ตอนที่ 703: หัวหน้ากลุ่มโจร
เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจแม่ทัพปีศาจทั้งสี่ และยื่นมือออกเพื่อแสดงท่าทางให้กองกำลังข้างหลังเขาเดินตามเขาไปสู่บนเขาด้วยความฮึกเหิม
“ช้าก่อน ! ” ทันใดนั้นเองหนึ่งในสี่แม่ทัพปีศาจก็ร้องออกมาก่อนที่จะร่อนลงมาที่พื้น ก่อนที่ทุกคนจากตระกูลเทียนฉินจะพูดอะไร เขาพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “ทุก ๆ ท่าน บนภูเขามังกรขนดของข้า คนนอกต้องเดินเท้าขึ้นเขาเท่านั้น ดังนั้นขอความกรุณาลงจากสัตว์อสูรด้วย”
หลังจากได้ยินดังนั้น สมาชิกระดับสูงของตระกูลเทียนฉินก็แสดงท่าทีน่ารังเกียจออกมา ถ้าคนจากตระกูลเทียนฉินต้องลงจากหลังสัตว์และเดินขึ้นไปบนยอดเขาจริง ๆ มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างมาก
“ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลกทั้งสี่ท่าน กลุ่มโจรมังกรวารีของท่านภูมิใจในศักดิ์ศรีของพวกท่านและต้องการให้พวกเราตระกูลเทียนฉินเดินเท้าขึ้นไปบนเขา หืมม” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวด้วยเสียงนุ่มลึก
“หืมม นั่นเป็นทางเดียวเท่านั้นถ้าพวกเจ้าต้องการที่ขึ้นขึ้นไปบนเขา ถ้าเจ้าไม่ต้องการ เจ้าก็ควรจะรีบออกไปจากภูเขานี้ซะ เจ้าไม่จำเป็นจะต้องมาร่วมงานแต่งงานของนายน้อยก็ได้” หนึ่งในสี่แม่ทัพปีศาจเย้ยหยัน
สายตาของเจี้ยนเฉินเย็นเฉียบและเขาปล่อยรังสีเข่นฆ่าออกมาจากตัวเขาโดยไม่ได้ปกปิดไว้ เขาจ้องมองไปที่แม่ทัพปีศาจทั้งสี่อย่างเยือกเย็นและเย้ยหยัน “ในตอนแรก ข้าไม่ได้หวังจะสู้กับพวกเจ้าที่นี่ แต่ในเมื่อพวกเจ้าเต็มใจที่จะตายแล้วละก็ มันก็คงไม่ใช่ปัญหาของข้าแล้วล่ะ” หลังจากที่พูดจบ เจี้ยนเฉินยื่นมือของเขาออกไปแล้วกำหมัด ทันใดนั้นเอง บรรยากาศรอบ ๆ ตัวของแม่ทัพปีศาจทั้งสี่ก็หยุดนิ่ง ทำให้พวกเขาติดอยู่ภายใน ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้
ท่าทีของแม่ทัพปีศาจทั้งสี่เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความตกใจและใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ด้วยความรู้ของเซียนสวรรค์ของพวกเขา เขารู้ว่าความสามารถของเจี้ยนเฉินนั้นคือการควบคุมพลังมิติ นั่นเป็นพลังอย่างเดียวที่เซียนผู้คุมกฎมี ไม่ว่าพวกเขาสังเกตดูชายที่อายุน้อยกว่าพวกเขานี้อย่างไร เขาก็ไม่คิดว่าคนผู้นี้คือเซียนผู้คุมกฎแล้ว
ในช่วงเวลานั้นเอง เจี้ยนเฉินแทงมือออกไปและลำแสง 4 สายของปราณกระบี่สีฟ้าม่วงก็ได้ถูกยิงออกไปอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า มุ่งตรงไปโจมตีที่กลางคิ้วของแม่ทัพปีศาจทั้ง 4 คนและทะลุผ่านหัวของพวกเขาไป แม้ว่าทั้ง 4 คนนี้จะเป็นเซียนสวรรค์ พวกเขาก็ไม่มีกำลังที่จะต่อต้านเจี้ยนเฉินซึ่งเป็นเซียนผู้คุมกฎได้ แค่การกระดิกนิ้วของเจี้ยนเฉินก็เพียงพอแล้วที่จะฆ่าพวกเขาทั้งหมด
เลือดเป็นสายหลั่งไหลออกมาจากหน้าผากของแม่ทัพปีศาจทั้ง 4 คนและพวกเขาทั้ง 4 คนก็จบชีวิตลง หลังจากนั้นไม่นาน ร่างที่ไร้ซึ่งพลังของพวกเขาก็หล่นลงจากท้องฟ้า พวกเขาตกลงมาที่พื้นและแน่นิ่ง
เมื่อได้เห็นเป็นพยานในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ทำให้สมาชิกระดับสูงของตระกูลเทียนฉินตกตะลึงและอยู่ในจุดที่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ไปชั่วระยะหนึ่ง ทุกคนจ้องมองอย่างงงงันไปที่แม่ทัพปีศาจทั้งสี่ที่ตายไปแล้วบนพื้นและเจี้ยนเฉิน มันเต็มไปด้วยความเงียบงัน
แม่ทัพปีศาจทั้งสี่ของกลุ่มโจรมังกรวารีเป็นเซียนสวรรค์ที่แข็งแกร่งมาก พวกเขาแต่ละคนนั้นมีพลังอย่างมากและแม้แต่ถ้าจะเทียบกับคนทั้งหมดในทวีปเทียนหยวนแล้ว พวกเขาก็ยังเป็นกลุ่มจอมยุทธที่เก่งที่สุด ในตอนนี้ ทั้งสี่ก็ได้มาจบชีวิตอย่างง่าย ๆ ต่อหน้าพวกเขา มันเป็นภาพที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงเหลือเชื่อ พวกเขาไม่เชื่อด้วยซ้ำว่านี่คือเรื่องจริง
ครู่ต่อมา ผู้อาวุโสสูงสุดก็ได้สติ เขาจ้องมองที่เจี้ยนเฉินอย่างตกตะลึงแล้วร้องออกมาว่า “เมื่อครู่นี้ นั่นคือพลังในการควบคุมมิติ ! นั่นเป็นความสามารถที่มีของเซียนผู้คุมกฎที่ได้บรรลุความลึกลับของโลกแล้วเท่านั้น น้องเจี้ยนเฉิน บางที, บางที, บางที, หรือว่าเจ้าจะเป็น…” ท่านผู้อาวุโสสูงสุดพล่ามออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ในตอนที่เขาจะพูดคำสุดท้าย เขาไม่กล้าที่จะส่งเสียงมันออกมาดัง
สำหรับเซียนสวรรค์ทั้งหมดแล้ว เซียนผู้คุมกฎเป็นระดับที่ไม่สามารถเอื้อมถึงได้ เพราะว่าความลึกลับของโลกนั้นเป็นพลังที่บรรลุได้ยาก ไม่สามารถที่จะบรรลุได้ด้วยแค่พรสวรรค์ในการบำเพ็ญตนเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีเซียนสวรรค์มากมายในทวีปเทียนหยวน และมีจำนวนแค่ 2-3 คนในอาณาจักรเล็ก ๆ แต่ในขณะที่เซียนผู้คุมกฎนั้นหายากมาก มันเป็นเรื่องยากแม้แต่ที่จะเห็นเซียนผู้คุมกฎสักคนจากเซียนสวรรค์ 100 คน
เจี้ยนเฉินสะบัดมือของเขาและศพทั้งสี่ที่ขวางทางอยู่นั้นก็กระเด็นไปยังพงหนาม 2 ข้างทาง ในเวลาเดียวกัน แหวนมิติ 4 วงก็พุ่งมาที่มือของเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว
เจี้ยนเฉินเก็บของในแหวนมิติโดยไม่ได้มองมันเลยด้วยซ้ำ เขาไม่ได้อธิบายเกี่ยวกับพลังของเขา “ทางสะดวกแล้ว ไปกันต่อเถอะ” ทันทีที่เขาพูดจบ เจี้ยนเฉินก็มุ่งตรงไปที่ยอดเขา
ข้างหลังเขา ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามและสมาชิกระดับสูงมองตากันและกัน คลื่นความดีใจปรากฏขึ้นในใจของทุกคนอย่างสงบไม่ได้แม้จะผ่านมานานซักพัก พวกเขาไม่ได้พูดอะไรเลย ได้แต่ตามหลังเจี้ยนเฉินอย่างเงียบ ๆ ขึ้นไปบนภูเขา
“ใครจะคิดเล่าว่าเจี้ยนเฉินเป็นเซียนผู้คุมกฎแล้ว เซียวเอ๋อคงจะปลื้มใจมากที่มีเพื่อนที่มีความสามารถเช่นนี้ ด้วยสิ่งนี้ก็ไม่มีใครมาสั่นคลอนตำแหน่งของเขาในตระกูลได้” หัวหน้าตระกูลเทียนฉินคิดในใจ ในขณะที่เขาจ้องมองข้างหลังของเจี้ยนเฉิน
การเดินทางที่เหลือนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น เจี้ยนเฉินและคนของตระกูลเทียนฉินได้มาถึงที่ยอดเขามังกรขนดอย่างราบรื่น ไม่มีความวุ่นวายใดใดเกิดขึ้นจากการตายของแม่ทัพทั้งสี่ ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาตายแล้ว
ทุก ๆ ที่บนยอดเขามังกรขนดถูกตกแต่งอย่างดี ไม่เพียงแต่พื้นที่นี้จะเต็มไปด้วยกระดาษสีแดงที่ถูกตัดเป็นคำว่า ‘ความสุข’ และเสื้อสีแดงเท่านั้น แต่ต้นไม้ก็ถูกแขวนไปด้วยโคมไฟสีแดงและประทัดยาวเป็นสาย
ทันทีที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินมาถึงที่ยอดเขา ชายชราที่ดูเหมือนจะเป็นพ่อบ้านก็ได้ออกมาต้อนรับพวกเขา เขาพูดอย่างเฉยชาว่า “แขกทุกท่าน ท่านหัวหน้าได้รอนานแล้วด้านใน กรุณาตามข้ามา”
เจี้ยนเฉินตรวจดูรอบ ๆ บริเวณที่ถูกตกแต่งไปด้วยกระดาษและโคมไฟ “ไม่จำเป็นต้องเข้าไปหรอก รีบ ๆ ปล่อยคุณหนูตระกูลเทียนฉินออกมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
ท่าทีของชายชราเปลี่ยนไป เขากวาดตามองไปที่ทุกคนแล้วเย้ยหยัน “ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่ได้มาเพื่อมาร่วมงานแต่งของนายน้อย ข้ารับใช้ผู้นี้จะไปแจ้งให้ท่านหัวหน้ารับทราบความตั้งใจของพวกท่าน” หลังจากที่เขาพูดจบ เขาหันหลังแล้วเดินจากไป หายไปอย่างรวดเร็วในบริเวณนั้น
หลังจากที่พ่อบ้านนั้นจากไป กลุ่มคนก็เข้ามาจากรอบรอบทิศทาง พวกเขาล้อมคนของตระกูลเทียนฉินและดูท่าทางไม่เป็นมิตรเลย มีชายวัยกลางคนที่นำพวกเขาอยู่ เขาคือเซียนสวรรค์อีกคน
“ทุก ๆ คน ข้าหวังว่าพวกเจ้าคงจะไม่ทำอะไรโดยไม่คิดนะ ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าพวกข้าหยาบคายล่ะ” ผู้นำในวัยกลางคนพูดด้วยรอยยิ้มที่ฝืน ๆ
เจี้ยนเฉินจ้องมองอย่างเฉยชาไปที่ชายที่นำคนมา แล้วเขาก็ไม่ได้สนใจชายผู้นั้นหลังจากนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินในตอนนี้ เขาไม่ได้ต้องการที่จะสู้กับเซียนสวรรค์ เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาทำอะไรที่มันล้ำเส้น
ชายชรารายงานกับหัวหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลังจากนั้น หัวหน้าของกลุ่มโจรมังกรวารีก็เดินเขามาในบริเวณพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งด้านหลังของเขา
หัวหน้าของกลุ่มโจรมังกรวารีเป็นชายวัยกลางคน เป็นที่รู้จักกันดีในความกล้าหาญในการต่อสู้ เขาดูเหมือนจะอายุราวราว 40 ปี ตัวสูงและแข็งแกร่ง เขาอยู่ในเสื้อผ้าสีฟ้าที่ดูรัดรูปและท่าทางเหมือนคนที่อยู่ในระดับสูง ใบหน้าที่ใหญ่สีแทนของเขา มันมีรอยแผลเป็นที่สังเกตเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้เขาดูดุร้าย
หัวหน้ายืนอยู่ที่ประตูและมองอย่างเย็นชาไปที่ผู้คนของตระกูลเทียนฉิน เขายิ้ม “ญาติ ๆ ของข้า ใครจะคิดละว่าพวกเจ้าจะมาไกลถึงเพียงนี้เพื่อมาร่วมงานแต่งของคุณหนูของเจ้าและลูกชายของข้า มันทำให้ข้าตกใจจริง ๆ ทันทีที่ข้ารู้ว่าญาติมายังภูเขามังกรขนดของข้า ข้าก็ส่งผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลก 4 คนไปรับพวกท่านในฐานะแขก ถ้าพวกนั้นไม่ค่อยเอาใจใส่พวกท่าน ข้าก็ขออภัยด้วย ท่านญาติ ๆ เชิญเข้ามาข้างในเร็ว งานแต่งงานจะเริ่มในไม่ช้านี้แล้ว”
“หืมม หลี่เฮ่าหลง เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดจาใหญ่โตหรอก ตระกูลเทียนฉินของข้าไม่ใช่ญาติกับกลุ่มโจรของเจ้า” ผู้อาวุโสสูงสุดแค่นเสียงออกไปอย่างเย็นชา ตอนนี้พวกเขามีเซียนผู้คุมกฎหนุนหลังพวกเขาอยู่ พวกเขาไม่กลัวกลุ่มโจรมังกรวารีเลยแม้แต่น้อย
หัวหน้าของกลุ่มโจรส่งเสียงหัวเราะดังออกมาและไม่ได้สนใจที่ผู้อาวุโสสูงสุดพูดเลย นั่นเพราะเขาคาดเดาว่าสถานการณ์มันจะเป็นแบบนี้ เขากวาดสายตาไปทั่ว ๆ ที่กลุ่มผู้คนทันที เขารู้สึกตกใจเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ “ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลกทั้ง 4 คนอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ? ทำไมพวกเขาไม่มากับพวกเจ้า ? ” แม่ทัพปีศาจทั้ง 4 คนเป็นผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลกในกลุ่มโจรมังกรวารี เขาถูกเรียกว่าแม่ทัพปีศาจจากคนอื่น ๆ นี่ไม่ใช่เพราะพวกเขาแข็งแกร่ง แต่เขายังฆ่าคนตามใจตัวเอง มือของพวกเขาย้อมไปด้วยเลือดและผู้คนนับไม่ถ้วนถูกพวกเขาฆ่าไป นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนถึงเรียกพวกเขาว่าแม่ทัพปีศาจ
“หืมมม หลี่เฮ่าหลง เจ้าไม่จำเป็นต้องไปหาแม่ทัพปีศาจทั้ง 4 คนหรอก พวกเขาจะไม่ออกมาปรากฏตัวอีกแล้วเพราะว่าพวกมันตายไปแล้วที่ด้านล่างภูเขา” ผู้อาวุโสสูงสุดเย้ยหยัน
จากการที่ได้ยินเช่นนั้น หัวหน้ากลุ่มโจรก็ตกใจทันที เขากวาดตาอย่างหนักแน่นไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดและพูดด้วยเสียงต่ำ “เจ้าพูดว่าไงนะ? ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลกทั้ง 4 ตายไปแล้วที่ด้านล่างภูเขางั้นหรือ ? “
กลุ่มโจรที่อยู่รอบ ๆ คนของตระกูลเทียนฉินก็ต่างแน่นิ่งไปกับสิ่งที่ท่านผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว พวกเขามองหน้ากันและกัน และไม่มั่นในว่านี้คือเรื่องจริงหรือไม่ นี่เป็นเพราะในกลุ่มโจรมังกรวารี ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลกทั้งสี่นั้นเป็นที่รู้จักดี
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ส่งคนลงไปหาดู มันไม่ยากหรอกที่จะหาศพของพวกนั้น” ผู้อาวุโสสูงสุดจ้องไปที่หัวหน้ากลุ่มโจรและตอบกลับไปอย่างเย้ยหยัน
“เป็นไปไม่ได้ ด้วยกำลังของตระกูลเทียนฉินของเจ้า เจ้าไม่มีทางที่จะกำจัดผู้พิทักษ์ทั้ง 4 คนได้โดยไม่ได้ก่อความวุ่นวายอะไรเลยหรอก” หัวหน้าของกลุ่มโจรมังกรวารีไม่เชื่อ หลังจากนั้นไม่นาน เขาสังเกตได้ถึงบางอย่างและทันใดนั้นเขาก็จ้องไปทางเจี้ยนเฉิน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสนใจและเขาจ้องมองไปที่ เจี้ยนเฉินอย่างดุร้าย เขาถามด้วยน้ำเสียงต่ำ “เจ้าคือใครกัน ? “