บทที่ 869 ข้าจ่ายให้เจ้าไม่ไหว!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

ปรมาจารย์สำนักอยากจะตบหวังเป่าเล่อให้ตายคามือ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาทำไม่ได้ ชายชรารู้สึกว่า…เขาอาจจะสู้ไม่ไหวนั่นเอง

ความเศร้าโศกเข้าครอบงำใจจักรพรรดิสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ จนชายชราทำใจยิ้มต่อไปไม่ได้ เขาหันหลังให้บรรดาศิษย์อยู่ขณะที่จับหวังเป่าเล่อพร้อมกัดฟันแน่น

“ต่อให้ข้าขายสำนักทิ้งไป ข้าก็คงไม่มีเรือบินรบเวทให้เจ้าสองร้อยลำหรอก อย่าให้มันมากนักเลยหลงหนานจื่อ!”

“ข้าหลั่งเลือดเพื่อสำนักของท่านแถมยังมาที่นี่โดยไร้ซึ่งความกลัว ข้ามาเพื่อช่วยเหลือโดยไม่กลัวผลที่จะตามมา แล้วท่านจะบอกว่าข้าขอมากไปอย่างนั้นหรือ ท่านจะเบี้ยวหรืออย่างไร” หลังจากที่ได้ยินถ้อยคำของปรมาจารย์ หวังเป่าเล่อก็ฉุนเฉียวขึ้นมาทันที ก่อนจะจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ชายหนุ่มไม่แน่ใจนักว่าหากเขาต่อสู้กับปรมาจารย์มหาทัณฑ์ขึ้นมาจริงๆ เขาจะถอยหนีทันหรือไม่ แต่หากเป็นปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ เขาคิดว่าอาจจะรังแกคนผู้นี้ได้ในระดับหนึ่ง

หวังเป่าเล่อยิ่งโกรธขึ้นไปอีก ก่อนจะพูดด้วยเสียงอันดัง

“นี่หรือสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ หลังจากที่ได้รู้ว่าพวกท่านตกอยู่ในอันตราย ตัวข้าหลงหนานจื่อผู้นี้ ผู้ที่อยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะเท่านั้น ก็ขออนุญาตปรมาจารย์มหาทัณฑ์มาช่วยด้วยตัวเอง แม้ว่าการเดินทางนั้นจะยาวนานและข้ารู้ดีว่าอาจจะมีผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์เก่งๆ อยู่ที่นี่ แม้ว่าคนในสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำของท่านจะพยายามสังหารข้าและจับกุมข้าอยู่หลายครั้งหลายหนในอดีต แม้ว่าท่านจะดูถูกและทำให้ข้าขายหน้านับครั้งไม่ถ้วน ข้าก็ยัง…”

“ข้าก็ยังเลือกที่จะมาหยิบยืมมือให้การช่วยเหลือ ข้านำกองทหารของข้าและจิตวิญญาณอมตะทั้งสิบสองมาด้วย แต่นี่คือสิ่งที่ข้าได้ตอบแทนอย่างนั้นหรือ คือถูกบอกว่าคำขอของข้านั้นเกินเลยไป!” ถ้อยคำอันเปี่ยมด้วยโทสะของหวังเป่าเล่อดังก้องไปทั่วและทำให้ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำที่กำลังเก็บกวาดสนามรบอยู่นั้นต้องหยุดทันที

และหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้จบเพียงเท่านั้น แม้ว่าปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำจะมีสีหน้าน่าเกลียดน่ากลัวเพียงใด เสียงอันดังก้องของชายหนุ่มก็ยังคงดังต่อไปไม่ขาดสาย

“หลังจากที่ข้ามาถึงที่นี่ ข้าก็ช่วยผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำเอาไว้โดยเร็วที่สุด เขาเองก็เคยอยากจะสังหารข้ามาก่อน แต่ข้าทำเช่นใด ข้าก็เลือกที่จะลืมความบาดหมางส่วนตัวและมองภาพใหญ่กว่า! เพราะข้ารู้ว่าพวกเราต่างก็เป็นชาวอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ด้วยกันทั้งสิ้น พวกเราจะต้องร่วมแรงร่วมใจกัน และในเวลานี้ พวกเราต้องละทิ้งความบาดหมางส่วนตัว เพราะเราต้องลุกขึ้นสู้ ทั้งเพื่ออารยธรรมและความอยู่รอดของตัวเราเอง!

“แต่สิ่งที่ข้าได้กลับมานั้นหรือ ก็คือการที่ท่านบอกว่าข้าขอมากเกินไป!”

เมื่อชายหนุ่มพูดจบ ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำที่ยืนรายล้อมอยู่ก็นิ่งไปสนิท โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำ ทีได้แต่ยืนหลุบศีรษะต่ำ บรรดาผู้ฝึกตนระดับสูงในกองทหารที่ยืนอยู่ข้างกายหวังเป่าเล่อย่อมเข้าข้างเขาอยู่แล้ว ในเวลานั้น แววตาเย็นเยียบของพวกเขาทุกคนล้วนพุ่งเป้าไปยังปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะเช่นพ่อบ้านและเทพธิดาหลิงโยวเองก็ขยับเข้ามายืนหลังหวังเป่าเล่อเช่นกัน

ทั้งร่องรอยบาดแผลและความเหนื่อยล้าบนตัวของผู้มาช่วยเหลือทุกคนก็ดูจะเป็นการประท้วงอย่างเงียบๆ เช่นกัน แม้ว่าจะอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี

“หลังจากที่ข้าช่วยเหลือผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำ ข้าก็เห็นว่าท่านกำลังตกอยู่ในอันตราย ข้าจึงพุ่งออกมาด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ตบข้าเสียจนกระอักเลือก แม้ว่าจิตวิญญาณอมตะเช่นข้าจะพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ข้าหลบหนีหรือไม่เมื่อต้องปะทะกับฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ ข้าตัวสั่นด้วยความกลัวหรือเปล่า ข้าอดทน แต่สิ่งที่ข้าได้รับตอบแทนคือท่านที่บอกว่าข้าขอมากเกินไป!

“ข้าเสี่ยงชีวิตรับแรงตบจากระดับดาวพระเคราะห์ เมื่อเห็นว่าเขาพยายามจะหนี ข้าก็ใช้เรือบินรบเวทของตัวเองอย่างไม่สนใจผลที่จะตามมา แม้ว่าข้าจะเจ็บปวดสักเพียงใด แต่ข้าก็ระเบิดเรือบินรบเวทเหล่านั้นอย่างไม่ลังเล เพื่อจะมอบโอกาสให้ท่านได้ไปสังหารผู้อาวุโสฝ่ายขวา ข้าทำเช่นนั้นเพื่อจะรับประกันชัยชนะอันยิ่งใหญ่ให้สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ! แต่ตอนนี้ เมื่อท่านชนะแล้ว ข้าก็หมดประโยชน์อย่างนั้นหรือ”

“นี่หรือคือสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำที่สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ของข้ามาช่วยเหลือ โดยต้องลากร่างที่อ่อนล้ามาถึงนี่แล้วเสี่ยงชีวิต ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำขอรับ ไม่มีใครคิดว่าการฝึกปราณเป็นเรื่องง่าย ไม่มีใครได้ทรัพยากรในการฝึกปราณมาจากฟ้าเปล่าๆ ปลี้ๆ ข้าหลงหนานจื่อผู้นี้ ก็เสี่ยงชีวิตเก็บสะสมทรัพยากรเพื่อหลอมเรือบินรบเวทของตนเอง และข้าก็ทำลายพวกมันทิ้งเพื่อช่วยรักษาสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำของท่าน ท่านพูดเองว่าจะชดใช้คืนให้ ข้าไม่มีสิ่งใดจะพูดกับการที่ท่านคืนคำ แต่ท่านกล้ามากที่มาหาว่าข้าขอมากเกินไป!” เมื่อพูดถึงจุดนี้ หวังเป่าเล่อก็โมโหจนตัวสั่น ขณะที่น้ำเสียงเปี่ยมโทสะของเขาดังก้องออกไป มันก็พาให้ทุกคนที่ได้ยินต่างเอนเอียงมาเข้าข้างเขา

“สิ่งเดียวที่ข้าคนนี้ทำเกินเลยไป ก็คือการเลือกที่จะมาที่นี่และช่วยเหลือท่าน!” ประโยคสุดท้ายนี้เปี่ยมพลังยิ่ง ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำต่างก็พากันอับอาย เพราะอย่างไรเสีย…นี่ก็เป็นเรื่องจริง!

หากหวังเป่าเล่อไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น การต่อสู้ครั้งนี้…ก็คงไม่จบเช่นนี้เป็นแน่ พวกเขาคงจะยังต่อสู้อยู่ และทั้งพวกเขาเองและสหายร่วมสำนักเต๋ารอบข้างก็อาจจะกลายเป็นศพกันไปหมดแล้วก็ได้

เพียงแต่ว่า…แม้ว่าจะมีความคิดนี้อยู่ในหัว แต่ก็ยังมีอีกความคิดหนึ่งด้วย นั่นก็คือ…พวกเขาจ่ายไม่ไหว

พวกเขาจะไปหาเรือบินรบเวทสองร้อยลำมาจากที่ใดกัน…อีกทั้งเรือบินรบเวทที่หวังเป่าเล่อใช้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีคุณภาพเท่าใดนัก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถพูดได้ เพราะหากพูดไปตอนนี้ก็จะฟังดูเนรคุณ

การกดดันทางศีลธรรมเช่นนี้หวังเป่าเล่อเรียนมาตั้งแต่ครั้งที่ยังอยู่ในสหพันธรัฐ การนำมาใช้ที่อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์นี้ก็เห็นว่าได้ผลไม่แพ้กัน

สีหน้าของปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำบิดเบี้ยว ชายชราตอนนี้อารมณ์เสียสุดขีดแต่ก็ไม่มีทางให้บ่น ในที่สุดเขาก็ต้องกัดฟัน ยกมือขวาขึ้นโบก ลำแสงเจ็ดลำปรากฏขึ้นบนอวกาศเบื้องหลังเขาทันที

หลังจากที่ลำแสงห้าลำสลายหายไป เรือบินรบเวทจริงๆ ห้าลำก็มาปรากฏขึ้น สามลำมีพลังเท่าขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้น ลำหนึ่งชั้นกลาง และอีกลำหนึ่ง…มีรูปร่างคล้ายจระเข้ คลื่นพลังแทรกแซงที่มันปล่อยออกมานั้นเทียบเท่าขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลาย

สำหรับลำแสงอีกสองลำ ลำหนึ่งเป็นกระบี่เหาะเหิน อีกลำหนึ่งเป็นหอก สมบัติเวททั้งสองชิ้นนั้นอยู่ในระดับสูงเอาการ แม้ว่าจะไม่ถึงขึ้นอาวุธเทพ แต่ก็แข็งแกร่งกว่าอาวุธเวทระดับเก้าของหวังเป่าเล่อไปไกลและเป็นสมบัติเวทในระดับดาวพระเคราะห์

“หลงหนานจื่อ ข้าจะจ่ายคืนให้เจ้าด้วยของเหล่านี้ก่อน…” ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำกัดฟันพูดออกมาทีละคำอย่างยากเย็น ชายชราพยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บกดความเจ็บใจเอาไว้

หวังเป่าเล่อกะพริบตา ชายหนุ่มมองเห็นว่าปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำกำลังใกล้จะถึงจุดเดือดเต็มทน แม้ว่าเขาจะยังไม่พอใจนัก แต่หวังเป่าเล่อก็รู้สึกว่าหากสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำยังคงอยู่ พวกเขาก็ไม่สามารถจะหนีการเป็นหนี้ตนเองไปได้ อย่างดีที่สุด ชายหนุ่มก็สามารถมาเรียกร้องเงินคืนได้อีกสองสามครั้ง ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงยกมือขวาขึ้นโบก เก็บเรือบินรบเวทห้าลำและสมบัติเวททั้งสองไปหมด

ข้าขาดทุน เสียเรือบินรบเวทไปตั้งสองร้อยลำ ได้กลับคืนมาแค่ห้าลำกับสมบัติเวทสองชิ้น ข้าจะรับเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน หวังเป่าเล่อมีสีหน้าเศร้าสร้อยแต่รู้สึกลิงโลดอยู่ในใจ เรือบินรบเวทขยะสองร้อยลำ ที่ทำได้เพียงทำลายตัวเอง แลกได้เรือบินรบเวทจระเข้ลำนั้นซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่าเรือบินรบเวทร้อยลำมา หากคิดในแง่นี้ การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ก็ค่อนข้างคุ้มทีเดียว

เมื่อคิดว่าเขาได้เปรียบแล้วในทางบัญชี หวังเป่าเล่อก็คิดว่าหรือจะให้ปรมาจารย์ร่างใบชำระหนี้ขึ้นมา แต่เมื่อเห็นโทสะที่กำลังจะระเบิดในดวงตาของอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็ได้แต่ลอบถอนใจ

เอาเช่นนี้ก็ได้ ข้านี่ก็ใจอ่อนเกินไป ท่านไม่ต้องเขียนใบชำระหนี้ให้ข้าหรอก เพราะท่านก็คงหนีข้าไม่พ้นอยู่นั่นเอง เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็ยิ้มออกมาได้ ก่อนจะยกมือประสานไปทางปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ

“ข้าน้อยขอบคุณท่านปรมาจารย์ อ่า…หากท่านต้องการความช่วยเหลือจากข้าในอนาคต โปรดเรียกใช้งานได้เลย ข้าจะมาที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!”

“ข้าจ่ายเจ้าไม่ไหวหรอก ลาก่อน!” ปรมาจารย์สะบัดแขนเสื้อ ก่อนจะหันหลังกลับ และเดินจากไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง

หวังเป่าเล่อไม่ใส่ใจอารมณ์ฉุนเฉียวของปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำแม้แต่น้อย หลังจากที่โบกมือลาศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำคนอื่น ชายหนุ่มก็เดินกรีดกรายนำผู้ฝึกตนจากกองทหารลำดับสูงที่มีสีหน้าแปลกแปร่งพากันเดินขึ้นเรือบินรบแล้วก็จากมา

การรบครั้งนี้ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว จักรวาลในเขตของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ได้เข้าสู่ช่วงพักซ่อมแซมสั้นๆ ศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่หนีออกจากอาณาเขตของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำได้ก็ได้รับคำสั่งจากประมุขสำนักหลังจากออกมานอกบริเวณที่ถูกปิดผนึกซึ่งการสื่อสารไหลลื่นขึ้น พวกเขาจะมุ่งหน้าไปตั้งหลักที่บริเวณใกล้เคียงกับดาวเอกอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ราชวงศ์อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ที่ตอนนี้อยู่ภายใต้การนำขององค์ชายทั้งสามก็ไปรวมกันบริเวณนั้นเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ทั้งหมดถูกแบ่งเป็นสองขั้วเรียบร้อย

ฝ่ายหนึ่งเป็นสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ

แม้ว่าฝ่ายแรกจะรวมตัวกันได้แต่ก็เสียหายอย่างหนัก ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายบาดเจ็บหนัก และแม้ว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวาจะหนีออกมาได้สำเร็จก็ยังได้รับบาดเจ็บ แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงการรุกรานรอบแรกเท่านั้น ในภาพรวมแล้ว พวกเขายังได้เปรียบอยู่มากนัก

และฝ่ายหลัง…ก็กำลังมุ่งเน้นการสร้างและซ่อมแซมวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ของทั้งสองสำนัก หลังจากที่พวกเขามารวมตัวกันหลังการศึกครั้งแรก ด้วยวิธีนี้ ต่อให้ทั้งสองสำนักไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน พวกเขาก็สามารถเดินทางในพริบตาและร่วมมือกันสู้ได้

ขณะที่การต่อสู้ดำเนินมาสู่ช่วงของการตั้งหลัก หวังเป่าเล่อก็นำกองทหารของตนและทุกๆ คนจากกองทหารอันดับหนึ่งกลับมาสู่สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ ข่าวผลงานของชายหนุ่มที่สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำกระจายไปทั่วแล้ว แต่ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้และไม่ได้ถามอะไร เขาเลือกจัดงานต้อนรับหวังเป่าเล่ออย่างยิ่งใหญ่แทน