Ch.24 – วีรบุรุษแนวหน้า

Translator : Reheikichi / Author

และแล้ววันนั้นก็มาถึง

อัศวินทั้งสองภาคีมาที่โรงเรียนราชวงศ์

หนึ่งคือภาคีอัศวิน

กลุ่มอัศวินที่คอยปกป้องราชวงศ์ของอาณาจักรเทอร์ราเรีย

อีกหนึ่งคืออัศวินแห่งเซย์ริน

กลุ่มอัศวินที่มีบทบาทอย่างมากในสงครามจอมมาร ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นโดยดยุคเทอร์แกรนด์

เหล่าอัศวินมารวมตัวกันที่ลานกว้างเพื่อฝึกร่วมกัน

แม้จะเป็นอัศวิน แต่การฝึกฝนขั้นพื้นฐานก็เป็นเรื่องสำคัญ ในตอนแรกจึงให้พวกนักเรียนฝึกฝนร่างกายและเหวี่ยงดาบ

ในที่สุดการฝึกของจริงก็เริ่มขึ้น พวกเขานัดแนะรูปแบบการต่อสู้และทำการต่อสู้จำลองกัน

ตรงหน้าซึ่งมีคนจากภาคีอัศวินและคนจากอัศวินแห่งเซย์รินกำลังต่อสู้กัน

ทำให้เหล่านักเรียนต่างตื่นเต้นกันมาก

[ โว้วว!? ยอดเลย!! เห็นเมื่อกี้มั้ย!! ไม่นึกเลยว่ามนุษย์จะทำแบบนั้นได้!? ]

[ สมกับเป็นอัศวินที่เก่งที่สุดของอาณาจักร… การเคลื่อนไหวมีชั้นเชิงมากค่ะ ]

กุเร็นและมิเซ่กำลังสังเกตการฝึกของอัศวินต่างชื่นชมไม่ขาดปาก

แน่นอน เพราะอัศวินบางคนนั้นเป็นคนที่ต่อสู้อยู่แนวหน้าในช่วงสงคราม สำหรับนักเรียนพวกเขาอาจจะเป็นผู้กล้ารุ่นต่อไปที่น่าชื่นชม จะตื่นเต้นก็ไม่แปลก

[ ทรูเอทไปดูใกล้ๆ กันเถอะ! ]

[ … อา ]

ผม มิเซ่ และกุเร็นเดินฝ่าฝูงชนและเดินไปข้างหน้า

ร่างกายบึกบึนของกุเร็นมีประโยชน์มากในสถานการณ์นี้ เมื่อพวกนักเรียนคนอื่นสังเกตเห็นก็หลีกทางให้เขาทันที

[ ว่าแต่ว่า เอลิเซียก็ดีจังน้า คงได้มองดูใกล้กว่าพวกเราซะอีกเนอะ ]

เสียงบ่นของกุเร็น ทำให้ผมมองก้มหน้า

เราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ เพื่อไม่ให้รบกวนการฝึก ยกเว้นเฉพาะตัวแทนซึ่งเป็นผู้ช่วยในการฝึกร่วมอย่างเอลิเซีย ซึ่งตอนนี้กำลังส่งเครื่องดื่มให้กับพวกอัศวินในระหว่างฝึกซ้อม

[ กุเร็นชอบอัศวินเหรอคะ? ]

[ อา ก็เพราะเดิมทีก็อยากเป็นอัศวินด้วยนะ ]

กุเร็นพูดแบบเขิลๆ

น่าเสียดายสำหรับกุเร็น เพราะเขาสอบไม่ผ่าน จึงไม่สามารถเข้าแผนกผู้กล้าได้ เดิมทีนั่นเป็นความใฝ่ฝันของเขาในตอนแรกเลยล่ะ …แม้ตอนนี้จะเป็นอัศวินไม่ได้แล้ว แต่เขาก็ยังเคารพและชื่นชมอัศวิน

[ อ่ะ มีผู้หญิงด้วยค่ะ ]

มิเซ่พูด

ที่ตรงนั้นมีอัศวินหญิงผมสีฟ้า

[ นั่นคือ… ท่านซาเรีย เพนดีนเต้ของภาคีอัศวิน เมื่อปีที่แล้วเห็นว่าเพิ่งอายุได้สิบแปดก็ได้รับความไว้วางใจและถูกแต่งตั้งเป็นอัศวินแล้ว เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับการแต่งตั้งในอาณาจักรก็ว่าได้ ]

กุเร็นอธิบายพลางทำสีหน้าประทับใจ

อัศวินไม่ใช่อาชีพที่ห้ามผู้หญิงเป็น ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชาย ไม่ว่าจะมีเกียรติเพียงใดสุดท้ายก็การต่อสู้ของอัศวินก็ต้องมีการนองเลือด ผู้หญิงที่ชอบไปยุ่งกับเรื่องนองเลือดมีไม่มากนักหรอก

ซาเรียและอัศวินแห่งเซย์รินกำลังจับดาบและต่อสู้กัน

เป็นการโจมตีเบาๆ เรียกว่าเป็นประเภทการโจมตีด้วยทักษะแม้การโจมตีจะดูไม่มีแรง

อย่างไรก็ตามยังมีความเคลื่อนไหวแบบเปล่าประโยชน์ในท่วงท่า เป็นอัญมณีที่ยังเจียระไนและพัฒนาได้อีก

[ …ยังพัฒนาได้อีกสินะ ]

[ อา เธอคนนั้นเก่งขึ้นได้แน่นอน… แน่นอนเลยค่ะ ]

[ ว่าแต่ว่าพวกนายคุยกันคนละเรื่องรึเปล่านะ? ]

มิเซ่พูดขณะที่มองไปยังกุเร็น

แต่กุเร็นจ้องมองหน้าอกของซาเรียโดยไม่สนสายตาของมิเซ่

ตอนนั้นเอง เสียงเชียร์ก็ดังไปทั่ว

ตรงปลายทางของเสียงเชียร์มีชายสองคนยืนอยู่

[ สองยอดอัศวินของภาคีอัศวิน … สุดยอด ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นตัวเป็นๆ ]

กุเร็นส่งเสียงด้วยความตื่นเต้น

พวกเขาคือผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการของภาคีอัศวิน วีรบุรุษตัวตริงที่โลดแล่นในสนามรบ

[ ยูซิส อัคเรนกับเบรแมน เอวานสินะ ]

[ โอ๊ะ ทรูเอทนายก็รู้จักพวกเขาด้วยเหรอ? ]

[ ไม่หรอก รู้แค่ชื่อเท่านั้นเอง ]

หนุ่มผมสีทองยูซิสและผมสีแดงเบรแมน

ทั้งคู่อายุค่อนข้างน้อย ผู้บัญชาการยูซิสเป็นคนดูท่าทางบรรยากาศเป็นมิตรและโปรยรอยยิ้มไม่หยุดแม้จะอยู่ระหว่างฝึก กลับกันเบรแมนเป็นคนผมสีแดงท่าทางจริงจัง หลายครั้งที่ภาคีอัศวินต้องโชว์ตัวยืนคู่กับเหล่าคนของราชวงศ์ต่อหน้าประชาชน ถ้าคนเป็นหัวหน้ามีบรรยากาศเป็นมิตรก็จะยิ่งทำให้ได้รับการยอมรับจากประชาชนด้วย

[ ส่วนทางนั้นก็หัวหน้ากับรองหัวหน้าของอัศวินแห่งเซย์ริน ท่านลอเรน ดูไลท์กับท่านการัม อีสเทด ]

มิเซ่อธิบาย ขณะที่ผมมองไปด้านฝั่งตรงกันข้ามกับเมื่อครู่

ที่ตรงนั้นมีสองยอดอัศวินแห่งเซย์รินยืนอยู่

ลอเรนมีเส้นผมสีน้ำเงินและการัมเป็นคนเส้นผมสีดำ ทั้งสองดูมีอายุต่างจากทางฝั่งภาคีอัศวินสองคนแรก จนเห็นความน่าเกรงขามผ่านใบหน้าของพวกเขาได้เลย ในขณะเดียวกันก็แผ่บรรยากาศที่ยากจะเข้าใกล้ออกมาด้วย ได้ยินว่าอัศวินแห่งเซย์รินปฏิบัติเรื่องเกียรติและความภาคภูมิกันน่าดู หากทำตัวเหลาะแหละก็อาจโดนลูกน้องดูถูกได้ พวกเขาคิดเช่นนั้น

ชายทั้งสี่คนต่างก็ต่อสู้อยู่แนวหน้าในสนามรบ

ดังนั้นผมจึงคุ้นหน้าอยู่นิดหน่อย แต่ก็รู้จักเพียงฝ่ายเดียว อีกฝ่ายไม่รู้จักผมหรอก เพราะมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ในปราสาทจึงเดินผ่านหน้ากันนิดหน่อย แต่ตอนนั้นพวกเขาน่าจะคิดว่าผมเป็นอัศวินฝึกหัดในปราสาทซะมากกว่า

[ เฮ้ จริงเหรอ สี่คนนั้นจะต่อสู้จำลองกันงั้นเหรอ!? ]

ตามที่แกรนด์มา ทั้งสี่คนจับดาบและออกมายืนข้างหน้ารวมกัน

ดูเหมือนพวกเขาจะทำการต่อสู้จำลองแบบสองต่อสอง

ทางด้านซ้ายคือฝั่งภาคีอัศวินสองคนและทางฝั่งขวาคืออัศวินแห่งเซย์รินสองคน

ทั้งสองฝ่ายจ้องตากันอยู่สักพัก จากนั้น―― ก็เริ่มเคลื่อนไหว

[ … สุดยอด ]

เหล่านักเรียนต่างส่งเสียงชมเมื่อได้เห็นการต่อสู้จำลองของทั้งสี่คน

แน่นอนว่าระดับต่างกับนักเรียนลิบลับ พวกเขาใช้เวทมนตร์อย่างเดียวกับที่ผมใช้ 《เรจ》ซึ่งทำให้มองตามแทบไม่ทัน

[ ระ เร็วจนมองตามแทบไม่ทันเลยค่ะ ]

มิเซ่ยิ้มและพูดออกมา

[ ไม่มั่นใจเหมือนกัน แต่… ดูเหมือนอัศวินแห่งเซย์รินจะได้เปรียบอยู่ตอนนี้นะ ]

[ อา ทางฝ่ายภาคีอัศวินกลายเป็นฝั่งตั้งรับอยู่นะ ]

ผมเห็นด้วยกับคำพูดของกุเร็น

เขาปรารถนาอยากเป็นอัศวิน แต่ก็มองการต่อสู้ตรงหน้าไม่ทัน

[ ก็นะ ด้านการโจมตีอัศวินแห่งเซย์รินยอดเยี่ยมระดับโลกเชียวนะ โดยฉพาะรองหัวหน้าการัมที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษก็ว่าได้ ]

[ รองหัวหน้า? ไม่ใช่หัวหน้าเหรอ? ]

เมื่อมิเซ่ถาม กุเร็นก็อธิบายให้เธอฟัง

[ หากเป็นโดยรวมท่านลอเรนเก่งกว่า แต่ถ้าเป็นด้านการโจมตีท่านการัมจะมีชื่อเสียงกว่า ครั้งหนึ่งในสนามรบได้ยินว่าเขากัดแทะศัตรูราวกับสัตว์ร้ายและต่อสู้ไม่ยอมหยุดแม้จะมีบาดแผลมากมายแค่ไหน จนได้อีกชื่อว่านักรบคลั่งในสนามรบเชียวนะ เพราะความกล้าหาญทำให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการหลายต่อหลายครั้งเลยล่ะ ]

คำอธิบายของกุเร็นถูกต้องแล้ว การัมได้รับเลือกให้เป็นผู้บัญชาการอยู่หลายครั้ง

หากนิ่งๆ ก็จะเหมือนนักรบผู้สง่าผ่าเผย แต่เมื่อจับดาบก็เผยให้เห็นถึงสัตว์ร้ายที่อยู่ภายในตัว ภาพลักษณ์ของการัมในสนามรบมันโหดร้ายจนมองเป็นอัศวินแทบไม่ได้

[ แต่ภาคีอัศวินก็ไม่แพ้กันหรอกนะ ]

ต่อคำบ่นของผม กุเร็นพยักหน้า

[ ก็นะ… ทางด้านภาคีอัศวินเน้นด้านตั้งรับ อาจจะยังจับเกมไม่ได้ ]

กุเร็นพูดอย่างตื่นเต้น

[ ทั้งสองคนมองการต่อสู้ได้ทันด้วยเหรอคะ ยอดเลยค่ะ… ]

มิเซ่พลางชื่นชม

ทันใดนั้นผมก็มองไปที่เอลิเซีย

ทุกคนต่างทึ่งกับการต่อสู้ระหว่างอัศวินชั้นยอดทั้งสองฝ่าย ยกเว้นแต่เพียงเอลิเซียที่มองไปยังทางอื่น

ปลายสุดของสายตาเธอคือชายอ้วนผมสีทองตัวเล็ก

โรเบิร์ต เทอร์แกรนด์

ชายที่ฆ่ากาเรีย พ่อของอลิเซีย

――แต่เพราะยังทำอะไรไม่ได้

เนื่องจากข้างกายของโรเบิร์ตมีอัศวินแห่งเซย์รินสองคนคอยคุ้มกันอยู่

เอลิเซียยังไม่มีวิธีล่อคนคุ้มกันและฆ่าโรเบิร์ต

ตอนนั้นเองเสียงเชียร์ก็ดังไปทั่ว

ดูเหมือนการต่อสู้จำลองจะจบแล้ว ผลการต่อสู้คือเสมอกัน เห็นได้ชัดว่าแต่ละฝ่ายตั้งใจเลิกกันไปเอง หลังจากได้เหงื่อมาพอควรแล้ว

จากนั้นอัศวินทั้งสี่ก็จับมือกัน

นักเรียนต่างปรบมือให้กับพวกเขา

[ อา ตื่นเต้นชะมัด ยังตัดสินกันไม่ได้เลย น่าจะต่อสู้กันต่อก็ดีสิ ]

กุเร็นพูด

[ บางทีคงไม่คิดจะตัดสินผลแพ้ชนะกันตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ค่ะ ]

[ ? หมายความว่ายังไงนะ? ]

กุเร็นเองหัวมาทางผม

มิเซ่จึงอธิบายต่อ

[ หากตัดสินผลแพ้ชนะ จะเป็นการบ่งบอกว่าอัศวินทางใด เหนือชั้นและด้อยกว่าแม้จะเป็นเด็กฝึกหัดหรืออัศวินระดับกลางของอัศวินฝ่ายนั้นๆ ค่ะ ทั้งสี่คนมีอิทธิพลมากต่อคนในกลุ่ม ดังนั้นการมาแพ้ในการต่อสู้จำลองไม่ใช่เรื่องดีแน่ค่ะ ]

แกรนพยักหน้าพลางพูดว่า [ เข้าใจล่ะ ]

หลังจากการต่อสู้จบลง ทำให้นักเรียนต่างรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของอัศวินที่คอยปกป้องประเทศ

เอลิเซียยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

เพราะคุ้มกันโรเบิร์ตสมบูรณ์แบบมาก แม้จะลุกออกจากที่นั่งก็มีคนคุ้มกันไปด้วยเสมอ

มือสังหารชอบใช้โอกาสฝูงชนมากๆ ในการลอบสังหาร เมื่ออยู่ต่อหน้าฝูงชนมากมายขนาดนี้โรเบิร์ตย่อมระวังตัวอยู่แล้ว

การลอบสังหารระหว่างการฝึกซ้อมครั้งนี้จึงเป็นไปไม่ได้

แต่ทว่า――

[ …ตอนกลางดึก ]

ผมมั่นใจว่าเธอต้องใช้โอกาสนั้นลงมือแน่

แต่เมื่อวานผมตัดสินใจไปแล้ว

ว่าจะไม่ห้ามเอลิเซียอีกแล้ว

จะไม่ห้าม….

ความเกลียดชังของเธอไม่มีวันหายไปจนกว่าจะฆ่าโรเบิร์ตสำเร็จ

ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าการจะเกลี้ยกล่อมเธอมันเป็นไปไม่ได้

ผมมองตามเอลิเซีย ขณะที่สังเกตนักเรียนและอัศวินที่กำลังฝึกกันอยู่

ต้องไม่เป็นไร

เพราะมันไม่มีทางเลือกอีกแล้ว