ตอนที่ 1131 - ลึกข้างในเขาห้าธาต

The Divine Nine Dragon Cauldron

ซือหยูไม่รู้เลยว่าเขาเข้าสู่อุโมงค์มาลึกเพียงใด
  พลังห้าธาตุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่จิตใจของซือหยูกำลังแกะรอยของอักษรตัวที่ร้อย ความของมันกระจ่างชัดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขาครุ่นคิด
  เขาเดินต่อไปจนถึงกลางถ้ำมันคือจุดที่พลังห้าธาตุสูงสุดและใกล้กับขีดจำกัดของเขา เขาหยุดนั่งลงเงียบ ๆ
  ไม่นานนักเขาก็ได้เข้าสู่สภาวะอันสบายจิตเขารู้สึกแบบเดียวกับตอนที่ได้เดินขึ้นเขา เขาสัมผัสได้ว่าอักษรตัวที่ร้อยกำลังจะคลี่คลาย
  หนึ่งวันผ่านไปเหลืออีกห้าวันก่อนที่วิบัติจะมาถึง
  “อวี่เอ๋อเขายังบ่มเพาะพลังอยู่รึ?”
  เจ้าตำหนักเหนือขมวดคิ้วเล้กน้อยนางยืนอยู่หน้าปากอุโมงค์ถ้ำ
  ที่ทางเข้าตงฟางอวี่คอยเฝ้าระวังอยู่ทั้งวัน ความงามของนางลดน้องลงเพราะใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
  “ท่านแม่เราหยุดเสียยังดีกว่า เขาไม่ได้มีความรู้สึกอันใดกับข้า”
  เมื่อได้คิดอยู่กับตัวเองหนึ่งวันตงฟางอวี่ได้ลืมความโมโหของนางไปแล้ว
  นางนับถือว่าซือหยูคือมังกรในหมู่บุรุษความปรารถนาในใจนางคือการได้แต่งงานกับเขา แต่ด้วยวิธีการอันโหดร้ายเช่นนี้…มันเหมาะสมแล้วหรือ?
  “อวี่เอ๋อ…”
  เจ้าตำหนักเหนือถอนหายใจแผ่วเบา
  “ข้ารู้ว่าเจ้าน่ะจิตใจดีการทำเรื่องนี้เป็นเรื่องยาก แต่บรรพบุรุษเรารู้เรื่องนี้แล้ว เราจะจบมันเพียงเท่านี้ไม่ได้ ไม่ว่าเจ้าจะเต็มใจหรือไม่ ตระกูลบูรพาก็ต้องการมังกรผู้นี้ไว้ข้างกาย”   บรรพบุรุษหรือ?ตงฟางอวี่หนักใจ
  ความมุ่งมั่นของเขาตระกูลบูรพาย่อมมิอาจปฏิเสธ
  ตงฟางอวี่มองลึกเข้าไปในภูเขาด้วยความเศร้าหมองในแววตา
  สองวันผ่านไปอีกสี่วันก่อนถึงวิบัติผู้คน
  ดินแดนพรสวรรค์กว่าครึ่งเต็มไปด้วยซากสาเหตุเป็นเพราะการต่อสู้ของเซียนสองคนที่ไม่รู้จบ
  การสู้รบของทั้งสองไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อนมันทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างไป ไม่ว่าทั้งสองจะไปทางใด มันก็ต้องใช้เวลานับร้อยปีในการฟื้นฟู
  จ้าวผาบั่นภูติรับมือราชาเขตกลางอย่างยากลำบากมาห้าวันเต็ม
  เทียบกับความมั่นใจก่อนหน้าแรงใจของเขาถูกบดขยี้ไม่มีเหลือ
  ที่หน้าอกของเขามีรูแผลขนาดเท่าชามมันทะลุไปถึงแผ่นหลังของเขา  ดวงวิญญาณแทบจะรั้งไม่อยู่ดวงวิญญาณพยายามสุดความสามารถเพื่อที่จะอยู่ติดกับกายหยาบ
  พลังของเซียนในตัวเขาลดลงอย่างมาก
  ด้านข้างของเขาคือสมบัติวิเศษที่พังทลาย
  ถึงอย่างนั้นเขาก็มองชายหนุ่มในชุดสีทองอย่างเย็นชา เขาไม่ถอยแม้สักก้าวเดียว
  ราชาเขตกลางเองก็ใช้พลังไปมากมายแต่เขาไม่ได้บาดเจ็บ
  “ไม่น่าเชื่อ!มันสัญญาอะไรกับเจ้า เจ้าถึงต้องยอมแลกชีวิตเช่นนี้? เจ้าต่อสู้กับข้ามาห้าวันแล้ว!”
  จ้าวผาบั่นภูติตอบ
  “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”
  ขณะที่พูดจ้าวผาฉีกมิติก้าวเข้าไป
  เขาถอนหายใจ
  “พลังราชาเขตกลางเหนือกว่าที่ข้าคาดข้าหวังจะถ่วงเวลาให้ได้หกวัน ข้าใช้ทุกอย่างที่ข้าทำได้ในห้าวันนี้แล้ว เจ้าหนู จ้าวผาผู้นี้มาได้แค่นี้ ฝากที่เหลือกับเจ้าก็แล้วกัน”
  จ้าวผาเหลือบมองสมบัติวิเศษทั้งหมดรอบกายด้วยสายตาเป็นทุกข์แต่เมื่อคิดถึงสัญญาของซือหยู ความหวังก็กลับมาในแววตาของเขา ถ้าหากซือหยูมีชีวิตรอด การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ก็ไม่ขาดทุน
  เมื่อจ้าวผาถอยราชาเขตกลางมิได้หยุด
  แม้จะเป็นเซียนขั้นสูงสุดเขาก็มิอาจเอาชีวิตของจ้าวผาได้ การสังหารคนที่เป็นเซียนแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย
  และเขาก็มีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ
  แววตาเขาเย็นชาแต่เขาก็ใจเต้นแรง
  “อะไรกัน?ทวีปบูรพรรึ? มันหนีไปถึงนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
  ฟึ่บ!
  ครึ่งชั่วโมงเหนือเมืองเขตกลางเงาของราชาเขตกลางลอยล่อง  เขาจ้องมองซากเมืองกลางพลังทำลายล้างจากกระบี่ยักษ์ทำให้ราชาเขตกลางโกรธเกรี้ยว
  ราชาเขตกลางมองไปยังซากและตะโกน
  “ออกมา!”
  ในตอนนั้นเองเงาภูติผีพุ่งขึ้นมาจากซากปรักหักพัง มันแบ่งแยกเป็นสอง หนึ่งเป็นบุรุษ อีกหนึ่งเป็นสตรี
  “อย่าเข้าใจผิดข้าแค่มองดูพวกซากศพเท่านั้น น่าเสียดายนัก! ใช้กำลังทัพผีของข้า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าทำได้”
  บุรุษและสตรีพูดพร้อมกันฝีเท้าเองก็ตรงกัน แม้แต่น้ำเสียงก็เหมือนกันด้วย ราวกับว่าคนคนเดียวกำลังพูดอยู่
  ราชาเขตกลางขมวดคิ้ว
  “เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง?”
  “โอ้โอ้…แผนถูกเปิดโปง เราต้องหาทางติดต่อเจ้า”
  บุรุษและสตรีตอบ  เขารู้เรื่องเผ่าผีถูกเปิดเผยแล้วเขาตอบอย่างเย็นชา
  “ข้าสั่งจางอู๋ชวงให้รับพวกเจ้าเขาอยู่ไหน?”
  บุรุษและสตรีเคลื่อนไหวแบบเดียวกันไม่ผิดเพี้ยนทั้งสองยักไหล่
  “ตั้งแต่ที่พวกข้ามามันก็เป็นเช่นนี้แล้วคนของเจ้าอาจจะอยู่ใต้ซากนี้กระมัง”
  แม้จะได้ยินเช่นนั้นราชาเขตกลางก็มิได้เป็นกังวล เขาส่ายหน้าอย่างมั่นใจ
  “ทวยเทพย่อมถูกสังหารโดยสวรรค์มนุษย์ธรรมดาบนโลกใบนี้ฆ่าเขาไม่ได้ เขาจะต้องออกจากเขตกลางไปได้…แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่านี่เป็นฝีมือใคร?”
  สีหน้าเขาไม่สู้ดีนักแล้วเซียนมณีอยู่ที่ใดกัน?
  นางที่เขาเรียกว่าผู้เป็นนายนั้นคือสิ่งที่เขาหวาดกลัวที่สุด
  เมื่อนางหายตัวไปมันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องเลวร้าย
  ราชาเขตกลางกล่าว
  “พวกเจ้าจัดทัพที่นี่ข้าต้องไปจัดการเรื่องด่วน อย่างเร็วก็ราวสองสามวัน อย่างช้าคงจะถึงครึ่งเดือน”
  เมื่อพูดจบเขาไปที่ประตูมิติเทวะ เขายืนหน้าประตูมิติและสายตาเย็นขาขึ้นอีก
  “เจ้ามดปลวกโสโครกเจ้ามีชีวิตมานานเกินไปแล้ว”
  แต่ก่อนที่เขาจะใช้ประตูมิติเขาก็สังเกตเห็นว่าประตูนั้นเงียบสนิท เขาใบหน้านิ่งไป
  “ประตูอีกส่วนถูกผนึกรึ?”
  ความโมโหแสดงผ่านดวงตาไม่หยุดแต่เขาก็ต้องใจเย็นลงในทันที
  “ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอีกวัน!”
  เขาฉีกมิติและมุ่งหน้าไปยังทวีปบูรพาด้วยตัวเอง
  ซือหยูครุ่นคิดเขาใจเต้นแรงและตื่นจากการบ่มเพาะ
  ความเยือกเย็นกำลังเข้ามาหาเขาโดยที่ไม่รู้ตัว
  เขาถอนหายใจเบาความเยือกเย็นนี้ล้อมรอบกายเขาไม่จางหาย
  “เพียงแค่ห้าวันเองหรือ?”
  ซือหยูหรี่ตาความรู้สึกนี้จะต้องมาจากราชาเขตกลาง การมาของเขานั้นรวดเร็วกว่าที่ซือหยูคาดคิด
  เขามิอาจอยู่ในทวีปบูรพาได้อีกต่อไปแล้ว
  เขาจ้องมองคุกเทวะห้าธาตุในแววตาดูไม่เต็มใจนัก
  หลังจากบ่มเพาะมาสองวันเขาเข้าใจอักษรอสูรตัวสุดท้ายเกือบทะลุปรุโปร่ง ถ้าหากเขาได้เวลาอีกสองวัน เขาจะบ่มเพาะได้สำเร็จ แต่เวลาไม่คอยท่า มันสายเกินไป!
  เขามองด้านในถ้ำมีเพียงสิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการเข้าไปลึกขึ้น ใช้พลังห้าธาตุที่มากขึ้นเพื่อทำลายกำแพงที่ขวางกั้นการบรรลุ
  ถ้าหากคุกเทวะห้าธาตุเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์การใช้พลังของมันกำจัดวิบัติผู้คนก็ถือว่ามีประโยชน์
  ซือหยูเรียกพลังออกมาและก้าวลึกเข้าไปมากขึ้น
  อั่ก!
  เมื่อรับแรงกดดันเกินกว่าที่ร่างกายรับไหวซือหยูถูกพลังห้าธาตุกดทับ สายโลหิตพุ่งออกมาจากปาก แรงกดดันมหาศาลระเบิดร่างกาย
  “ยากเกินขีดจำกัดไม่แปลกเลยที่เซียนก็เข้าไปไม่ได้”
  ซือหยูกัดฟันเขาต้องฝืนต่อไป
  ถ้าหากเป็นไปได้ที่คนจะก้าวเหนือกว่าขีดจำกัดเซียนของตระกูลบูรพาก็คงจะเข้าไปลึกในเขาห้าธาตุและพบความลับข้างในนี้แล้ว
  หลังจากครุ่นคิดซือหยูก้าวเข้าไปอีกก้าว
  พร้อมกันนั้นผิวของเขายังส่องแสงสีทองและสีดำ สองแสงนั้นสลับร่ายรำแบ่งเป็นซ้ายขวา ทำให้ร่างกายเขาดูแปลกประหลาด
  พลังเทพมังกรพลังเทพอสูร พลังทั้งสองไหลเวียนไปยังขาของเขา
  เขาห้าธาตุระเบิดพลังอันรุนแรงของธาตุทั้งห้าออกมา
  แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มิอาจผลักซือหยูกลับไปได้
  ซือหยูใช้พลังทั้งสองชนิดเดินก้าวที่เก้าไปยังจุดที่มีไม่กี่คนมาถึงที่แห่งนี้จะมีเพียงเซียนเท่านั้นที่มาได้ มันต้องใช้พลังห้าธาตุมากกว่าพื้นที่อื่นเป็นสิบเท่า
  ภายใต้แรงกดดันขนาดนี้ซือหยูสามารถทำความเข้าใจในพลังห้าธาตุได้อย่างยอดเยี่ยม
  “ยังไม่พอ”
  ซือหยูส่ายหน้าในแรงกดดันนี้ เขาอาจจะต้องบ่มเพาะหนึ่งวัน
  แต่ถ้าหากเป็นวันเดียวราชาเขตกลางจะมาถึงเสียก่อน
  ซือหยูมองถ้ำมืดที่ลึกเข้าไปเขารีบคิด
  ถ้าเขายังคงไปต่อเขาจะไปถึงจุดที่มีเซียนไปได้ ในระดับแรงกดดันนั้น พลังห้าธาตุอาจจะคร่าชีวิตเขา
  เจ้าตำหนักหลายคนเคยลองแบบเขามาแล้วพวกเขาเข้ามายังจุดเดียวกับซือหยูและบาดเจ็บร้ายแรง ชีวิตคนเหล่านั้นตกอยู่ในอันตรายและไม่มีทางเลือกนอกจากรีบถอยกลับ
  ซือหยูแตะหน้าอกตัวเองแววตาแข็งกร้าวมองไปข้างหน้าพร้อมก้าวไปอีกครั้ง
  ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างในทันทีพลังกำลังจะทำลายเขาจากภายในสู่ภายนอก
  คลื่นโลหิตไหลออกมาจากทุกส่วนของร่ายกายซือหยูกายหยาบของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว นี่เป็นสัญญาณที่ร่างกายกำลังจะแหลกสลายและกำลังแย่ไปกว่าเดิม  แต่ทันทีที่เข้าถึงอันตรายหัวใจสีหยกในอกของซือหยูก็เต้นอย่างรวดเร็ว มันปล่อยพลังชีวิตบริสุทธิ์ที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ออกมา
  โลหิตที่ไหลออกมาจากร่างกายของเขาถูกฟื้นฟูทันที
  ซือหยูกัดฟันทนควาเมจ็บปวดก้าวไปข้างหน้าอีกหลายก้าวเขาไปถึงจุดที่มืดสนิทของถ้ำ
  บนพื้นซือหยูสัมผัสได้ถึงพลังเซียนที่ถูกทิ้งเอาไว้และพบรอยกรงเล็บตลอดกำแพงถ้ำ
  เซียนผู้นั้นได้คว้ากำแพงเพื่อที่จะก้าวเหนือพลังห้าธาตุ
  ที่นี่แหละ!มันคือจุดที่เซียนในอดีตผู้นั้นผ่านไปไม่ได้!
  ซือหยูใจเต้นแรงหัวใจของเขาเต้นอย่างหนักราวกับอยากจะหลุดออกไปจากอกของเขา มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลย
  “พลังห้าธาตุที่นี่ทำให้ข้าบ่มเพาะเสร็จในครึ่งวัน”   ซือหยูพอใจแล้ว
  ซือหยูไม่สนใจความเจ็บปวดเขานั่งลงเตรียมที่จะทำความเข้าใจอักษรตัวที่ร้อย
  เขาเหลือบมองลึกข้างในถ้ำแม้แต่เซียนยังมิอาจเข้าไปยังที่นั่นได้ มันคือจุดศูนย์กลางจริงของถ้ำ
  เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้เลยกลางถ้ำไม่ได้มืดสนิท มันมีแสงสีทองราวหมอกเปล่งประกายอยู่
  มันควรจะเป็นภาพลวงตาแต่ซือหยูก็เห็นบางอย่างในกลุ่มแสงนั้น เขาหันไปมองทางเดิมแต่ก็ไม่พบสิ่งใดด้านใน
  “ตาข้าฝาดรึ?”
  ซือหยูไม่อยากสงสัยตัวเองบางทีหัวใจของเขาอาจจะเต้นแรงเกินไปจนเขาประสาทหลอน
  แต่เมื่อซือหยูฟื้นคืนการมองเห็นกลับมาเขาก็เห็นแสงบาง ๆ เคลื่อนไหว
  ซือหยูตกใจเขามุ่งหน้าลึกเข้าไปมอง  หลังจากมองดูให้ดีซือหยูก็พบต้นตอของสิ่งที่เคลื่อนไหว มันคือโครงกระดูกสีทอง!
  โครงกระดูกหันกลับมาเพลิงไฟหยกในเบ้าตามองตรงมาที่ซือหยู
  โครงกระดูกทำให้ซือหยูถอนหายใจยาว
  “นี่เจ้า…เจ้าเจ้ามาได้ยังไง?”