ราชันเร้นลับ 728 : คอมโบสามสหาย โดย Ink Stone_Fantasy
เซนอลไม่มีทางคิดว่าวัตถุที่ศัตรูขว้างมานั้นปลอดภัย จึงรีบหลบด้วยการหายตัวเป็นระยะทางไกล ปล่อยให้กล่องบุหรี่เหล็กที่ผนึกด้วยกำแพงวิญญาณหล่นลงพื้น
จากนั้น เซนอลเปิดปากอีกครั้ง เป็นการแผดเสียงร้อง
เสียงคำรามที่ราวกับมีต้นตอมาจากส่วนลึกของร่างวิญญาณ ส่งผลให้ให้ศีรษะไคลน์ปวดแปลบกะทันหัน ทั้งที่เคยได้ยินเสียงเพรียกของพระผู้สร้างแท้จริงและมิสเตอร์ประตูจนมีภูมิต้านทานมาแล้ว ก็ยังอดไม่ได้ที่จะชะงักไปชั่วขณะ จมูกร้อนผ่าวราวกับเส้นเลือดฝอยระเบิด
ทว่า ด้วยความสามารถในการต้านทานของตัวไคลน์เอง ผนวกกับการอ่อนแอลงของเซนอลหลังจากถูก ‘ติดสินบน’ ส่งผลให้อาการชะงักเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ และนี่ไม่ใช่สิ่งที่พลเรือเอกโลหิตจะรู้ล่วงหน้า
ไคลน์จึงแสร้งทำเป็นยังไม่หายชะงัก ทำทีเผยจุดอ่อน รอให้เหยื่อเข้ามาติดกับ
หากเป็นการต่อสู้ตามปรกติ ด้วยพลังของวิญญาณอาฆาตที่สามารถกระโดดผ่านวัตถุที่คล้ายกระจก แถมยังมิอาจระบุตำแหน่งปลายทางได้ล่วงหน้า ถึงไคลน์จะมีเปลวไฟให้กระโดดรอบป่า แต่ก็ยากที่จะเข้าใกล้อีกฝ่ายในรัศมีห้าเมตร ไม่สามารถเข้าควบคุมด้วยด้ายวิญญาณ
ลงเอยด้วย ชายหนุ่มวางแผนที่ค่อนข้างเสี่ยง ล่อให้ศัตรูเข้ามาติดกับและรีบจบการต่อสู้นี้โดยเร็ว จะได้หนีไปยังริมหน้าผา
เมื่อเห็นเป้าหมายได้รับความเสียหายจากเสียงกรีดร้องบ่อยครั้ง แถมอาการชะงักก็ยังรุนแรงกว่าทุกที เซนอลรีบสูดลมหายใจยาว
ในการมองเห็นของไคลน์ ร่างพลเรือเอกโลหิตปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ลดขนาดลงและเริ่มคมชัด
ฉากตรงหน้าไม่เหมือนกับภาพที่สะท้อนเข้ามายังกระจกตา แต่ราวกับอีกฝ่ายกำลังอาศัยอยู่ในดวงตาทั้งสองข้างของตนจริงๆ!
ในวินาทีที่พลังสิงร่างของวิญญาณอาฆาตใกล้เสร็จสมบูรณ์ ไคลน์ในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่นหลายจุด เอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย เหยียดฝ่ามือไปทางซ้ายอย่างไม่เร่งรีบ คล้ายกับสุภาพบุรุษกำลังกล่าวอย่างสุภาพว่า ‘เชิญ’
ยุบพองหิวโหยที่ยังแผ่กลิ่นอายความชั่วร้ายแต่สูงศักดิ์ ช่วยให้ไคลน์สามารถ ‘บิดเบือน’ เจตนาของพลเรือเอกโลหิต
และด้วยออร่าเยือกแข็งใต้ฝ่าเท้า ผิวน้ำแข็งโดยรอบกำลังทำหน้าที่แทนกระจกเงา!
บนชั้นน้ำแข็งแผ่นบาง ร่างของเซนอลที่สวมหมวกทรงสามเหลี่ยมปรากฏขึ้น สีหน้าเผยความสับสน
ทันใดนั้น ยุบพองหิวโหยเปลี่ยนเป็นสีดำมืด ไคลน์เปล่งคำพูดชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยการกัดกร่อน
“เชื่องช้า!”
เซนอลที่เตรียมกระโจนหนีด้วยความช่วยเหลือของผิวกระจกพลันแข็งทื่อในตำแหน่งเดิม ร่างวิญญาณเริ่มคืนร่างเนื้ออย่างมิอาจควบคุม การเคลื่อนไหวเริ่มเชื่องช้า ดิ้นรนเท่าไรก็สลัดไม่หลุด
เนื่องจาก ‘เชื่องช้า’ ไม่ใช่พลังที่สามารถใช้ได้ต่อเนื่อง ไคลน์รีบเปลี่ยนถุงมือข้างซ้ายเป็นสีซีด เจือเขียวครึ้มเล็กน้อย
ซอมบี้!
ชั้นน้ำแข็งบนพื้นกลับมาทวีความเข้มข้นอีกครั้ง ออร่าน้ำแข็งแพร่กระจายไปหาเซนอลด้วยความเร็วสูง เกาะกินปลายเท้าของมัน ค่อยๆ เปลี่ยนให้เป็นรูปปั้นน้ำแข็งโดยสมบูรณ์
ไคลน์ที่ทราบว่าวิญญาณอาฆาตต้านทานพลังน้ำแข็งได้ดี ไม่แสดงความประมาท รอสักพักก็เปลี่ยนยุบพองหิวโหยให้กลายเป็นสีทองคำ
ด้ายดำในดวงตาชายหนุ่มหายไป แทนที่ด้วยสายฟ้าสีเงินแวววาวสองเส้น ยิงออกจากส่วนลึกของดวงตา
นักสอบสวน ทะลวงจิต!
หากเป็นในสภาพปรกติ ร่างเนื้อของเซนอลจะแทบไม่ได้รับผลกระทบใดๆ มิหนำซ้ำยังอาจตอบโต้กลับได้ทันควัน แต่ปัจจุบัน มันเพิ่งหายจากอาการชะงัก เมื่อพบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในรูปปั้นน้ำแข็ง จึงไม่มีทางเลือกนอกจากอ้าแขนรับศรสายฟ้าล่องหนที่กำลังเล็งใส่ร่างวิญญาณ!
จิตใจของมันพลันเจ็บแปลบราวกับถูกมีดเสียบและกวนไปมา ความทุกข์ทรมานแผ่ซ่านไปทั่วร่าง สติหลุดลอยชั่วคราว
เมื่อได้สติกลับมาอีกครั้ง ขณะที่เซนอลเตรียมกระโดดหนีเพื่อรักษาระยะห่าง มันเห็นนักผจญภัยมาดเย็นชาฝั่งตรงข้ามเริ่มเปิดปากพูด
“เชื่องช้า!”
แม่เย็*… การเคลื่อนไหวของ ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลเชื่องช้าลงอีกครั้ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องถูกคอมโบตามด้วย ‘ผนึกน้ำแข็ง’ และ ‘ทะลวงจิต’ ซ้ำอีกระลอก
ขณะได้สติกลับมาและเตรียมหนีอีกหน เกอร์มัน·สแปร์โรว์เจ้าของเส้นผมสีดำและดวงตาสีน้ำตาลอ้าปากเป็นครั้งที่สาม
“เชื่องช้า!”
เซนอลเดือดดาลและสิ้นหวัง ก่อนจะพบว่าตัวเองถูกส่งเข้าสู่วัฏจักรเดิม
ในส่วนของไคลน์ที่ตรึงศัตรูด้วยคอมโบสามสหาย เริ่มลงมือควบคุมด้ายวิญญาณของพลเรือเอกโลหิตทีละนิด
อันที่จริง วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ อาศัยสภาพไร้การป้องกันตัวของเป้าหมาย ใช้ลูกโม่ ‘ลางมรณะ’ โจมตีหนักหน่วงใส่สองถึงสามนัด แต่ประสบการณ์ก่อนหน้าได้เตือนไคลน์ว่า ศัตรูพกสมบัติวิเศษด้านความโชคดี การโจมตีที่ตรงไปตรงมาอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและเกิดผลลัพธ์ตรงกันข้าม
ดังนั้น ชายหนุ่มเลือกจะใช้วิธีควบคุมด้วยด้ายวิญญาณอย่างใจเย็น!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไคลน์คอยวิ่งไปรอยๆ ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเกรงว่าครึ่งเทพของโรงเรียนกุหลาบจะบังเอิญโผล่ออกมาขวางทางอีก ด้ายวิญญาณเซนอลถูกครอบงำอย่างใจเย็นจนกระทั่งเข้าสู่สถานะ ‘ควบคุมขั้นต้น’
สามวินาที สองวินาที หนึ่งวินาที!
ความคิดเซนอลพลันหยุดชะงัก ทุกส่วนของร่างกายคล้ายกับถูกสนิมเก่าเกาะกิน
ไคลน์ไม่เหลือพลังพอจะใช้ยุบพองหิวโหย จึงตัดสินใจควบคุมด้ายวิญญาณให้ลึกลงไปอีก ระหว่างนั้นก็คอยเดินหลบไปรอบๆ อย่างไม่รีบร้อน
ปล่อยไว้… แบบนี้… ไม่ได้… หลังจากความคิดของเซนอลผุดขึ้นเป็นระลอกอย่างเชื่องช้าง ศรผลึกน้ำแข็งสีใสอันเล็กๆ เริ่มควบแน่นจากความว่างเปล่า
คมศรถูกย้อมด้วยสีเขียวเจือจาง เป็นสีที่สะท้อนจากผืนป่าโดยรอบ
ไคลน์เฝ้ามองการเคลื่อนไหวอันเชื่องช้าของอีกฝ่ายอย่างใจเย็น ล้วงมือเข้าไปในเสื้อ หยิบ ‘การเดินทางของกรอซาย’ ที่สอดไว้ตรงหน้าอกขึ้นมา
ฟุ่บ!
ศรผลึกน้ำแข็งถูกยิงตรงมายังหน้าอกของไคลน์ แต่ระหว่างทางเกิดหักเหเฉียงขึ้นด้านบน!
อันที่จริง ลูกเล่นเมื่อครู่ควรทำให้ศัตรูถึงแก่ความตาย แต่เนื่องจากความคิดเชื่องช้า การควบคุมศรจึงทำได้ไม่ดี กว่าจะเกิดการหักเหก็เข้าใกล้ไคลน์มากแล้ว เพียงขยับ ‘การเดินทางของกรอซาย’ เล็กน้อยก็สามารถป้องกันได้ง่ายดาย
ใบหน้าของเซนอลซีดลงอีกครั้ง หลังจากครุ่นคิดอย่างเงียบงันหลายวินาที มันค่อยๆ เปิดปาก พยายามส่งเสียงกรีดร้อง
ไคลน์ที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ชิงพูดตัดหน้า
“ปัง!”
กระสุนอัดอากาศพุ่งด้วยความเร็วสูง กระแทกริมฝีปากเซนอลจนศีรษะผงะไปด้านหลัง ฟันร่วงกราวหลายซี่ ส่งเสียงแหกปากภายในลำคอ
ขณะที่ด้ายวิญญาณค่อยๆ ควบคุมลึกลงไป เซนอลพยายามดิ้นรนขัดขืนอีกหลายหน แต่ทั้งหมดก็ถูกสลายทิ้ง จนกระทั่งเซนอลเริ่มสติแตกและอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง ฉากตรงหน้าทำให้ไคลน์ยิ้มออก
แต่ทันใดนั้น เสียงร่ำไห้ของทารกที่ฟังดูแหลมลึกและน่าขนลุก พลันกังวานไปทั่วผืนป่า
ตุ่มเนื้อทั่วร่างไคลน์ผุดขึ้นบนผิวหนังอย่างกะทันหัน ‘การเดินทางของกรอซาย’ ร่วงหล่นลงพื้น สมองรู้สึกคล้ายกับถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น สูญเสียการรับรู้รอบตัวไปชั่วขณะ หนึ่งในนั้นคือด้ายจิต เป็นผลให้เซนอลได้รับอิสระกลับคืนมา
ห่างออกไปจากคนทั้งสองหลายร้อยเมตร ทารกสีดำขนาดใหญ่ที่มีผิวหนังเปียกชุ่มและเหี่ยวย่น สภาพคล้ายกับเพิ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ค่อยๆ ออกจากสถานะร่างมายา กลับคืนความคมชัดของร่างเนื้อ
แขนขายาวเรียวเก้งก้าง บนใบหน้ามีหนึ่งหลุมดำขนาดใหญ่ รอบหลุมดำเป็นฟันซี่ยาว
จากสภาพปัจจุบัน แจ็คส์มีบาดแผลฉกรรจ์เต็มตัว ผิวหนังสีดำและเหี่ยวย่นถูกทะลวงจนเกิดรูโหว่ มีของเหลวเน่าๆ สีดำและเขียวไหลซึม
หลังจากครึ่งเทพโรงเรียนกุหลาบปรากฏตัว มันเลิกหลบหลีกหรือหลบหนี เพียงแหกปากส่งเสียงร้องราวกับทารก ส่งผลให้ไคลน์และเซนอลตกอยู่ในสภาพย่ำแย่พอกัน ต่างฝ่ายต่างแสดงอาการคล้ายใกล้จะคลุ้มคลั่ง
สี่เศียรที่มีผมสีทองและดวงตาสีแดงโผล่จากความว่างเปล่า ทั้งหมดอ้าปากกว้างพร้อมกัน ส่งเสียงกรีดร้องอันเงียบสงัด สยบเสียงร้องสยดสยองของทารก
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์และแจ็คส์เริ่มสู้กันอีกหนึ่งยก บ้างในโลกวิญญาณ บ้างบนโลกความจริง ส่งผลให้วัชพืช ต้นไม้ แมลง และธรรมชาติโดยรอบสั่นไหว
‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลและไคลน์กำลังยืนมึนงงในตำแหน่งเดิม พยายามสลัดให้หลุดจากอิทธิพลของเสียงทารก
หากเป็นในด้านนี้ เซนอลเชื่อว่าตนซึ่งเป็นวิญญาณอาฆาต ย่อมได้เปรียบอีกฝ่ายเต็มประตู จึงยกมุมปากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
มันเริ่มวางแผนว่าจะจัดการศัตรูตรงหน้าอย่างไร
แต่ทันใดนั้น ตรงมุมสายตาของเซนอล นักผจญภัยมาดเงียบขรึมที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น กลับมีแววตากระจ่างชัดอย่างรวดเร็ว!
เพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งวินาทีหลังจากเสียงร้องของทารกหยุดลง!
ไคลน์ที่มีประสบการณ์ด้านนี้โชกโชนและฟื้นคืนสติได้ก่อน พบว่าเซนอลยังคงตกอยู่ในอาการเฉื่อยชา
โอกาสทอง! สมองชายหนุ่มรีบประมวลผล เลือกไม่โจมตีจากระยะไกลที่มีโอกาสพลาดสูง และเลือกจะไม่เข้าควบคุมด้วยด้ายวิญญาณซึ่งต้องใช้เวลานาน เพียงขยับเท้าขวา กระโดดเข้าไปหาเหมือนเสือซีตาร์
ถุงมือข้างซ้ายชายหนุ่มที่กลายเป็นสีดำเข้ม ขยับไปด้านหลัง ควบแน่นแมกมาและเปลวไฟให้กลายเป็นรูปทรงคล้ายดาบ
ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย ดาบแมกมา!
ฉึบ!
ร่างไคลน์พุ่งเข้าหาฝั่งซ้ายของเซนอล ดาบยักษ์ที่ลุกไหม้ฟันกวาดลงบนหน้าอกและช่องท้อง ก่อนจะหยุดคาอยู่กึ่งกลาง
เปลวไฟสีฟ้าอ่อนแผดเผาร่างกายพลเรือเอกโลหิต แต่ส่วนที่ได้รับความเสียหายมีเพียงร่างเนื้อ ยังไม่ถึงแก่ชีวิต เพียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
ไคลน์ทิ้งดาบแมกมาพร้อมกับขยับไปทางซ้ายและหมุนตัว เผชิญหน้ากับแผ่นหลังของพลเรือเอกโลหิต ควักปืนลูกโม่ ‘ลางมรณะ’ เหล็กดำและเล็งไปยังท้ายทอยอีกฝ่าย
ชายหนุ่มไม่ได้ใช้การโจมตีหนักหน่วง เพียงเหนี่ยวไกธรรมดา!
สิ้นเสียง ‘ปัง’ ไคลน์เสียหลักกะทันหัน เพราะจุดที่ฝ่าเท้ากำลังเหยียบดูเหมือนจะเป็นหลุม ส่งผลให้ลำกล้องของลางมรณะขยับเล็กน้อย กระสุนสีทองซีดจึงพุ่งใส่ด้านข้างลำคอเซนอล
เลือดที่เจือสีเขียวเข้มพลันสาดกระเซ็น พลเรือเอกโลหิตที่ลำคอเหลือเพียงครึ่งเดียว เสียหลักล้มลมอย่างหมดสติ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ตาย
ขณะไคลน์เตรียมลั่นไกนัดที่สอง ท้องฟ้าพลันมืดสนิท แขนข้างหนึ่งกำลังเหยียดยาวลงมา!
ท่อนแขนยาวกว่าสิบเมตร ผิวสีเข้มและเหนียวหนืด บนผิวมีสิ่งแปลกปลอมจำนวนมากนูนยื่น ไม่ว่าจะเป็นกะโหลก ดวงตา หรือลิ้นหนาม ในวินาทีที่แขนท่อนนี้ปรากฏตัว ทั่วทั้งป่าเริ่มสั่นสะเทือนรุนแรง
ใบไม้สีเขียวเหี่ยวเฉาในพริบตา แมลงทั้งหมดตายในสภาพแน่นิ่ง สัตว์ป่าต่างเป็นอัมพาตหรือไม่ก็กัดกินร่างกายตัวเองจนเลือดสาด!
ลางสังหรณ์ของไคลน์กระตุ้นเตือนในระดับสูงสุด ชายหนุ่มรีบปิดตาสนิท กระโจนไปข้างหน้าและม้วนตัว พลางยก ‘การเดินทางของกรอซาย’ ขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้!
……………………………………………..