ส่วนที่ 4 ภาคความปรารถนาจากบูรพา ตอนที่ 40 นี่คือจดหมายที่เขาทิ้งไว้ให้โลกอย่างแท้จริง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ครั้นนักพรตหญิงชราได้ยินเสียงนั้น สีหน้านางก็เปลี่ยนไปในทันที เงยหน้าขึ้นมองไปทางแท่นกานลู่และอ้าปากเพื่อจะกล่าว

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ยืนอยู่ที่ขอบของแท่นกานลู่ หันหน้าไปทางอาคารด้านทิศใต้ สายตาเย็นเยียบยิ่งใหญ่ราวกับเป็นลำแสงของจริง

ตอนนักพรตหญิงชราเข้ามาในจิงตู นางก็สัมผัสได้ทันที

ในยามที่นักพรตหญิงชราทรมานสุนัขจนตายในตรอกนั้นและตัดแขนที่ใช้จับกระบี่ของกวนไป๋ ก็นับว่าล่วงเกินนางแล้ว

บางทีคนส่วนใหญ่อาจคิดว่าสุนัขจรจัดหรือกวนไป๋นั้นไม่มีค่าอะไรเมื่อเทียบกับนักพรตหญิงชรา

ทว่าจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ไม่คิดเช่นนั้น เพราะนี่คือแผ่นดินของนาง

ใต้ท้องฟ้าสีครามนี้ สุนัขจรจัดขี้เรื้อนน่าเกลียดที่สุดก็ยังเป็นสุนัขของนาง คนที่มีค่าน้อยที่สุดก็ยังเป็นคนของนาง

แน่ทีเดียว หากนักพรตหญิงชรายอมจากไปแต่โดยดีหลังจากถูกเจตจำนงกระบี่ของซูหลีขับไล่ นางจะยอมเห็นแก่หน้าสามีของนักพรตหญิงชราและไม่มาปรากฏกาย

แต่กระนั้น นักพรตหญิงชรากลับยังอยู่ในนครจิงตู

นี่เท่ากับไม่ให้ความเคารพต่อนาง

นักพรตหญิงชราไม่ควรที่จะอยู่ในอาคารนั้น

นี่เป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันน่าเกรงขามของนาง

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ไม่ชอบที่เป็นเช่นนั้น ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการฟังคำอธิบายของนักพรตหญิงชรา

“ไสหัวไป” นางประกาศอย่างเย็นชา

สิ้นเสียง หยกสมประสงค์ที่ข้อมือของนางก็กลายเป็นลำธารแห่งแสงพุ่งไปยังตอนใต้ของเมือง

แสงนั้นเปลี่ยนเป็นมังกรดำ บรรจุไว้ด้วยพลังแห่งพายุแต่เคลื่อนไหวอย่างเงียบงัน เป็นหนึ่งเดียวกับท้องฟ้ายามราตรี

ทั่วทั้งนครจิงตู มีคนเพียงสองหรือสามคนเท่านั้นที่สัมผัสการมีอยู่ของมังกรดำได้

ในโพรงถ้ำใต้สะพานอุดรใหม่ มีสาวน้อยที่มีใบหน้าบูดเบี้ยวด้วยความโหดเหี้ยมกำลังกินไก่ย่างที่เฉินฉางเซิงนำมาให้เมื่อหลายวันก่อน ในขณะเดียวกันก็บ่นเรื่องที่เขาไม่มาหาหลายวันแล้ว และหวังว่าจะได้เรียนเพลงกระบี่หลีซานจากเขา หากนางสามารถฝึกจนถึงระดับของซูหลีในอนาคต โซ่ด้านหลังยังจะขังนางไว้ได้อีกหรือไม่

ทันใดนั้นนางก็ขมวดคิ้วมองขึ้นไป ใบหน้างดงามของนางแฝงไว้ด้วยความกลัว

มังกรดำที่แปลงมาจากหยกสมประสงค์อาศัยความมืดมิดของรัตติกาลพรางตัวมาจนถึงทางใต้ของนครจิงตู

คำว่า ‘ไสหัวไป’ ดังก้องอยู่ในหูนักพรตหญิงชราราวกับกัมปนาท

สีหน้านางเปลี่ยนไปในทันที นางหันหลังกลับและจากไปโดยไม่ชักช้าแม้แต่น้อย ในเวลาเดียวกันแส้ปัดก็ตกลง ชั้นของทะเลสีเขียวครามเกิดขึ้นด้านหลังของนางเป็นชั้นๆ

หยกสมประสงค์มาถึงสวนอันสงบนี้และพุ่งทะลวงผ่านแส้ปัด!

มังกรดำเป็นเสมือนดังมหาสมุทรอันปั่นป่วนไปด้วยพายุจำนวนนับไม่ถ้วน!

นักพรตหญิงชราถูกซัดใส่กลางหลังพร้อมเสียงระเบิด เสื้อผ้าขาดวิ่นในทันที กระอักโลหิตแท้ออกมา

นางไม่กล้าที่จะอ้อยอิ่ง ฝืนทนอาการเจ็บปวดกลางหลังและใช้วิชาลับกระโดดเข้าไปในความมืด หายไปจากสายตา

ชั่วขณะต่อมา คบเพลิงก็ถูกจุดขึ้นในสวนอันเงียบสงัด

เทียนไห่เฉิงอู่และบุตรหลานคนสำคัญส่วนใหญ่ยืนอยู่ข้างบ่อน้ำในสวน สีหน้าน่าเกลียดอย่างยิ่ง

กำแพงและต้นไผ่เปื้อนโลหิตแท้ของนักพรตหญิงชราและส่องประกายแสงสีทองออกมา

“ท่านป้าโกธรแล้ว”

“ไม่ใช่ว่าพวกเราต้องการสังหารเฉินฉางเซิง เราแค่ต้องการจะทำลายความเย่อหยิ่งของสำนักฝึกหลวงลงบ้างเท่านั้น…แต่จักรพรรดินีกลับไม่ยอมให้ทำ แล้วเราจะทำอย่างไรดี”

……

……

ใต้เท้าสังฆราชนั่งอยู่ที่เก้าอี้ มองไปที่ใบไม้ครามในกระถางที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้ เขารู้สึกมึนงงเล็กน้อย พูดกับตัวเอง “ศิษย์พี่ ในตอนนั้นท่านสรุปได้ถูกต้องแล้ว นางแข็งแกร่งกว่าที่ใครจะจินตนาการได้…และข้าก็คิดว่านางไม่ได้อยู่ในช่วงที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย”

……

……

นอกจากยอดฝีมือระดับใต้เท้าสังฆราชและนักพรตหญิงชรา สิ่งที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้คืนนี้ ไม่ใช่ซูหลีแสดงความสามารถในเชิงกระบี่ที่น่าตื่นตระหนกออกมา แต่เป็นหงส์ดำที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบ ในตอนนี้พวกเขาได้ยืนยันแล้วว่าจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์นั้นครอบครองโลหิตหงส์สวรรค์จริงตามข่าวลือและการคาดเดา ไม่น่าสงสัยเลยที่นางให้ความสำคัญกับสวีโหย่วหรงเป็นพิเศษ หากมองจากการสืบสายโลหิต นางได้ตัดสินใจถือว่าสวีโหย่วหรงเป็นบุตรีแท้ๆ ของนาง

น้อยคนนักจะรู้ว่านอกจากการต่อสู้ที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์กับซูหลีแล้วยังมีการต่อสู้อีกสองครั้งเกิดขึ้นในนครจิงตู ในเวลาปกติ การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือระดับเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์จะก่อให้เกิดการพูดคุยโต้เถียงกันนับไม่ถ้วน ทว่าคืนนี้ การต่อสู้ทั้งสองนั้นกลับเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่สังเกตเห็น

ไม่มีใครรู้ว่าหนึ่งในแปดมรสุมอู๋ฉยงปี้ได้บุกเข้ามาในนครจิงตูคืนนี้ ต้องการจะไปยังสำนักฝึกหลวงเพื่อกู้หน้าให้กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ทว่าจบลงด้วยการถูกสะกดข่มโดยซูหลีและจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ ไม่เพียงแค่นางไม่สามารถกู้หน้า แต่ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกบังคับให้ถอยหนีอย่างน่าอนาถสุดแสน

ไม่นานหลังจากนั้น เรื่องจดหมายเจ็ดฉบับที่ซูหลีทิ้งไว้ก็ถูกค้นพบ

สวนหมื่นหลิวนอกเมืองฮั่นซินถูกเผาจนกลายเป็นดินแห้งแล้ง นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจปิดบังได้ ตระกูลจูและพรรคไร้รักก็เก็บตัวยิ่งขึ้น ในเวลาเดียวกันผู้อาวุโสเหลียงพรรคฉางเซิงก็เสียชีวิตอย่างฉับพลันด้วยอาการป่วย ในขณะที่ผู้อาวุโสอีกสองคนก็ป่วยหนัก ดังนั้นยอดฝีมือรุ่นแรกที่รอดชีวิตจากเหตุการเปลี่ยนแปลงเมื่อสิบกว่าปีก่อนซึ่งเหลืออยู่ไม่กี่คนก็จากไปจนหมด พรรคฉางเชิงประกาศทั่วแผ่นดินว่าจะปิดพรรคสามปี ถึงขนาดเลือกที่จะไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างการพบกันของเหนือใต้ จากนั้นก็ไม่แสดงความเห็นอื่นใดอีก

เมื่อเกิดเรื่องใหญ่เกิดขึ้นติดต่อกันอย่างรวดเร็ว ทุกคนก็คิดได้ว่าต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับซูหลี

แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ทั้งแผ่นดินตกตะลึงก็คือการต่อสู้ระหว่างจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่กับซูหลีในคืนหิมะโปรยที่นครจิงตู

ในตอนแรกเมื่อข่าวเกี่ยวกับซูหลีและเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้เลือกที่จะจากโลกนี้ ได้มาถึงหูของชาวแดนใต้ หลายคนก็เชื่อว่าเขาไม่อาจทนแรงกดดันจากชาวโจวได้ เขาเคยได้รับความเคารพรักอย่างลึกซึ้งแต่ในตอนนี้ได้ถูกทำลายไปแล้ว โดยเฉพาะพวกคนรุ่นเยาว์ในแดนใต้ที่เคยนับถือเขาเป็นแม่แบบ ล้วนใช้คำพูดหยาบคายและชิงชังอย่างหาใดเปรียบได้

อย่างไรก็ตาม ซูหลีก็คือซูหลี ต้นไม้ที่สูงเสียดฟ้าที่ยืนหยัดในแดนใต้มาหลายร้อยปี จะแค่หนีจากไปได้อย่างไร เขาจะจากไปเงียบๆ อย่างด้อยค่าและเสียมารยาทได้อย่างไร ก่อนจากไป เขาต้องตอบแทนบุญคุณความแค้นให้จบสิ้นเสียก่อน

เขาเคยเป็นคนที่เลือดเย็นไร้น้ำใจ สังหารผู้คนไปมากมาย และโลกนี้ก็มีเหตุผลมากมายที่จะต่อต้านเขา เป็นศัตรูกับเขา ทว่ามีไม่กี่แห่งในโลกที่เขามีความแค้นด้วย ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีเพียงความอับอายและความเจ็บปวดที่เขาได้รับในการเดินทางกลับแดนใต้จากทุ่งหิมะเท่านั้นที่ยังไม่ได้รับการชำระสะสาง พวกศิษย์ทรยศที่กล้าสร้างความปั่นป่วนภายในเขาหลีซานยังมีชีวิตอยู่ สวนหมื่นหลิวถูกเผา จูลั่วพิการ พรรคฉางเชิงค่อยๆ หายไปตามสายธารแห่งประวัติศาสตร์ ในส่วนของบุญคุณจาก ‘บุญคุญความแค้น’ นั้น แน่นอนว่าเป็นจดหมายที่อยู่ในอกเสื้อของเฉินฉางเซิง สำนักต้นไหวได้รับที่ดินกว้างใหญ่ นักฆ่าชื่อดังจำนวนหนึ่งพลันได้รับการอภัยโทษจากจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่

แน่นอนว่าในท้ายที่สุด เขาย่อมไม่ลืมที่จะทำสิ่งที่เขาต้องการมาเสมอแต่ไม่เคยมีโอกาสมาก่อน

ได้เทียบความแข็งแกร่งที่แท้จริงกับจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่

หลายปีก่อนเมื่อซูหลียังเยาว์อยู่ เขาก็ได้เป็นมือสังหารอันดับหนึ่งบนทำเนียบมือสังหาร มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนยินดีจ่ายธนบัตรจำนวนมหาศาลหรือแม้กระทั่งแว่นแคว้นแผ่นดินเป็นค่าจ้างในการสังหารจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ แต่เขาไม่เคยยอมรับข้อเสนอเหล่านั้น ไม่แม้แต่จะลังเลที่จะแยกทางกับคนที่เคยติดตามเขา

หลังจากนั้นไม่กี่ปีเขาก็กลายเป็นอาจารย์ปู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรุ่นของเขาในสำนักกระบี่หลีซาน ราชวงศ์ตระกูลเฉินและคนสำคัญในแดนใต้ รวมถึงผู้อาวุโสจากบ้านเกิดเขา ต่างก็มาขอร้องเขาในนามของความเที่ยงธรรม ด้วยข้อความที่จริงใจและใบหน้าเปื้อนน้ำตา ให้เขาถือกระบี่เข้าสู่นครจิงตู กำจัดนางปีศาจเพื่อเห็นแก่คนทั้งโลก กระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมรับ

สิบกว่าปีก่อน พรรคฉางเซิงและตระกูลเหลียงร่วมมือกันจับตัวภรรยาที่ตั้งครรภ์ของเขาไปเพื่อบังคับให้เขาไปสังหารเทียนไห่ แต่เขาก็ยังไม่ทำ

มิใช่เพราะในตอนนั้นเขายังบำเพ็ญเพียรไม่ถึงระดับนี้ในวิถีแห่งกระบี่ และยังขาดความมั่นใจที่จะต่อสู้กับนักปราชญ์ที่แท้จริง มิใช่เพราะเขาต้องการให้เกิดสถานการณ์ไม่มั่นคงเปิดโอกาสให้กองทัพมารบุกลงใต้มา แต่เป็นเพราะในตอนนั้นเป็นผู้อื่นอยากให้เขาไปสู้กับเทียนไห่หาใช่ตัวเขาเอง

ซูหลีก็เป็นคนเช่นนี้ ยิ่งมีคนอยากให้เขาทำอะไรมากเท่าไร เขาก็ยิ่งอยากทำน้อยลงเท่านั้น ในตอนนี้เขาต้องการจะไปจากโลกนี้ ไม่มีใครกล้ามาสั่งให้เขาทำอะไร ไม่มีใครกล้ารบกวนเขา ในตอนนี้เขาจึงอยากรู้ว่าตัวเขาหรือเทียนไห่ที่แข็งแกร่งกว่ากัน

สุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์ก็คือไร้ผลลัพธ์ แต่ก็เชื่อได้ว่าเขานั้นมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก

เมื่อเขาจากโลกนี้ไป ซูหลีก็ทำให้โลกตื่นเต้นขึ้นได้พักหนึ่ง จากลักษณะนิสัยของเขาแล้ว เป็นคนที่ชอบความตื่นเต้น และเป็นกังวลว่าหากโลกขาดตนไปแล้วจะน่าเบื่อเกินไป หรือบางทีเขาอาจเป็นกังวลว่าหลังจากเขาไปแล้ว เขาไม่อาจเห็นเรื่องน่าตื่นเต้นได้อีกเป็นเวลานาน

เมื่อเขาก้าวขึ้นสู่เวทีโลก ภาพแห่งความรุ่งเรืองก็ปรากฏให้เห็น เจิดจ้าจนพร่าตา พรสวรรค์ของเขาน่าตระหนกและงดงาม เมื่อจากโลกไป เขาก็จากไปอย่างยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ ทำให้เชื่อได้ว่าโลกนี้จะไม่ลืมชื่อของเขาต่อให้เขาไม่ปรากฏตัวเป็นเวลานานก็ตาม

เขาทำเช่นนี้ก็มีอีกเหตุผลหนึ่ง เพื่อสร้างฐานให้กับหลีซานและชาวแดนใต้

กระบี่เผานภาได้ส่องสว่างทั่วนครจิงตู เปล่งประกายในท้องฟ้ายามราตรีคู่กับกระบี่ไม้หงส์น้อย

เขาบอกจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่และใต้เท้าสังฆราชว่าข้อตกลงที่ทำกันไว้จำเป็นต้องทำตาม หลังจากการพบกันของเหนือใต้ พวกเขาต้องดูแลชาวใต้ให้ดี

ในเวลาเดียวกันเขาก็บอกทั้งต้าลู่ ว่าอย่าได้คิดฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่ทำอะไรกับหลีซาน

หาไม่แล้วเจ้าจะตายอย่างน่าอนาถเหมือนผู้อาวุโสพรรคฉางเซิงและบ้านเจ้าจะมอดไหม้เหมือนกับสวนหมื่นหลิว

อย่างที่บอกไว้นั่นแหละ

……