Ch.17 – สิ่งที่สถิตอยู่ในกำปั้นของราชาผู้พิชิต คือคมดาบแห่งพลังเวทและคำพูด

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

“โอร๊าาาาาาาา!!” “อย่ามาหยามกันนะเฟ้ย[อัศวินดำ]!”

 

ไม่มีเวลาไปหยุด

ชาวบ้านเผ่ายักษ์2คนฟาดกระบองลงมาพร้อมกัน

แต่ว่า–

 

[ช่างน่าสมเพช เจ้าพวกอมนุษย์ชั้นต่ำ]

 

[อัศวิน]หยุดกระบองทั้ง2ด้าม–ด้วยโล่2อัน

เกิดเสียงเหล็กปะทะกัน

[กระบอง]ที่ผมเสริมแกร่งไม่บิดเบี้ยวง่ายๆ ไม่มีทางหัก แต่[อัศวิน]ก็หยุดไว้ได้อย่างง่ายดาย

ราวกับโกหก การโจมตีของผู้ใหญ่เผ่ายักษ์2คนถูกหยุดด้วยตัวตนเดียว

 

[กะอีแค่เผ่ายักษ์2ตัว คิดว่าจะล้มอัศวินดำเมเซรัทผู้นี้ได้เหรอ!?]

 

อัศวินใช้แขนที่เหลืออีก2ข้างฟาดหอกลงไป

 

แกร๊ง!

 

ผมใช้กระบองหยุดหอกนั่นไว้

 

“โอ๊ะ?” “พี่ชาย!?”

“…ช่วยถอยไปด้วยครับ”

 

ผมใช้[Orge Force(พลังยักษ์)]ดันหอกของมันกลับไป

พวกเผ่ายักษ์ยอมถอยไปแต่โดยดี

ก็อยากจะจัดการ[อัศวินดำ]ด้วยวิธีที่มันชัวร์ๆง่ายๆหรอก แต่ช่วยไม่ได้แล้วสินะ

 

[มาแล้วสินะ! “ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ ศัตรูคู่อาฆาตของเทพธิดาลำดับที่8ผู้ประทับอยู่บนสรวงสวรรค์”!]

 

ดวงตาของ[อัศวินดำ]กระพริบจากภายในหมวกเกราะคาบุโตะ

ราวกับกำลังหัวเราะ

 

“ต้องขอชมในเรื่องความจำเลยล่ะ อัศวินดำ”

 

ผมพูดออกไป

คง[พลังยักษ์]เอาไว้ ต้องเปลี่ยนตำแหน่ง หมอนั่นกำลังเข้าใกล้ต้นไม้ข้างหลังเรื่อยๆ

อืม แบบนี้เองสินะ

 

[ท่าทางแกไม่คิดจะหนีสินะ ยักษ์ที่สามารถปะทะกับข้าได้อย่างเท่าเทียมเอ๋ย!]

“ท่าทางจะเข้าใจผิดไปนะ”

 

ระหว่างที่พูดผมก็ตรวจสอบหลอดพลังเวทของ[ยักษ์]

 

“สิ่งที่ข้าต้องการเลี่ยงน่ะคือ การที่แกจะหนีไปได้เท่านั้นล่ะ”

[–หา!?]

“จะให้หาแกที่หนีเข้าไปในป่ามันก็น่ารำคาญใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นก็เลยใช้กลุ่มเข้าล้อมแล้วจะได้สามารถจัดการจริงๆ ถ้ามีเวลาอีกสักหน่อยก็คงจะทำได้แล้วแท้ๆ น่าเสียดาย”

[พูดอะไรบ้าๆ!]

 

แขนที่เหลืออีก2ข้างของ[อัศวินดำ]ขยับ

 

[แต่ว่า แล้วยังไงล่ะ!? ยักษ์แต่ตนเดียวจะมาหยุดอะไรข้าได้!]

 

มันฟาดโล่ลงมาหวังจะให้กะแทกเข้ากับหัวของผม–

 

“ดูดซึมพลังเวท–”

 

ผมเพิ่มอัตราการใช้พลังเวทของ[ปลุกเผ่ายักษ์]

เวลาที่แปลงร่างได้ลงลด แต่ก็จะได้พลังกายเพิ่มขึ้นมา

เดิมที[ปลุกเผ่ายักษ์]ก็เป็นสกิลที่มีไว้เพื่อให้ผมปะทะได้อย่างเต็มกำลังอยู่แล้ว ถึงที่โลกเดิมจะเพิ่มได้แต่กำลังใจไม่เพิ่มกำลังกายก็เถอะ–

 

แต่โลกใบนี้สามารถใช้พลังเวทเพื่อเพิ่มพลังเป็นเท่าตัวได้แน่ๆ

 

“เพิ่มการเผาผลาญพลังเวท3เท่า! [Orge Force(พลังยักษ์) drei(3เท่า)]!!”

 

ผมเหวี่ยงกระบอง

ปลายของกระบองที่มีความแข็งเทียบเท่ากับโลหะ–[กระบองโลหะ]ปะทะเข้ากับโล่ของ[อัศวินดำ]–ฝังเข้าไป–จนแหลกเป็นเสี่ยงๆ!

 

[โโโโโโโโโโโโโโโโโโโอ๊!!!?]

 

[กระบอง]ที่ถูกฟาดด้วย[พลังยักษ์]x3ไม่หยุดแค่นั้น

 

เกราะมือของอัศวินดำแตกออก ฝ่ามือแหลกเป็นเสี่ยงๆ ในตอนนั้น[อัศวินดำ]ก็ใช้โล่อีกอันมาหยุดกระบองตรงหน้า–แต่พลังของทางนี้ยังเหลือๆ โล่อัน2ก็แตกตามไป จากนั้นก็ทำลายแขนข้างที่2ของมัน–บ้าบิ่นเกินไปแล้ว

 

จากนั้นกระบองที่ฟาดลงไปก็กระแทกเข้ากับหัวของม้า–จนแตกออก

 

[กุอ๊าาาาาาาาาาาาาา!!]

 

ม้ากรีดร้องออกมาแล้วล้มลงไป

พร้อมกันนั้นก็ได้ยินเสียงโลหะแตกจากมือของผม

 

“อ๊ะ”

 

กระบองที่ถูกเอนชานต์แตก ถึงขีดจำกัดแล้วงั้นเหรอเนี่ย

 

[แกกกกกกกกกกก!! อะไรน่ะ นั่นมันอะไรรรรรรรรรร!!]

“จำเป็นต้องบอกแกหรือไง?”

 

[Orge Force(พลังยักษ์)]ของ[ปลุกเผ่ายักษ์]จะเพิ่มพลังทำลายด้วยการลดเวลาแปลงร่างลง

ถ้าใช้[drei(3เท่า)]ก็จะเหลือ1ใน3 ถ้าเป็น[vier(4เท่า)]ก็เป็น1ใน4

พลังเวทของ[เผ่ายักษ์]ลดลงฮวบฮาบในการโจมตีครั้งเดียวเมื่อกี้ แล้วถึงจะเสริมร่างกายด้วยพลังเวทขนาดไหน แต่ถ้ายังทำไปมากกว่านี้ได้ปวดกล้ามเนื้อแน่ๆ

 

“แต่ว่า…ยังรอดมาได้อีกเหรอเนี่ย น่ารำคาญจริงๆ”

 

ทางนี้น่ะเป็นแค่มือสมัครเล่นด้านการต่อสู้

ดังนั้น ก็ช่วย–ตายง่ายๆทีจะได้ไหม

ผมไม่ใช่วีรบุรุษหรือผู้กล้าจากไหน ก็เป็นแค่[อดีตจูนิเบียว ที่รับรู้ความเป็นจริงเป็นอย่างดี] ก็เลยอยากจะเลือกวิธีที่ง่ายๆที่สุดไว้ก่อน

 

[ยกโทษให้ไม่ได้–ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันนนนนนนนนน!!]

 

แขนของ[อัศวินดำ]ยังเหลืออีกสองข้าง แล้วตอนนี้มันก็ยังพึมพำอะไรไม่รู้ นั่นคือ…การร่ายมนต์เหรอ

 

“ปลด[ปลุกเผ่ายักษ์]!”

 

ผมคลายการแปลงร่างทันที กลับไปร่างปกติ จากนั้น

 

“[ด้วยนามแห่งราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์–][ปลุกเผ่ามังกร]!!”

[…ยกโทษให้ไม่ได้”ศัตรูคู่อาฆาตของเทพธิดาลำดับที่8ผู้ประทับอยู่บนสรวงสวรรค์–”]

“จงแผดเผาศัตรูของข้าให้เป็นจุล–ลมหายใจแห่งมังกรเอ๋ย! [Breath(มังกรคำราม)]!!”

 

ผมรวมพลังเวทไว้ที่ฝ่ามือแล้วเป่าออกไปรวดเดียว

 

[–เดี๋ยวสิ!?]

 

[อัศวินดำ]มองมาทางนี้ มีไฟออกมาจากปลายนิ้วของมัน แต่ผมไวกว่า

 

[โอะ…โโอ๊อ๊าาาาาาาาาาาา!]

 

เปลวเพลิงที่พ่นออกมาจากปากของผมปกคลุมไปทั่วร่างของมัน

 

ท่าไม้ตายของ[ปลุกเผ่ามังกร]  [Breath(มังกรคำราม)]

เนื่องจากคิดจากแรงสะท้อนแล้วก็เลยกดพลังไว้ครึ่งหนึ่ง เพราะว่าต้องเหลือไว้ใช้[เกล็ดมังกร]ด้วยล่ะนะ

 

[…แก…เป็นใคร แกเป็นอะไรกันแน่!?]

 

แต่ถึงอย่างนั้น พลังทำลายก็ยังเหลือเฟือ

ร่างซีกซ้ายของ[อัศวินดำ]เกิดรูโหว่ แขนซ้ายก็หายไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่ สมกับเป็นอสูรชั้นสูงเลยนะ เป็นสิ่งมีชีวิตคนละประเภทกับพวกเราเลยนะ เจ้านี่

 

ศัตรูยังคงจ้องมาทางนี้

ถ้ายิง[มังกรคำราม]อีกนัดก็จะจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่พอคิดถึงตอนที่ใช้[ปลุกเผ่ามังกร]ไม่ได้แล้วก็อยากจะคิดถึงวิธีที่ง่ายกว่านั้นอีกนิด ถ้าอย่างนั้น–

 

“เปิดใช้งาน [Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]”

 

ผมทำการใช้พลังแห่งคำพูด–[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]สล็อทที่3

คิดไว้แล้วว่าจะ[Enchant(เสริมแกร่ง)]อะไร

ผมกำหมัดแล้วตั้งไว้ที่หน้าอก–

 

“[ข้าขอพูดกับหมัดของข้า ชื่อของเจ้าคือหมัดตรง正拳(せいけんเซย์เคน)]–[จงรับถ้อยคำอันใกล้เคียงไปเถิด]–[อัตลักษณ์ที่จะมอบให้เจ้าก็คือ]–”

ผมสูดลมหายใจแล้วพูดออกไป

 

“[หมัดตรง]–จงแสดง[ดาบศักดิสิทธิ์聖剣(せいけんเซย์เคน)]ออกมา จงรับชื่อจากราชาไปซะ!!”

หมัดของผมเปล่งแสงออกมา

แถมพลังเวทสีทองยังยืดออกกลายเป็นแสงความยาวประมาณ1เมตร

 

[โลกของมนุษย์น่ะมันจบลงไปแล้ว!]

 

[อัศวินดำ]ตะโกนออกมา

ลงจากม้าที่ตาย แล้วก็วิ่งมาทางนี้

 

[ราชาของพวกเราจะทำลายมนุษย์และอมนุษย์ให้สิ้นซาก และจะสร้างโลกใบใหม่ขึ้นมา! ตามประสงค์ของ“จักรพรรดิเพลิงทมิฬ”ผู้ยิ่งใหญ่–]

“เรื่องแบบนั้น จะยังไงก็ช่าง”

 

ผมยก[ดาบศักดิ์สิทธิ์]ขึ้น–แล้วฟาดลงไป

ดาบที่สร้างขึ้นจากพลังเวท สัมผัสเข้ากับหอกของ[อัศวินดำ] จากนั้นก็ตัดมันออกเป็นสองท่อน

 

[–บ้า น่า!?]

“โทษที แต่ผมเลิกแล้วน่ะ ดังนั้น ขอจัดการนายตามความเป็นจริงละกัน”

 

[ดาบศักดิสิทธิ์]ทะลวงเข้าไปในเกราะของ[อัศวินดำ] ไหล่ หน้าอก ร่างกายทั้งหมด

แล้วพลังเวทของ[ราชา]ก็ลดลงฮวบฮาบ

ก่อนที่จะหมดลงดาบก็หั่น[อัศวินดำ]ออกเป็นสองท่อน

 

“–ผมก็แค่ปกป้องบ้านกับครอบครัวเท่านั้นเอง ที่ชายวัยสามสิบต้องการ มันก็มีแค่นั้นล่ะ”

[…กะ…แก…เจ้า…ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]

 

ร่างกายของ[อัศวินดำ]แหลกสลาย

ร่างกายกับชุดเกราะสลายเป็นผงลอยไปในอากาศ

 

ที่เหลือหลังจากนั้นก็มีแค่คริสตัลขนาดใหญ่ขนาดประมาณหัวคนสีดำ

อสูรชั้นสูง ตายแล้วจะเป็นแบบนี้สินะ…

 

“ท่านโชมะ!” “ท่านพี่!!”

 

ได้ยินเสียงของริเซ็ตกับฮารุกะจากอีกฝั่ง

เสียงการต่อสู้ ไม่ได้ยินแล้ว ดูเหมือนอสูรจะถูกจัดการไปหมดแล้ว

 

“ท่านโชมะ!”

 

แอ่ก

 

“เดี๋ยวสิ? ริเซ็ต…ทำไม?”

“ไม่เป็นอะไรสินะคะ? ไม่มีแผลสินะคะ!? ยังมีชีวิตอยู่สินะคะ?”

“ก็ยังมีชีวิตอยู่หรอก แล้วทำไมล่ะ?”

“[อัศวินดำเมเซรัท]อยู่ไหนล่ะคะ?”

“ดูเหมือนท่านพี่จะจัดการไปแล้วนะ พี่ริส”

 

ฮารุกะหยิบ[คริสตัล]บนพื้นขึ้นมา

จับได้เหรอ เจ้านั่น

 

“ตัวที่จะมี[ผลึกมาร]ขนาดนี้ได้ก็มีแต่[อัศวินดำเมเซรัท]ล่ะค่ะ พลังสุดยอดเลยนะ…ท่านพี่”

“ท่านโชมะสุดยอดจริงๆด้วยค่ะ ทำยังไงถึงจัดการ[อัศวินดำ]ได้เหรอคะ?”

“ด้วย[ดาบศักดิ์สิทธิ์]น่ะ”

““ดาบศักดิสิทธิ์?””

 

ริเซ็ตกับฮารุกะเอียงคอสงสัย

ในโลกใบนี้ไม่มีของแบบนั้นเหรอ งั้นเหรอเนี่ย

 

“ก็ได้ยินมาว่าคลังสมบัติขององค์จักรพรรดิคนปัจจุบัน–[องค์จักรพรรดิมังกร]มีอุปกรณ์กับดาบอยู่มากมาย…คงเป็น[ดาบที่มีพลังศักดิสิทธิ์]…ที่มีพลังต่อต้าน[อสูรดำ]หรือ[เวทมนตร์ดำ]สินะคะ?”

“ก็อะไรประมาณนั้นล่ะ ริเซ็ต”

“…ท่านโชมะ”

 

ริเซ็ตเอามือกุมอกรู้สึกถึงปลาบปลื้มอะไรบางอย่าง

ฮารุกะหน้าแดงแล้วถอนหายใจออกมา

 

“มีพลังขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย…ฮารุกะ คัลมิเรีย รู้สึกตื้นตันมากค่ะ ”

“…มีแค่พลังคงทำอะไรไม่ได้หรอกนะ”

 

ความจริงแล้วผมก็เป็นแค่“ทหารคนหนึ่งที่สร้างผลลัพธ์เล็กน้อย”เท่านั้นเอง

ถ้าให้พูดในแบบที่ทำงานก็คือ[พนักงานใหม่ที่ใช้คอมเก่ง แต่ไม่ได้รู้ตัวงานหรือคนที่ต้องติดต่อเลย]

 

“รอบนี้ก็แค่จัดการได้เพราะศัตรูไม่รู้จักผมเท่านั้นล่ะ”

“…ท่านโชมะ”

“ดังนั้นหลังจากนี้อยากให้ช่วยบอกเรื่องราวของโลกนี้แบบละเอียดอีกสักหน่อยน่ะ”

 

เป้าหมายของผมคือการหาที่อยู่และเอาตัวรอดจนกว่ายุคมืดจะจบลง

เพื่อการนั้นก็ต้องทำให้รอบตัวอยู่ในความสงบสุขด้วย

 

โชคดีที่[หมู่บ้านฮาซามะ]ของพวกริเซ็ตต้อนรับผม ดังนั้นเป้าหมายของผม ริเซ็ตกับฮารุกะจึงเป็นหนึ่งเดียวกัน ความต้องการความสงบสุขของหมู่บ้าน ทั้งสองคนก็เหมือนกับผม

 

“…ไอ้เรื่องการต่อสู้กับโลกเนี่ย เลิกมาเป็น10ปีแล้วด้วย”

 

ทั้งการหาศัตรูของโลกก็ด้วย

ทั้งการใช้ความสามารถพิเศษของตัวเองปฏิวัติโลกก็อีก

ที่ผมทำได้ ก็มีแค่การรักษาความสงบสุขของแถวๆบ้านเท่านั้นล่ะ

 

“ท่าทางทุกคนในหมู่บ้านก็ปลอดภัยด้วยล่ะ เพราะท่านพี่เลยนะ”

 

ฮารุกะโบกมือไปทางป่า

พวกคนเผ่ายักษ์ที่สู้กับอสูรรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น ถึงทุกคนจะโทรมแต่ก็ไม่มีคนที่บาดเจ็บหนัก ทุกคนถืออาวุธไว้ในมือแล้วยิ้มออกมา

การ[เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ]ของผมมีประโยชน์ก็คือว่าที่สุดแล้ว

 

“…คงถึงเวลาที่ต้องปลดการเสริมแกร่งอาวุธแล้ว ได้สินะ”

 

ผมพูดออกไป

หลอดพลังเวทของ[ราชา]ใกล้จะหมดแล้ว

เอนชานต์ของ[ดาบยาวโคตรแข็ง]กับ[กระบองที่เหมือนโลหะ]ไม่ได้ใช้พลังเวทขนาดนั้น แต่[หมัดตรงที่เหมือนดาบศักดิสิทธิ์]นั้นมีพลังทำลายมหาศาลก็เลยกินพลังเวทมาก จนพลังเวทเกือบจะหมดเลย

 

“ก็คิดว่าถ้าชาวบ้านทุกคนมีดาบศักดิสิทธิ์ ก็คงจะปกป้องเมืองได้ง่ายๆ…แต่คงจะทำไม่ได้สินะ”

 

สกิลที่ได้รับมาจากคุณจักรพรรดิมังกร เป็นประเภทที่ต้องคุมพลังเวทนิดหน่อย

คุณจักรพรรดิมังกรคนเก่า ทำยังไงถึงเก็บพลังเวทนั่นไว้ได้กันนะ

 

“ขอบคุณมากเลยนะครับ! คุณแขก!”

 

มั๊บ

อยู่ๆผู้ชายเผ่ายักษ์ก็มาจับมือของผม

 

“ผมคือคุณลุงของฮารุกะนามว่ากาลุงก้าครับ การที่มาช่วยตอนอันตรายแบบนี้แค่พูดขอบคุณคงไม่เพียงพอจริงๆครับ คนที่มีฝีมือระดับจัดการ[อัศวินดำเมเซรัท]ลงได้สำหรับพวกเราเผ่ายักษ์แล้วก็อยู่ในระดับตำนานเลยล่ะครับ!”

“ก็แค่ดวงดีเองครับ”

 

ผมพูดออกไป

คงจะหวังพึ่งไปทุกครั้งไม่ได้หรอก

 

“แล้วทุกคนไม่เป็นอะไรสินะครับ? เห็นคนที่เลือดออกอยู่หลายคนเลย…”

“พวกเราเผ่ายักษ์ มีความมั่นใจในเรื่องการฟื้นฟูอยู่แล้วครับ!”

“ขอพูดหน่อยนะคะ คุณกาลุงก้า”

 

ริเซ็ตพูดออกมาแบบกังวล

 

“ทุกคนคงจะเหนื่อยกับการต่อสู้ข้ามคืนสินะคะ แถมยังมีคนที่ต้องสู้อย่างหนักอยู่ด้วยค่ะ ดังนั้น ก็เหลือบางคนเอาไว้ แล้วที่เหลือกลับบ้านไปจะดีกว่า…ริเซ็ตคิดแบบนั้นค่ะ”
“เราเองก็เห็นด้วยกับพี่ริสนะ”

 

ฮารุกะพูดต่อจากริเซ็ต

 

“อัศวินดำถูกจัดการแล้ว ที่เหลือก็มีแค่ก็อบลินดำลูกกระจ๊อก ถ้าอย่างนั้นแค่เรากับพี่ริสก็พอแล้วล่ะ แต่ถ้าลุงกาลุงก้ากับอีกสักคนตามไปจะดีใจมากเลยล่ะ”

“”โอ้!!””

 

คุณกาลุงก้ากับอีกเผ่ายักษ์ร่างบึกบึนคนหนึ่งยกมือขึ้น

ทั้งคู่ยิ้มอย่างไร้เทียมทาน กำลังใจมาเต็มสุดๆ ท่าทางจะกำลังสนุกกับงาน

 

“แต่ว่า…ยังมีอะไรอีกเหรอ?”

 

ศัตรูถูกจัดการแล้ว บอสเองก็ตายแล้ว

ที่เหลือก็–

 

“จะว่าไป บอกไว้ว่าปลายทางนี้เป็นฐานหลักของศัตรูสินะ”

“ค่ะ ปราสาทร้างที่อยู่ด้านในป่านี้คือรังของอสูรดำค่ะ”

 

ริเซ็ตพูดออกมา

 

“ต้องไปตรวจสอบว่ายังมีอสูรเหลืออยู่หรือเปล่าค่ะ”

“…งั้นเหรอ”

 

รู้สึกเหมือนว่าเสียงของริเซ็ตจะสั่น

ตอนที่เจอกันครั้งแรกที่[ปราสาทร้าง]ริเซ็ตบอกไว้ว่า“กลัวการต่อสู้”นี่นะ พอเห็นว่าสั่นผมก็นึกขึ้นมาได้

 

…ปริมาณพลังเวทที่เหลือของผม อืม

ที่ใช้หมดไปมี[ราชา]กับ[ปักษา] [มังกร]กับ[ยักษ์]ยังเหลือประมาณ30% ถ้าเดินไปก็คงจะฟื้นฟูขึ้นมาอีกนิด [มาร]ยังไม่ตื่นขึ้นมา แต่เดี๋ยวเจ้านี่ก็คงจะใช้ได้ล่ะ

 

“ผมเองก็ขอตามไปด้วยได้ไหม?”

“จะดีเหรอคะ? ท่านโชมะ”

 

ริเซ็ตมองมาที่ผมอย่างตกใจ

 

“ไม่เป็นไรหรอก ผมเองก็สนใจเหมือนกับว่าฐานหลักของอสูรมันจะเป็นแบบไหนน่ะ”

“ขอบคุณมากค่ะ!”

 

ริเซ็ตก้มหน้าลงอย่างแรง

เอาตามตรงจะให้เดินทางร่วมกับคนไม่รู้จักมันก็น่ารำคาญน่ะ คนที่ผมรู้จักใน[หมู่บ้านฮาซามะ]ก็มีแค่ริเซ็ต ฮารุกะ แล้วก็พวกเด็กๆเอง

จะให้รอที่บ้านของริเซ็ตจนกว่าพวกเธอจะกลับมาก็สงบใจไม่ได้หรอก จะไปคุยเล่นกับพวกชาวบ้านก็เหนื่อยเกิน

ดังนั้นเดินทางไปกับริเซ็ตและฮารุกะตอนนี้ยังจะดีซะกว่า

 

“องค์ราชา” “พวกเราก็ขอตัวกลับแล้วนะคะ”

 

พวกฮาร์ปี้ส่งเสียงมาจากบนฟ้า

 

“โอ้ ขอบคุณมาก ช่วยได้มากเลยล่ะ”

“ไม่หรอกค่ะ” “การที่ได้ช่วยถือว่าเป็นเรื่องดีมากค่ะ”

 

พวกฮาร์ปี้ตัวน้อยๆก็กางปีกยิ้มออกมา

 

“เรื่องนี้” “จะไปบอกคนที่หมู่บ้านให้ค่ะ”

““แล้วจะมาทักทายใหม่นะคะ!!””

 

พวกฮาร์ปี้พูดแบบนั้นแล้วก็บินจากไป

 

จากนั้นพวกเราก็มองส่งพวกคนที่กลับไปที่หมู่บ้าน พวกริเซ็ตกับฮารุกะโบกมือให้พวกชาวบ้านหลายต่อหลายครั้ง ผมเองก็โบกมืออยู่บ้างๆ จากนั้นก็สูดลมหายใจฟื้นฟูพลังเวท

แล้วก็เตรียมตัวกันสักพัก พวกเราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังอีกฝั่งของป่า