ตอนที่ 122

The Great Worm Lich

ก่อนอื่นเลยบท 122 นี้จะย้อนไปตอนหลังจากเหตุการณ์บท 110 นะคะ เกิดความผิดพลาดในการแปลมาจากทางฝั่งภาษาอังกฤษและทางเราที่ไม่ได้ตรวจสอบเนื้อหาให้ดีก่อนทำการแปล ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นบทนี้จะเป็นการเปิดให้อ่านฟรีเพื่อชดเชยกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ต้องขออภัยอีกครั้งจริง ๆ นะคะ

 

 


 

บท 122: ประพฤติผิด

 

แก้มของจางลี่เฉินขึ้นสีจนแดงก่ำ “ทีน่า ทีน่า…ผม…ผม…เฮ้ โอ้พระเจ้า เฮ้!”

 

เขาพูดติดขาดเป็นห้วง ๆ ในขณะที่พยายามพูดอะไรบางอย่างเพื่อทำให้สถานการณ์ผ่อนคลาย ทันใดนั้นเองเขาก็บังเอิญสบกับดวงตาของสาวสวยตรงหน้าที่กำลังพรมจูบอยู่บนร่างกายของเขาเข้า ความเย้ายวนทางสายตาของเธอทำให้หัวของชายหนุ่มนั้นว่างเปล่า เขามองดูหญิงสาวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมกับค่อย ๆ ถอดเข็มขัดของเขาออก เธอดึงกางเกงและชุดชั้นในของเขาลงมาพร้อมกันในขณะที่เริ่มจัดการกับบางสิ่งที่ทั้งแข็งและตั้งตรงที่อยู่ตรงหน้า

 

เธอเป็นคนอ่อนโยนในขณะที่เธอกำลังทำอย่างนั้น ทีน่ามองเข้าไปในดวงตาของจางลี่เฉิน มีเสียงดังเกิดขึ้นกับการกระทำที่ไร้ซึ่งความลังเลของเธอ มือเล็ก ๆ ของเธอกำลังเล่นกับสิ่งที่ตั้งแข็งของชายหนุ่ม เขาเองก็มีร่างกายตามแบบคนปกติ เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ลองประสบการณ์แบบใหม่การหายใจของจางลี่เฉินจึงเป็นไปอย่างเร่งรีบและมันใช้เวลาเพียง 2 – 3 นาทีเท่านั้น ทีน่าที่คอยฟังลมหายใจที่เร่งรีบของเขาก็ค่อย ๆ ออกจากแก่นกายของชายหนุ่ม ในไม่ช้าเขาก็ปลดปล่อยทุกอย่างที่กลั้นไว้ออกมา

 

ต่อมาหญิงสาวก็จัดการทำความสะอาดให้เขาด้วยปากของเธอเองอีกครั้งก่อนจะสวมกางเกงกลับคืน บางสิ่งบางอย่างยังคงตกค้างอยู่ในปาก เธอค่อย ๆ จัดการมันลงบนกระดาษทิชชูแล้วพูดแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาในขณะที่หน้าแดงก่ำ “ฉันไม่รู้ว่ามันจะมีกลิ่นที่น่าอ้วกแบบนี้มาก่อน ฉันเกือบจะอ้วกออกมาอยู่แล้วเชียว จดจำความรู้สึกนี้ไว้นะที่รัก มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่จะให้บริการนายได้ใน ‘ครั้งต่อไป’”

 

“ทีน่า ผม …คุณ…”

 

“นายกำลังกังวลว่าตัวเองทำอะไรผิดอยู่หรือเปล่าน่ะหรอ? ไม่ใช่เลยลี่เฉิน นายไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งนั้น นายไม่แม้แต่จะขยับนิ้วเลยด้วยซ้ำ เป็นฉันเองมากกว่าที่เป็นคนทำผิด” ทีน่าหัวเราะเบา ๆ หลังจากพูดจบ เสียงหวาน ๆ ของทีน่าทำให้จางลี่เฉินรู้สึกตื่นตกใจเล็กน้อยเป็นครั้งแรก หัวใจของเขากำลังเต้นระรัว เขามองจดหมายมอบอำนาจอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะพยายามสงบอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นเขาก็พูดเบา ๆ “ทีน่า เราไม่ควรมาเสียเวลาเมื่อกำลังคุยเรื่องธุรกิจนะ กลับนิวยอร์กกันเถอะ”

 

ทีน่าฉลาดพอ เธอพยักหน้ารับตามและไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอรับจดหมายมอบอำนาจและส่งจางลี่เฉินกลับยังถนนที่ใกล้กับโลว์บิจ จูเนียร์ ไฮของนิวยอร์กตามเดิมโดยในระหว่างทางเธอไม่ยอมพูดอะไรสักคำ

 

“ลี่เฉิน ไว้ฉันจะติดต่อหานายอีกทีเมื่อฉันจัดการเรื่องนี้เสร็จก็แล้วกัน ไม่ต้องกังวล โรงฆ่าสัตว์ใหม่ของนายจะต้องได้เปิดเร็ว ๆ นี้แน่นอน”

 

“ปาร์ตี้วันเกิดของคุณจะจัดขึ้นตอนไหน?” จู่ ๆ จางลี่เฉิ่นก็พ่นคำถามออกไปราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของทีน่า

 

“ไม่รู้เหมือนกัน ขึ้นอยู่ว่าชีล่าจะลดน้ำหนัดได้สำเร็จตอนไหนน่ะ”

 

“คุณต้องการอะไรเป็นของขวัญไหม? รถยนต์ใหม่ล่ะเป็นไง?”

 

ทีน่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “โอ้ลี่เฉิน นายช่าง…”

 

“เงียบน่า ผมแค่ถามคุณว่าคุณอยากได้รถคันใหม่หรือเปล่าก็เท่านั้น ตอบแค่ว่าอยากกับไม่อยากก็พอ”

 

“ยิ่งนายทำตัวดื้อรั้นแบบนี้ยิ่งน่ารักนะรู้ไหม ฉันมีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว ฉันคิดว่าของขวัญที่มาจากคนที่ฉันห่วงใยไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงหรอก สิ่งที่ฉันต้องการคือความรู้สึกที่จริงใจเท่านั้นก็พอ”

 

เมื่อจางลี่เฉินได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้ารับขณะที่ในใจของเขากำลังจมอยู่กับห้วงความคิด เขาลงจากรถ SUV ทันทีหลังสิ้นสุดบทสนทนา ตั้งแต่วันนั้นมาเขาก็แค่ไปโรงเรียนและอยู่บ้านเพราะเขามีความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ปกติเท่าไหร่นักอยู่รอบตัว ตอนนี้เขายังคงอยู่อย่างสงบ เขาไม่ได้ขี่เกาะมังกรออกเที่ยวรอบ ๆ นิวยอร์กเลยแม้แต่น้อย เขาถึงกับลดเวลาในการฝึกฝนของตัวเองลงเสียด้วยซ้ำ

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้สังเกตว่าวันนี้คือวันเสาร์ จางลี่เฉินใช้เวลาตลอดทั้งคืนไปกับการฝึกฝนคาถาและเริ่มศึกษาแมลง 2 สีที่เขานำกลับมาจากอเมซอนในช่วงบ่ายขณะที่เขามีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับมัน เขาค้นหาข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ตเพื่อยืนยันว่าแมลงที่เปลี่ยนสีได้นี้อาจเป็นสายพันธุ์ใหม่จริง ๆ เขาซื้ออุปกรณ์มืออาชีพ 2 – 3 อย่างรวมถึงภาชนะใส่อาหารแมลง จอภาพอินฟราเรด กล้องจุลทรรศน์อิเล็กทรอนิกส์และอื่น ๆ เพื่อการศึกษามาเพิ่มเติม เขาเริ่มสืบค้นข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับแมลงเปลี่ยนสีและโพสต์ลงบนเว็บไซต์ที่เปิดให้มีการพูดคุยสำหรับผู้ที่ชื่นชอบแมลง

 

หลังจากให้อาหารไปไม่กี่นาที แมลงเต่าทอง 2 ตัวที่กำลังเปลี่ยนสีก็รอดพ้นชีดอันตรายจากการใกล้ความตาย ตอนนี้พวกมันเต็มไปด้วยพลังที่มากขึ้นอีกทั้งยังกระตือรือร้นและก็คล่องแคล่วมากยิ่งขึ้นด้วย พวกมันพยายามเบี่ยงตัวหลบจางลี่เฉินอยู่ 2 – 3 ครั้งเมื่อตอนที่เขาพยายามจะจับพวกมันจากภาชนะป้อนอาหารที่โปร่งใส

 

อย่างไรก็ตาม แมลงไม่สามารถเอาชนะการเคลื่อนไหวของมนุษย์ในพื้นที่ที่มีขีดจำกัดได้ไม่ว่าพวกมันจะว่องไวเพียงใดก็ตาม ไม่นาน ชายหนุ่มก็เล็งไปที่มุมที่ดีที่สุดและจับแมลงปีกแข็งเปลี่ยนสีทั้ง 2 ตัวด้วยตาข่ายได้ในที่สุด เขาเดินไปที่จอมอนิเตอร์ทันทีและเริ่มสังเกตข้อมูลของแมลงที่พวกมันทำไปก่อนหน้านี้

 

“279.67 มม. ต่อวินาที มากกว่าคืนที่ผ่านมาซะอีก นี่ก็เข้าไปวันที่ 4 แล้วที่ความเร็วของพวกมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองและภาพวิดีโอนี้มันก็ยากที่จะเชื่อได้ว่าแมลงจะมีความเร็วได้มากขนาดนี้” จางลี่เฉินพูดพึมพำกับตัวเองในขณะที่เขากำลังจริงจังเหมือนกับนักชีววิทยาที่ดูน่าเบื่อราวกับว่าเขาไม่เคยเห็นสัตว์มีพิษที่สามารถบินอยู่บนท้องฟ้าและทำลายล้างอารยธรรมซึ่งเป็นผลผลิตที่ได้จากคาถามาก่อน

 

ในขณะที่เขาเฝ้าสังเกตข้อมูลกิจกรรมต่าง ๆ จางลี่เฉินก็จับแมลงปีกแข็งออกจากตาข่ายเพื่อพยายามมองดูท่าทีต่อไป ทันใดนั้นก็มีเสียงกระตุ้นของลิลี่ดังขึ้นจากทางประตู “ลูกรัก ถึงเวลาทานอาหารกลางวันแล้วนะจ้ะ หยุดเล่นกับสัตว์ตัวน้อยเปลี่ยนสีได้ของลูกลงก่อนเถอะ”

 

“อาหารกลางวัน? นี่มันสายขนาดนั้นแลว้เหรอครับ?”

 

“มันเลยเที่ยงวันมาแล้วนะ…”

 

“โอ้ ผมเพิ่งจะนำมันออกมาทดสอบ…”

 

“เอาล่ะ งั้นแม่จะให้เวลาอีก 20 นาที ลงมาทานอาหารกลางวันหลังจากนั้นด้วยแล้วกันนะ”

 

“20 นาทีก็พอแล้วครับ เดี๋ยวผมจะลงไป” จางลี่เฉิงกล่าวและวางแมลงทั้งสองลงไว้ใต้กล้องจุลทรรศน์ เซลล์ผิวหนังบนผิวหนังของพวกมันเริ่มเปลี่ยนสีหลังจากใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูไม่กี่นาที

 

“ถ้าฉันมีตัวทดสอบอื่น ๆ มาแทนฉันจะตัดใจจากพวกแกทั้งคู่อย่างแน่นอน” จางลี่เฉินพึมพำโดยไม่สังเกตเห็นขณะที่เขาบันทึกรูปแบบการเปลี่ยนแปลงเซลล์ของแมลงเต่าทอง การบันทึกรายละเอียดของเซลล์ผิวที่เปลี่ยนสีทำได้ภายในไม่กี่นาที หลังจากวางแมลงทั้ง 2 ลงในภาชนะป้อนอาหารเสร็จแล้วเขาก็โพสต์บันทึกที่ได้มาใหม่ลงบนอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง เมื่อดูความคิดเห็นต่าง ๆ ในเว็บไซต์เขาก็ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วและปิดคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะลงไปด้านล่าง

 

ครอบครัวชาวอเมริกันมีความหลากหลายที่เล็กน้อยมากสำหรับมื้อกลางวัน โดยในครั้งนี้พวกเขามีพายเนื้อเป็นอาหารกลางวันอีกครั้ง แรนดี้ซึ่งมีเศษเนื้อติดอยู่ทั่วปากขณะเคี้ยวพายเนื้อก็ตะโกนเมื่อเขาเห็นจางลี่เฉินเดินเข้ามา “ไงน้องชาย เนื้อวันนี้ไม่ได้แย่นักจนต้องขอเพิ่มอีกเลยล่ะ ปีนี้นายก็อายุ 17 แล้วนะ อายุ 17! หากนายไม่เร่งเพิ่มสารอาหารให้กับตัวเองในช่วงนี้แล้วล่ะก็ฉันรับประกันได้เลยว่านายไม่มีทางคว้าใจสาวฮ็อตได้แน่นอนไม่ว่าเกรดของนายจะดีสักแค่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์ถ้านายไม่มีกล้ามเนื้อเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยนะรู้ไหม”

 

กองหลังทีมฟุตบอลของโลว์บิจ จูเนียร์ ไฮยืดหยุ่นกล้ามเนื้อของเขาขณะพูดข่มน้องชายต่างแม่ของตัวเอง

 

“โอ้แรนดี้ผู้น่าสงสาร อย่าให้ลี่เฉินม๊โอกาสในการดูถูกนายกลับเลย แฟนสาวทุกคนที่นายเคยคบมาตั้งแต่ที่นายเริ่มเข้าเรียนนั้นไม่มีคนไหนสวยเท่าด้านหลังของทีน่า ดั๊กลินได้สักคน พี่ชายที่รัก เด็กที่นายเพิ่งล้อเลียนไปอย่างสนุกสนานเมื่อกี๊กำลังมีความสัมพันธ์พิเศษกับทีน่า ดั๊กลินอยู่นะ! ทีน่า ดั๊กลิน ดาวสว่างที่สุดในวงการแฟชั่นนิวยอร์ก ตอนนี้นายคงไม่สามารถสะกดชื่อเธอได้เลยด้วยซ้ำมั้ง” แฮร์รี่น้องชายต่างพ่อของจางลี่เฉินกำลังล้อแรนดี้เล่นราวกับว่าพวกเขากำลังแสดงฉากตลก ดูเหมือนว่าเขาจะดูซุกซนมากยิ่งขึ้นหลังจากมีอายุเพิ่มได้ 1 ปี

 

เมื่อใดก็ตามที่แรนดี้กับแฮร์รี่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ด้วยกันการต่อสู้ระหว่าง 2 คนนี้จะเป็นความบันเทิงสำหรับโต๊ะอาหารอยู่เสมอ จางลี่เฉินนั่งบนที่นั่งว่างและดื่มด่ำไปกับการต่อสู้ในฐานะคนนอกอย่างที่เขาเคยทำมาโดยตลอด ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ส่งเสียง ‘จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ … ‘ ขึ้นมา มันกำลังแสดงหมายเลขของคนแปลกหน้า จางลี่เฉินลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจรับสายนั้น

 

“สวัสดีครับ นั่นใช่เบอร์ของมิสเตอร์จางลี่เฉินหรือเปล่า?” เสียงที่ดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ฟังดูคุ้นเคยอยู่เล็กน้อย ความอ่อนโยนในน้ำเสียงที่เข้มงวดของเขานั้นง่ายต่อการจดจำ

 

“ครับมิสเตอร์ฮอว์วิค ผมเองครับ จางลี่เฉิน”

 

คนที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์นั้นตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากได้ยินสิ่งที่จางลี่เฉินพูดออกมา “ใช่แล้ว ฉันเอง ไม่คิดเลยว่าเธอจะจำเสียงของฉันได้เพราะพวกเราเคยพบกันไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น มิสเตอร์จาง ฉันอยากจะขอบคุณเธอมากสำหรับความช่วยเหลือที่เธอมอบให้กับลูกสาวของฉันที่อเมซอน ถึงแม้ว่าทริชไม่อยากบอกรายละเอียดแต่ฉันก็บอกได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะพบร่างของน้องชายของเธอรวมทั้งเดินทางออกจากอเมซอนด้วยตัวคนเดียวได้โดยที่ไม่มีเธอ”

 

“ไม่หรอกครับมิสเตอร์ฮอว์วิค ผมได้ยินจากทีน่าว่าคุณเองก็ช่วยผมในบางเรื่องด้วยเช่นกัน…”

 

“สิ่งที่ฉันทำไม่อาจเทียบกับสิ่งที่เธอทำลงไปได้เลยมิสเตอร์ลี่เฉิน กลับเข้าเรื่องธุรกิจกันดีกว่า ที่ฉันโทรมาหาเธอในวันนี้ก็เพื่อถามจะอะไรบางอย่าง ฉันได้ยินมาว่าเธอกำลังมองหาพื้นที่สาธารณะที่เหมาะสมเพื่อขยายโรงฆ่าสัตว์ของตัวเองอยู่ใช่ไหม?”

 

“ใช่ครับ”

 

“หากเป็นเช่นนั้นเธอพอจะแวะไปที่แผนกธุรการและบริหารที่ดินของนครนิวยอร์กในวันพรุ่งนี้เวลา 10 โมงเช้าได้ไหม? ไม่แน่ว่านายอาจได้ประหลาดใจกับเรื่องบางอย่างก็ได้”

 

“ได้ครับมิสเตอร์ฮอว์วิค ผมจะไปให้ตรงเวลาอย่างแน่นอน ขอบคุณล่วงหน้านะครับ” จางลี่เฉินกล่าวตามความรู้สึกจากใจจริง

 

“การรู้ว่าเมื่อใดควรยอมรับการกระทำที่ดีเป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่สำคัญที่สุดของคนที่จะประสบความสำเร็จ” ฮอว์วิคหัวเราะเบา ๆ อย่างมีความสุข “แล้วเจอกันพรุ่งนี้ มิสเตอร์ลี่เฉิน”

 

“แล้วเจอกันครับมิสเอตร์ฮอว์วิค” จางลี่เฉินกดวางสายโทรศัพท์และในขณะที่เขากำลังจะกินพายเนื้อ ลิลี่ก็เรียกความสนใจจากเขาไปอย่างฉับพลันว่า “ใครเพิ่งโทรมาหาหรอจ้ะลูกรัก?”

 

“ไม่มีอะไรครับ แค่พ่อของเพื่อนที่ผมเคยช่วยไว้ในอเมซอนต้องการตอบแทนผมก็เท่านั้นน่ะครับ แม่ก็รู้ใช่ไหมว่าผมกำลังวางแผนที่จะขยายโรงฆ่าสัตว์อยู่ เขารู้จักกับคนที่ทำงานในรัฐบาลนิวยอร์กและเขาสามารถช่วยได้” จางลี่เฉินตอบกลับโดยไม่คิดจะปิดบังอะไร

 

“ที่รัก แม่คิดว่าการจัดการธุรกิจอาจทำให้ลูกเสียเวลามากเกินไป… ลูกยังเรียนมัธยมอยู่เลยแล้วลูกก็โดดเรียนไปแล้วเมื่อโรงเรียนเพิ่งเปิดใหม่… ”

 

“แม่ ถ้าพ่อแม่ทุกคนคิดเหมือนกับแม่ตอนนี้บริษัทใหญ่ ๆ หลายแห่งในโลกคงไม่มีตัวตนอยู่แล้วล่ะครับ”

 

“แม่ไม่ได้ตั้งใจจะหยุดลูก แต่ลูกในตอนนี้ยังเด็กเกินไป…”

 

“ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมมีแผนการที่มั่นคงสำหรับอนาคตของผมไว้อยู่แล้ว แม่ไม่จำเป็นต้องมากังวลอะไรเลย”