยิ้มอะไรคะ? หรือคุณไม่เชื่อฉัน?” หลินหว่านเห็นท่าทีของเซียวจิ่งสือก็พูดขึ้นอย่างโมโหอยู่บ้าง
“เชื่อสิ! ทำไมจะไม่เชื่อล่ะ? และไม่ว่าคุณอยากจะทำอะไร ผมก็สนับสนุนคุณทั้งนั้น อย่างไม่มีเงื่อนไขเลยด้วย” เซียวจิ่งสือสบตาหลินหว่านพูดอย่างตั้งใจ
เพราะเขารักเธอ ขอเพียงให้เธอมีความสุข ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็จะช่วยเธอทั้งนั้น
“ขอบคุณค่ะ!” หลินหว่านได้ฟังก็ซาบซึ้งใจมาก
เธอรู้สึกซาบซึ่งใจที่เซียวจิ่งสือคอยสนับสนุนเธออยู่ข้างเธอมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นก่อนหน้าหรือตอนนี้