บรรยากาศในห้องดูอึดอัด

ผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าหลี่ลี่เหวินเย็นยะเยือก เขาพูดว่า “น้องสี่ ในเมื่อเธอเข้าใจฉันผิดขนาดนี้ งั้นที่เหลือฉันก็คงไม่พูดแล้ว ฉันขอถามเธอประโยคเดียว จนถึงตอนนี้เธอยังดื้อดึงไม่ยอมรับผิดอีกเหรอ”

หลี่ซู่เฟินเงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นเธอเบิกตาโตจ้องหลี่ลี่เหวินอย่างเย็นชา แล้วแผดเสียงพูดอย่างโมโหว่า “คนที่ดื้อดึงไม่ยอมรับผิดคือพวกนาย!”

“ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองทำผิดอะไรเลย ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ รวมถึงในอนาคตด้วย พวกนายไล่ฉันออกจากตระกูลได้ โจมตีบริษัทฉันจนพังย่อยยับได้ แต่พวกนายไม่สามารถเอาชนะใจฉันได้หรอก!”

“กลับไปบอกคนคนนั้น ถึงฉันไม่เหลืออะไรสักอย่าง ฉันก็ไม่มีวันยอมศิโรราบให้เขา ชีวิตของฉัน ความฝันของฉัน อิสระของฉัน เขาไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย!”

“ฉันจะไม่เป็นหมากในมือเขา ที่สามารถเสียสละได้ตามใจชอบ เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้ตระกูลหลี่!”

สีหน้าหลี่ลี่เหวินเปลี่ยนไปมาก เขาพูดอย่างโมโหว่า “บังอาจ น้องสี่ เธอกล้าไร้มารยาทกับพ่อเหรอ!”

หลี่ซู่เฟินยิ้มเย็นชา “พ่อเหรอ ตั้งแต่วันที่เขาไล่ฉันออกจากบ้าน เขาก็ไม่ใช่พ่อฉันอีกแล้ว”

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว นายกลับไปได้แล้ว!”

พูดจบ หลี่ซู่เฟินหันหลัง พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “เวินฉิง ส่งแขก!”

“ค่ะประธาน!” เวินฉิงก้มตัวทำความเคารพหลี่ซู่เฟิน จากนั้นหันมามองหลี่ลี่เหวินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห พูดเสียงเย็นชาออกมาว่า “เชิญค่ะประธานหลี่!”

นี่จะไล่ตัวเองออกไปงั้นเหรอ! หลี่ลี่เหวินโกรธจนหน้าดำหน้าแดง

“ได้ ในเมื่อเธอต้องทำตามหน้าที่ งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้องก็แล้วกัน!” หลี่ลี่เหวินพูดด้วยความโกรธ

หลี่ซู่เฟินเชิดหน้าขึ้น “ตอนนายกดขี่เหม่ยหวา กรุ๊ปของฉัน เคยเห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้องไหม”

หลี่ลี่เหวินเถียงไม่ออกอีกครั้ง

“ได้ งั้นตอนนี้ฉันจะคุยกับเธอในฐานะคู่แข่งเหม่ยหวา กรุ๊ป ถ้าเธอหยุดตอนนี้ และไปสำนึกผิดกับพ่อ อย่าพัวพันอะไรกับตระกูลเฉินอีก พวกเราพี่น้องจะอ้อนวอนพ่อเพื่อช่วยเธอ ให้เธอกลับมาในตระกูลอีกครั้ง!”

“ถ้าไม่อย่างนั้น ถึงเธอขายเหม่ยหวา กรุ๊ปออกไป ก็ยังไม่พอใช้หนี้ก้อนโตห้าหมื่นล้านอยู่ดี หายนะที่รอเธออยู่คือคุก!”

เวินฉิงตกใจ เธอรู้ว่าหลี่ลี่เหวินพูดเรื่องจริง ตอนนี้เหม่ยหวา กรุ๊ปมีหนี้มากกว่าเงินทุน ในฐานะนิติบุคคลของเหม่ยหวา กรุ๊ป จำเป็นต้องรับผิดชอบ

“ประธาน……”

หลี่ซู่เฟินหันมาอย่างรวดเร็ว ขัดจังหวะไม่ให้เวินฉิงพูด จากนั้นมองหลี่ลี่เหวินแล้วพูดอย่างเย็นชา “นายกำลังขู่ฉันเหรอ”

หลี่ลี่เหวินพูดอย่างตาต่อตา ฟันต่อฟัน “เธอจะคิดอย่างนี้ก็ได้”

จู่ๆ หลี่ซู่เฟินหัวเราะ “ให้ฉันทิ้งครอบครัว เพื่อกลับไปในตระกูลหลี่ ต้องขอบคุณนายที่หวังดีพูดแบบนี้ออกมา!”

หลี่ลี่เหวินแผดเสียงอย่างโมโห “ฉันทำเพราะหวังดีกับเธอ!”

“หวังดีกับฉันงั้นเหรอ ถ้าฉันทำอย่างนั้นจริง ฉันจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนตระกูลหลี่ของพวกนายจะพิสูจน์ให้โลกเห็น ว่าทุกสิ่งที่ตระกูลหลี่ทำในตอนนั้น คือตัวเลือกที่ถูกต้องขนาดไหน!”

“ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว เขายังไม่ยอมปล่อยฉันเหมือนเดิม ดูเหมือนสไตล์การลงมือของเขาจริงๆ ไร้เยื่อใยสุดๆ!” จิตใจของหลี่ซู่เฟินด้านชาไร้ความรู้สึก แม้ไม่มีความหวังอะไรกับพ่อที่ใจดำไร้เยื่อใยคนนั้นตั้งนานแล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญกับมันจริงๆ ก็อดหดหู่ไม่ได้

หลี่ลี่เหวินพูดเสียงร้อนรน “น้องสี่ ชื่อเสียงของเธอกับการใช้ชีวิตที่เหลือในคุก เธอคิดให้ดีว่าสิ่งไหนสำคัญกว่า!”

หลี่ซู่เฟินพูดอย่างโมโหว่า “ฉันยอมใช้ชีวิตที่เหลือในคุก ไม่มีทางทำโหดร้ายป่าเถื่อนโดยการทิ้งครอบครัวหรอก!”

“ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว นายไปเถอะ!”

หลี่ลี่เหวินก็โมโหเหมือนกัน เขาสะบัดแขนเสื้อ พูดอย่างโมโหว่า “ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นอย่าหาว่าคนเป็นพี่อย่างฉันใจดำโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!”

“เธอรอเข้าคุกได้เลย!”

“งั้นเหรอ ฉันจะดูสิว่าใครจะเอาแม่ฉันเข้าคุกได้!”

เสียงเฉยเมยดังเข้ามาอย่างราบเรียบ แต่กลับมีพลังที่ทำให้คนหวั่นใจ

สิ่งที่มาพร้อมเสียง คือตัวของเฉินโม่เดินมาอย่างรวดเร็ว ปรากฏตัวหน้าประตูห้องทำงานของหลี่ซู่เฟินอย่างเงียบๆ