บทที่ 868 สาวน้อยนางนี้ไม่ใช่คนเลว!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

ย้อนไปตอนนั้น หวังเป่าเล่อกังวลว่าขณะที่สหายของเขากำลังทำภารกิจ ดวงจิตเทพร่างอวตารของเขาจะถูกค้นพบโดยคนนอก ซึ่งทำให้พวกเขาต้องประสบปัญหาและเกิดอันตรายโดยไม่จำเป็น เพราะเหตุนั้น ชายหนุ่มจึงตัดการเชื่อมต่อกับร่างอวตารเหล่านั้นไป เพื่อให้สหายอยู่กันอย่างอิสระและสามารถซ่อนตัวได้มากเท่าที่ต้องการ เพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกค้นพบตัวได้

สำหรับจุดอ่อนนั้น ดวงจิตเทพเปรียบเสมือนสายน้ำที่ไม่มีต้นตอ มันจะไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าขั้นปราณของหวังเป่าเล่อจะแข็งแกร่งขึ้น จึงทำให้มันยังอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณเท่านั้น

สิ่งที่ชายหนุ่มสัมผัสได้ตอนนี้ทำเอาวิญญาณของเขากระตุก เขารีบพลิกกายอย่างไม่รอช้าและพุ่งตัวไปยังตำแหน่ง ที่มีคลื่นรบกวนจากดวงจิตเทพแผ่ออกมา!

จะเป็นใครกันนะ เจ้าเยี่ยเหมิง หลินเทียนหาว หลี่อู๋เฉิน หลิวต้าวปิน หรือจินตั้วหมิง

ก่อนที่หวังเป่าเล่อจะจากโลกมนุษย์มาในคราวนั้น สหพันธรัฐกำลังจะเริ่มทำแผนชื่อ “ปฏิบัติการนกนางแอ่นดำ” อย่างลับๆ แผนนั้นถือเป็นความลับสุดยอด มีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่ล่วงรู้ และด้วยสถานะของหวังเป่าเล่อในสหพันธรัฐ แน่นอนว่าเขาเองก็ย่อมรับรู้แผนนั้นเช่นกัน

ชายหนุ่มจำได้ชัดเจนว่ามีเอกสารลับที่บอกถึงการหายตัวไปอย่างปริศนาซึ่งเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นเวลาติดต่อกันหลายปีในหลายต่อหลายสถานที่บนโลก

ตัวอย่างเช่น บิดาของหลินเทียนหาว เจ้านครศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้หายตัวไปก่อนสงครามอสูรของโลกมนุษย์ในคราวนั้น หลังจากที่กลับมาระดับปราณของเขาก็แข็งแกร่งกว่าเคย แถมยังได้รับการยกย่องว่ามีความสามารถยิ่งใหญ่

มีผู้คนหลากหลายกลุ่มที่เป็นเช่นนี้ จั่วอี้เซียน ผู้ที่หวังเป่าเล่อได้พบมาก่อนหน้านี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น อันที่จริงแล้ว สหพันธรัฐเองก็เข้าใจเรื่องของเซี่ยไห่หยางผิดไปเช่นกันก่อนหน้านี้ พวกเขาคิดไปเองว่าชายหนุ่มเป็นหนึ่งในบรรดาคนที่หายตัวไป แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ปรากฏการณ์ดังกล่าวก็ทำให้สหพันธรัฐหันมาสนใจใกล้ชิด ไม่เพียงเท่านั้น เป็นเพราะผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณจำนวนหนึ่งจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ นอกจากจะเข้าไปปล้นต้นกำเนิดดาราจากดาวพุธแล้ว ยังปล่อยเชื้อโรคปริศนาห้อมล้อมบริเวณนั้นเอาไว้อีกด้วย

ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้สหพันธรัฐหันมาสนใจเรื่องความปลอดภัยของตนมากขึ้น และหลังจากที่ควบรวมกับสำนักวังเต๋าไพศาลแล้ว พวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมาก แถมยังตื่นตัวเรื่องอารยธรรมที่อยู่ในระบบดาวเคราะห์โดยรอบอีกด้วย เมื่อเรื่องทั้งหมดมารวมกัน แผน “ปฏิบัติการนกนางแอ่นดำ” ก็ถูกสร้างขึ้นจากความร่วมมือของสำนักวังเต๋าไพศาล

พวกเขาส่งบรรดาศิษย์ของสหพันธรัฐที่ไว้ใจได้จำนวนมากส่วนหนึ่งไปยังสถานที่ที่มีผู้คนหายตัวไป ศิษย์อีกส่วนหนึ่งถูกเคลื่อนย้ายออกไปจากสหพันธรัฐ ขณะที่พวกเขาได้รับโอกาสจากโลกภายนอก ก็ทำหน้าที่ส่งข้อมูลเกี่ยวกับอารยธรรมรอบนอกกลับไปยังสหพันธรัฐด้วย จากนั้นจึงเข้าไปแฝงตัวเป็นสายลับอยู่ในอารยธรรมต่างโลก

ด้วยกำลังของสหพันธรัฐแต่เดิม แผนนี้คงยากจะสำเร็จ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากสำนักวังเต๋าไพศาล ทุกๆ อย่างจึงดำเนินไปได้ด้วยดี

และเพราะหวังเป่าเล่อกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น เขาในฐานะบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในสหพันธรัฐในตอนนั้น ก็สร้างร่างอวตารขึ้นมาจำนวนหนึ่งก่อนจะมอบให้บรรดาสหายรักของเขาเอาไว้

แต่ชายหนุ่มไม่ได้คาดฝันว่าจะสัมผัสได้ถึงดวงจิตเทพที่ได้มอบให้ไปก่อนหน้านี้บนสนามรบระหว่างสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ สิ่งนี้ทำให้เขากังวลเป็นอย่างยิ่ง เพราะหวังเป่าเล่อรู้ดีว่ามีคนเพียงสองประเภทเท่านั้นที่จะมีดวงจิตเทพของเขาอยู่ได้!

หนึ่งก็คือ บรรดาสหายรักที่เขาได้มอบดวงจิตเทพให้ก่อนหน้านี้!

อีกหนึ่งก็คือคนที่มือเปื้อนเลือดสหายรักของเขาเหล่านั้น และได้ขโมยดวงจิตเทพไป!

หวังเป่าเล่อหน้าถอดสี ก่อนที่จะพลิกตัวแล้วพุ่งออกไปราวกับเป็นสายฟ้าฟาดผ่านจักรวาล มุ่งตรงไปยังตำแหน่งของดวงจิตเทพที่สัมผัสสวรรค์ของเขาตรวจเจอ

ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ไกลจากตำแหน่งของดวงจิตเทพนั้นนัก และด้วยระดับปราณปัจจุบันของหวังเป่าเล่อ ทุกสิ่งจึงเกิดขึ้นในพริบตา เมื่อเงาของเขามาปรากฏอยู่ตรงหน้าของผู้ฝึกตนสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังถอยหนีอย่างต่อเนื่อง

การปรากฏตัวของหวังเป่าเล่อทำให้วิญญาณของผู้ฝึกตนจากทั้งสองฝ่ายสั่นไหว เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่จะรู้สึกเช่นนั้น แต่สำหรับศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำนั้น…เห็นได้ชัดว่าการที่ชายหนุ่มหยิบเรือบินรบเวทออกมานับพันลำทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขามีอำนาจและสถานะอันยิ่งใหญ่ แทบจะกล่าวได้ว่าทุกคนมองเห็นเขาเป็นระดับดาวพระเคราะห์ไปแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มมาถึงจึงล้วนใจสั่นไปตามๆ กัน

“ศิษย์พี่หลงหนานจื่อ!”

“คารวะศิษย์พี่!”

ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำแห่กันเข้ามาทักทายเขา แต่หวังเป่าเล่อเมินคนเหล่านี้ไปหมด ชายหนุ่มกวาดตามอง ก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ที่ผู้ฝึกตนสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สิบกว่าคนที่ดูหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

คนเหล่านี้รู้ดีว่าจะต้องตายอย่างแน่นอน หากหวังเป่าเล่อไม่มา พวกเขาก็ยังมีหวังที่จะหนีรอด แต่ตอนนี้ ความขมขื่นและสิ้นหวังที่เจืออยู่ในน้ำเสียงแค่นหัวเราะของพวกเขากลับชัดเจนขึ้นมา ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็สับสนเป็นอย่างยิ่ง เพราะอยากรู้ว่าท่ามกลางสนามรบอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ เหตุใดหลงหนานจื่อผู้แข็งแกร่งจึงได้เลือกพวกเขา

นั่นเพราะ…ในบรรดาพวกเขาสิบกว่าคนนั้น คนที่ระดับปราณสูงสุดอยู่เพียงขั้นจุติวิญญาณเท่านั้น

ขณะที่ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำคารวะหวังเป่าเล่อและศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์รู้สึกสิ้นหวัง สายตาอันเกรี้ยวกราดของหวังเป่าเล่อก็กวาดผ่านฝูงชน ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่สตรีนางหนึ่งในหมู่ผู้ฝึกตนสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์!

สตรีนางนั้น…มีหน้าตาพอใช้และรูปร่างก็ไม่เลว แม้ว่านางจะไม่ได้สวยงามหมดจด แต่ก็ยังสะดุดตาอยู่บ้าง หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงคลื่นรบกวนจากดวงจิตเทพของเขาบนกายนางได้อย่างชัดเจน คลื่นรบกวนนี้เจือจางและยากที่คนนอกจะสัมผัสได้ ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ หากไม่ตั้งใจมองหาก็คงจะหาไม่พบเช่นกัน

เพราะอย่างไรเสีย การเชื่อมต่อระหว่างดวงจิตเทพและหวังเป่าเล่อก็ถูกตัดขาดไปแล้ว ในแง่หนึ่ง อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้มันเป็นสมบัติเวทไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มสัมผัสถึงมันได้โดยบังเอิญ เขาก็อาจหามันไม่พบด้วยซ้ำ หวังเป่าเล่อจึงต้องพยายามค้นหามันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจ แต่สตรีนางนี้หน้าตาไม่คุ้นเอาเสียเลย ชายหนุ่มจึงต้องค้นตัวนางให้แน่ใจเพื่อจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่คงไม่ใช่ที่นี่

หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ในขณะเดียวกันผู้ฝึกตนสตรีสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็จ้องหน้าเขาด้วยใบหน้าซีดขาว มีความโศกเศร้าและสิ้นหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง นางรู้สึกได้ถึงสายตาของหวังเป่าเล่อ สายตานั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าไม่อาจจะเก็บซ่อนความลับใดๆ เอาไว้ได้

ตอนนั้นเอง…ขณะที่ผู้ฝึกตนทั้งสองฝ่ายต่างวิตกกังวลถึงขีดสุด หวังเป่าเล่อก็หัวเราะขึ้นมา ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นก่อนจะกำอย่างแรง คลื่นพลังลูกใหญ่ยักษ์ถูกปล่อยออกมาและเข้าห้อมล้อมสตรีนางนั้นไว้ไม่ให้เวลานางได้ขัดขืน เขาไม่ได้จับนางใส่ไว้ในกระเป๋าคลังเก็บ แต่เก็บนางเอาไว้ในเรือบินรบเวทในกระเป๋าคลังเก็บเพื่อป้องกันไม่ให้นางได้รับอันตรายขณะที่อยู่ในกระเป๋าคลังเก็บของเขา

หลังจากนั้น หวังเป่าเล่อก็หันกลับและกำลังจะจากไป ชายหนุ่มมองเห็นความสับสนใจแววตาของผู้ฝึกตนทั้งสองฝ่าย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างก็ฉงนที่หวังเป่าเล่อจู่ๆ ก็มาปรากฏตัวและจับตัวผู้ฝึกตนสตรีจากสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไป

หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอ ชายหนุ่มคิดว่าการอธิบายคงไม่ช่วยอะไร ต่อให้สุภาพสตรีคนนั้นเป็นหนึ่งในสหายรักของเขาจริงๆ หวังเป่าเล่อพูดอย่างใจเย็น

“สาวน้อยนางนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าจะพานางกลับไปเพื่อเป็นร่างพาหนะ ส่วนพวกที่เหลือ…ฆ่าให้เรียบ!” เมื่อพูดจบ หวังเป่าเล่อก็หันหลังและจากมา ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเข้าโจมตีอีกครั้งด้วยสีหน้าแปลกแปร่ง เกิดการชุลมุนอย่างรุนแรงขึ้นในทันที และหลังจากนั้นไม่นาน…ศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีไว้ได้และล้มตายกันไปจนหมด

มาถึงจุดนี้ การต่อสู้ก็อาจนับได้ว่าจบแล้ว ศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์พยายามหนีทุกวิถีทาง และแม้ว่าจะมีคนตายไปมากมาย ผู้ฝึกตนราวครึ่งหนึ่งก็หนีออกมาจากสนามรบได้สำเร็จ ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำทำให้การรุกรานข้ามอารยธรรมต้องหยุดลงชั่วคราว

แต่อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นเพียงการเริ่มต้นของสงครามเท่านั้น ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำกลับมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน ชายชราไม่สามารถจัดการกับผู้อาวุโสฝ่ายขวาได้ หลังจากที่ไล่ตามไปประมาณหนึ่งเขาจึงตัดสินใจยอมแพ้ และหลังจากที่กลับมาถึง ปรมาจารย์ก็จงใจหลบหน้าหวังเป่าเล่อ ในฐานะผู้ให้ความช่วยเหลือและผู้มีบุญคุณต่อสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ สถานะของหวังเป่าเล่อขณะนี้จึงพิเศษยิ่ง

โดยเฉพาะเมื่อคิดว่ากองทหารอันดับสูงรวมไปถึงพ่อบ้านต่างมองว่าหวังเป่าเล่อเป็นผู้นำของตน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเมื่อชายชรากลับมาถึงและปลดผนึกลง เขาก็ติดต่อปรมาจารย์มหาทัณฑ์ทันที และได้เรียนรู้ถึงความแข็งแกร่งของหวังเป่าเล่อจากอีกฝ่าย ทำเอาวิญญาณของปรมาจารย์เต๋าใหม่ครามทองคำสั่นไหว ดังนั้นแม้ว่าจะรู้สึกหงุดหงิดใจเพียงใด ชายชราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะยิ้มและเอ่ยขอบคุณ

“สหายร่วมสำนักเต๋าหลงหนานจื่อ ข้าขอขอบคุณมาก!” ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำฝืนยิ้มและพูดอย่างสุภาพ หวังเป่าเล่อเองก็ยิ้มแย้มแจ่มใสยิ่ง

“ฮะฮ่า พวกเราเป็นพันธมิตรกันนะ! ท่านปรมาจารย์จะเกรงใจมากไปแล้ว แต่…ท่านจะช่วยจ่ายเงินชดเชยให้กับความเสียหายของข้าได้หรือไม่ เรือบินรบเวทของข้าทั้งสองร้อยลำ…ข้าต้องจำกัดจำเขี่ยอย่างมากกว่าจะได้มาแต่ละลำ…”

ตอนนั้นเองปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำก็ยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม ขณะที่ชายชราคุกรุ่นอยู่ในใจ ใบหน้าของเขาก็กระตุกไปด้วย ในใจของเขากำลังคำรามและก่นด่าไอ้บัดซบหวังเป่าเล่อที่จ้องจะทำกำไรจากสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้…