ตอนที่ 121

The Great Worm Lich

“แน่นอนว่าเราจะแล่นเรือออกจากท่า ไม่อย่างนั้นมันคงจะไม่ถูกเรียกว่า ‘ปาร์ตี้ล่องเรือ’ นี่ฉันไม่ได้บอกนายไปแล้วหรอกเหรอว่าปาร์ตี้นี้จะจัดตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงเที่ยงคืนดังนั้นเราจะพักค้างคืนกันบนเรือนี้เลย ทำไม? นายลืมบอกครอบครัวก่อนมาที่นี่หรือไง?”

 

“เปล่า” จางลี่เฉินมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งและสังเกตเห็นว่าดวงอาทิตย์ที่กำลังเปล่งแสงเริ่มกลับคืนสู่สภาวะปกติอีกครั้ง หลังจากไตร่ตรองสักครู่เขาก็พูดว่า “จริง ๆ แล้วผมไม่เคยเข้าร่วมงานปาร์ตี้ที่ไหนมาก่อนก็เลยถามออกไปแบบนั้น”

 

ใบหน้าของทีน่าแสดงออกถึงความงุนงง อย่างไรก็ตามเธอรู้ดีว่าชายหนุ่มร่างผอมคนข้างหน้านี้จะไม่พูดอะไรมากแม้ว่าเธอจะไล่จี้ถามยังไงก็ตาม “ถ้างั้นก็ช่างเถอะ แต่ว่านะลี่เฉิน ตอนนี้เราต้องไปกันได้แล้ว ปาร์ตี้กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้าและถึงเวลาที่พวกเราจะต้องปรากฎตัวกันเสียที”

 

จางลี่เฉินพยักหน้าเงียบ ๆ ก่อนจะตั้งฉากกับแขนเพื่อให้ทีน่าควงเดิน

 

ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ของเรือสำราญชั้น 2 มีบริกรของเรือที่คอยต้อนรับแขกผู้มีเกียรติกันอย่างพลุกพล่าน เหล่าสาว ๆ ฟอร์ดแฮมและเพื่อนชายคู่ใจเริ่มพากันทยอยลงกันมาที่ชั้นล่างโดยใช้ลิฟต์ 3 ตัวที่มองเห็นท้องฟ้าได้

 

บันไดทอดยาวแบบดั้งเดิมที่ถูกปูด้วยพรมแดงในขณะที่เดินรับคำอวยพรจากเพื่อน ๆ และญาติ ๆ อย่างสง่างาม พวกเขาทั้งหมดก็ค่อย ๆ เดินลงไปอย่างช้า ๆ โดยคำนึงถึงขาของวอลเตอร์ที่ยังคงเดินได้ไม่สะดวกเท่าไหร่นัก

 

ในขณะที่พลุพิเศษที่จุดขึ้นในตอนกลางวันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากนอกชาน สาวงามทั้งสามก็ค่อย ๆ เดินออกจากลิฟต์ชมวิวโปร่งใส ผู้คนที่มีส่วนร่วมในปาร์ตี้นี้ไม่ลังเลเลยที่จะส่งเสียงโห่ร้องในลักษณะอึกทึกที่ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักเพื่อเพิ่มความสุขให้กับชีวิต

 

บรรดาผู้ชายที่อยู่เคียงข้างสาวงามทั้งสาม จางลี่เฉินชายหนุ่มชาวเอเชียที่มีรูปร่างผอมและส่วนสูงที่น้อยกว่าคนอื่นควรจะเป็นจุดเรียกความสนใจจากทุกคนได้ดีที่สุด

 

แต่เพราะการแต่งหน้าโดยช่างแต่งหน้ามืออาชีพมันเลยทำให้รูปร่างหน้าตาของเขาดูดีขึ้นกว่าเดิมมาก ถึงแม้ว่าวอลเตอร์จะพยายามปกปิดมันมากขนาดไหนแต่เขาก็ยังเดินในลักษณะคดเคี้ยวเมื่อเขาเดินออกจากลิฟต์ และการที่ปากของเขายังคงกระตุกอย่างต่อเนื่องนั้นแปลกเกินคนปกติทั่วไป เมื่อเทียบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างทีน่าแล้วดูเหมือนว่าวอลเตอร์จะแย่งความสนใจไปได้อย่างดี

 

แขกที่มาร่วมงานต่างพากันตกตะลึงจนพูดไม่ออกแต่พวกเขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่วอลเตอร์

 

ภายใต้ความประหลาดใจของแขกทุกคนงานปาร์ตี้นี้ก็ยังคงดำเนินต่อไป สาวงาม 3 คนที่ปรากฏตัวพร้อมกับดอกไม้ไฟที่สว่างสดใสเริ่มรับของขวัญที่พ่อแม่ของพวกเธอเป็นคนมอบให้ทีละคน เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดในวัฒนธรรมดั้งเดิมของอเมริกา พ่อแม่ผู้มีชื่อเสียงของทั้ง 3 คนจึงไม่คิดตระหนี่กับของขวัญที่จะมอบให้

 

ทีน่าได้รับของขวัญเป็นอพาร์ทเมนต์สุดหรูแห่งหนึ่งในบอสตัน

 

ของขวัญของชีล่าเป็นเรือยอชท์สุดหรูรุ่นใหม่เอี่ยม

 

ในขณะที่ทริชจะได้รับของที่ตรงกันข้ามกับคนอื่น เธอได้รับไม้กางเขนโบราณที่ถูกฝังไว้ด้วยเพชรพร้อมคำสลักลงบนไม้ว่า “ฉันเชื่อในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ โบสถ์คาทอลิก และอัครสาวก”

 

หลังจากที่หญิงสาวได้รับของขวัญจากคนที่พวกเธอรักที่สุดในชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว ฝ่ายคู่ควงของพวกเธอก็จะมอบของขวัญให้กับสาวงามของตัวเองอีกด้วยเช่นกัน วอลเตอร์ได้มอบนาฬิกาดำน้ำราโด้สำหรับผู้หญิงให้ และถึงแม้ว่ามันจะดูทรุดโทรมเกินไปนิดหน่อยแต่ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาจะสามารถจ่ายให้ได้ตามความสามารถทางการเงินของเขา

 

ตัวแทนอย่างดูบินเองก็ได้มอบสร้อยข้อมือเพชรคาร์เทียร์ให้อย่างใจกว้าง ซึ่งมันเหมาะกับโอกาสดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

 

สุดท้ายจางลี่เฉินผู้ที่ไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีกว่ากันได้มอบสร้อยคอที่ตัวจี้ทำจากเพชรสีชมพูใสที่มีน้ำหนักมากกว่า 5 กะรัต เพียงแวบเดียวก็สามารถบอกได้แล้วว่านี่เป็นอัญมณีปลอมหรือเป็นของอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีชื่อซึ่งเป็นของที่สามารถส่งต่อไปยังคนรุ่นหลังได้ ขณะที่อัญมณีปรากฏตัวคนหนุ่มสาวที่มาร่วมงานต่างพากันอุทานด้วยความประหลาดใจ

 

“มันไม่ใช่ของปลอมใช่ไหม? ถ้าดูจากเงามันก็ควรจะเป็นของจริงสิ บ้าเอ้ย นี่คือพฤติกรรมของพวกเศรษฐีใหม่อย่างเห็นได้ชัด! ช่างน่าอายจริงๆ!” เมื่อเห็นของขวัญของทีน่าแล้วใบหน้าของดอลบี้ก็เต็มไปด้วยความตกใจในทันที “แต่ถึงอย่างนั้นนายคนนี้ก็ใจดีมากจริง …”

 

“แน่นอนว่าเรื่องเล่าในตำนานเรื่องการมอบสร้อยคอมูลค่าหลายล้านดอลลาร์เพื่อฉลองให้กับวันที่แฟนสาวของตัวเองเป็นผู้ใหญ่นั้นถูกพูดถึงกันมานานหลายปีสำหรับกลุ่มเศรษฐีใหม่ แต่ที่รัก ที่นี่คือนิวยอร์กที่การเงินไม่เคยหยุดหมุนและเราไม่ใช่ปารีสที่มีแต่เพียงความสง่างามและรสนิยมเท่านั้นนะคะ พวกเราทุกคนต่างก็เป็นทายาทของกลุ่มเศรษฐีใหม่กันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ?” เมื่อได้ยินคำพูดจากภรรยาของเขาแล้วดอลบี้ก็ยิ่งหน้ามุ่ยยิ่งกว่าดิมแต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ

 

เช่นเดียวกับพ่อของเขาที่พูดไม่ออก ทีน่ากระซิบกับจางลี่เฉินที่ไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรต่อไปดี “ลี่เฉิน รีบขึ้นมาแล้วใส่สร้อยคอนั่นให้ฉันได้แล้ว นี่นายใช้เงินซื้อของไปเท่าไหร่กันเนี่ย?”

 

“97,000 ดอลลาร์”

 

“โอ้ พระเจ้า! นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง! ทำไมนายต้องซื้อของขวัญราคาแพงแบบนี้ให้ฉันด้วย!”

 

“เพราะคุณรวยอย่างไม่อาจจินตนาการได้ดังนั้นผมก็ไม่ควรไปดูถูกของขวัญที่จะมอบให้กับคุณไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าพ่อของคุณมอบอพาร์ทเมนต์สุดหรูที่แมนฉัตตันให้คุณหรือไงกัน ค่าใช้จ่ายตรงนั้นก็น่าจะหลายล้านดอลลาร์…”

 

“บ้าจริง…ของขวัญที่พ่อมอบให้ฉันจะไปเกี่ยวกับของ ๆ นายได้ยังไงกัน? ในโอกาสแบบนี้มันดีมากพอแล้วถ้านายจะซื้อของขวัญที่มีราคาหลักพันหรือหมื่นดอลลาร์มาให้ฉัน!”

 

“อย่างนั้นหรอกเหรอ?” จางลี่เฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “แต่ผมมาจากประเทศจีน เราเน้นเรื่องจรรยาบรรณและการตอบแทนซึ่งกันและกันมากที่สุด ตามธรรมเนียมของเราของขวัญที่ผมให้คุณควรเท่ากับของพ่อ… เฮ้อ ช่างเถอะ แม้ว่าผมจะอธิบายยังไงคุณก็คงไม่เข้าใจ เอาเป็นว่ารับของขวัญที่ผมให้คุณไปก็พอ”

 

ในขณะนี้เพลงเต้นรำเริ่มดังขึ้น ในฐานะหนึ่งในบทบาทผู้นำงานปาร์ตี้ทีน่าก็ควรจะเป็นคนเริ่มการเต้นกับเพื่อนชายของเธอก่อน “ลี่เฉิน ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะว่าอะไรนาย นอกจากนี้ฉันยังรู้สึกประทับใจมากที่ได้รับของขวัญราคาแพงจากนายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่นายต้องการเงินเพื่อขยายธุรกิจของนายในตอนนี้ อย่างไรก็ตามนายจำเป็นต้องใช้กูเกิ้ลเพื่อหาของขวัญครบรอบวันเกิด 18 ปีของแฟนนายด้วย แม้ว่านายจะถูกเพิ่มชื่อลงใน ‘ครอบครัวที่ร่ำรวยสุด ๆ ในวอล์สตรีท’ แต่หน้าการค้นหาของนายจะไม่ปรากฏข้อมูลใด ๆ ที่บอกให้นายมอบสร้อยเพชรที่ราคาแพงแบบนี้ให้เธอแน่นอน!”

 

“คุณแน่ใจเหรอว่าจะไม่มีเลย?” จางลี่เฉินถามด้วยสีหน้าแปลก ๆ

 

“ที่รัก นี่นาย…นายต้องเริ่มอ่านบทความเสียดสีอะไรบ้างได้แล้วนะ”

 

“พวกคุณทุกคนชาวอเมริกันเป็นคนมือถือสากปากถือศีลกันทั้งนั้น แม้ว่าที่จีนของเราจะพูดว่า ‘สำคัญที่ความคิด’ แต่มันก็มีไว้สำหรับมิตรภาพของชาย 2 คนที่เป็นตัวละครที่มีเกียรติหรือมิตรภาพระหว่างสุภาพบุรุษ 2 คนที่เรียกว่าสุภาพบุรุษตามแบบตะวันตกของคุณ”

 

“โอเคที่รัก เรามาโยนหัวข้อเรื่องนี้ทิ้งไปกันดีกว่า มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ฉันผิดเอง ที่จริงแล้วตราบใดที่นายเต็มใจให้ของขวัญแพง ๆ กับฉันฉันก็ควรทราบซึ้งใจแม้จะฟุ้งเฟ้อหรือมีความไม่รู้มาแต่แรก…”

 

“ทีน่า ขอโทษด้วยความจริงใจถ้าคุณยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง แต่อย่าพูดอะไรเกี่ยวกับ ‘ความไร้สาระและความไม่รู้ในความตั้งใจแต่แรก’ หรืออะไรก็ตามต่ออีกเลย”

 

“โอเคที่รัก ฉันขอโทษอย่างจริงใจ ก่อนอื่นนายช่วยเลิกเหยียบเท้าฉันทีจะได้ไหม?” ทีน่าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

หลังจากการเต้นรำในห้องบอลรูมที่หรูหราแล้วดนตรีปาร์ตี้ก็ถูกแทนที่ด้วยการเต้นแบบสมัยใหม่ต่อในทันที เมื่อได้ยินสัญญาณเช่นนี้แขกผู้สูงอายุก็อดที่จะหัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างช่วยไม่ได้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงคิดว่าพวกเขายังเป็นเด็กเล็ก ๆ และเริ่มบิดร่างกายไปมาอย่างรุนแรง

 

ส่วนคนอื่นที่ฉลาดพอจะเดินออกจากห้องโถงเพื่อมุ่งหน้าไปที่ล็อบบี้ชั้นแรกหรือขึ้นไปที่ห้องพักของเรือสำราญที่อยู่ในชั้นต่อ ๆ และใช้เวลาของพวกเขาไปกับทะเลในแบบที่เหมาะสมกับอายุของพวกเขาเอง

 

“เราเพิ่งจะเต้นกันได้แค่เพลงเดียวแล้วคนหนุ่มสาวพวกนี้ก็เปลี่ยนเพลงเพื่อไล่เราออก ไม่รู้จริง ๆ ว่าคนหนุ่มสาวพวกนี้คิดอะไรกันอยู่ ดีเจของงานปาร์ตี้ก็เหมือนกัน…”

 

“ที่รัก คุณเป็นคนบอกเธอเองนะคะว่าคุณมีธุระต้องไปทำต่อและไม่สามารถอยู่กับลูกได้”

 

“เพราะสตีวี่ที่เป็นคนผิดต่างหาก ใครจะไปรู้ว่าเขาจะตกลงขายแร่ในแอฟริกาใต้ได้ นายคนนี้ไม่ค่อยฉลาดและผมกลัวว่าสิ่งต่าง ๆ จะเปลี่ยนไปเมื่อปัญหานี้ถูกลากยาวออกไปเป็นเวลานาน…” ดอลบี้โต้เถียงอย่างดื้อรั้นแต่เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าภรรยาของเขาเขาถอนหายใจเบา ๆ “คุณพูดถูกแล้วลูลู่ ผมเป็นคนผิดเอง ผมไม่ควรไปบ่นอะไรทั้งนั้น”

 

ขณะที่พวกเขากำลังพูดกันอยู่นั้นพวกเขาก็เริ่มเดินไปที่บันไดแขวนของเรืออลิซาเบธ ฮอลิเดย์พร้อมกับผู้คนเพื่อออกจากสถานที่จัดงานและปาร์ตี้นี้ไป

 

แขกที่ไม่สามารถค้างคืนที่ทะเลได้เนื่องจากเหตุผลต่าง ๆ ก็เริ่มทยอยกันออกจากเรือ หลังจากนั้นเรือก็ค่อย ๆ ยกสมอขึ้นและเป่านกหวีด “วู้ดดด วู้ดด” เพื่อออกจากท่าเรือนิวยอร์กและแล่นไปอย่างราบรื่นสู่มหาสมุทร

 

ณ ขณะนี้ที่ระดับสูงสุดของห้องควบคุมการเดินเรือ เจ้าหน้าที่วัยกลางคนที่มีกล้ามเนื้อสวมชุดสีขาวและหมวกปีกกว้างสีขาวกำลังรายงานต่อกัปตันสูงวัยผู้เคร่งขรึมที่จับหางเสือเรือ “กัปตัน อลิซาเบธ ฮอลิเดย์เริ่มออกจากท่าเรือในนิวยอร์กเรียบร้อยแล้วครับ! ตอนนี้มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ 30 ไมล์ทะเลต่อชั่วโมงและคาดว่าจะกลับถึงท่าเรือนิวยอร์กหลังจากนี้อีก 24 ชั่วโมง”

 

“แฮร์รี่ มันก็เกือบ 1 ปีแล้วที่นายได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นต้นเรือ ฉันจะลองปล่อยให้นายคุมหน้าที่นี้คนเดียว นายมีความคิดเห็นอย่างไร?”

 

“กัปตัน ผม…ผมดีใจที่ได้ทำมากครับ!” เจ้าหน้าที่แฮร์รี่ตกตะลึงจนพูดไม่ออกก่อนจะตอบกลับด้วยไปความประหลาดใจ

 

เมื่อเรือมหาสมุทรแล่นออกกัปตันเรือจะมีอำนาจสูงสุดในการบังคับบัญชาเรือโดยอัตโนมัติ ตามกฎหมายตะวันตกแล้วกัปตันของเรือเดินสมุทรในการเดินทางและผู้บัญชาการที่สถานีควบคุมไฟในสนามเพลิงแม้จะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘อำนาจนิติบัญญัติชั่วคราว’ ในช่วงเหตุฉุกเฉินพวกเขาสามารถบุกรุกสิทธิทางกฎหมายของผู้อื่นในระดับปานกลางโดยใช้หลักการของหลักฐานเชิงดุลพินิจส่วนบุคคลเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้

 

แม้ว่าเจ้าหน้าที่ต้นเรือและกัปตันอาจดูเหมือนจะมีความแตกต่างกันอยู่แค่เพียง 1 ระดับแต่ความแตกต่างที่เกิดขึ้นจริงนั้นแตกต่างกันมาก คนส่วนใหญ่ไม่สามารถลบล้างมันได้ตลอดทั้งชีวิตของพวกเขาถ้ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น

 

“ดีแล้ว” ใบหน้าตึงของกัปตันสูงวัยฉายรอยยิ้มที่หาได้ยากก่อนที่เขาจะหันหลังกลับและเดินออกจากห้องควบคุมไป

 

“รักษาความเร็วและรายงานทันทีหากมีสภาวะผิดปกติ” หันไปดูด้านหลังของกัปตันที่หายไปจากนอกประตูจนพ้นสายตาเสร็จ ด้วยมือของเขาแฮร์รี่กำลังถือหางเสือเรือซึ่งมีอำนาจหน้าที่ครั้งแรกของการเป็นกัปตันก็เริ่มออกคำสั่งด้วยเสียงที่เข้มขึ้นในทันที

 

“เยส เซอร์” เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ทำท่าล้อเลียนพร้อมตอบกลับเสียงดัง

 

หลังจากเปลี่ยนผู้ถือหางเสือเรือเสร็จอลิซาเบธ ฮอลิเดย์ก็เริ่มแล่นไปข้างหน้าในมหาสมุทรโดยไม่มีความแตกต่างใด ๆ ในความเป็นจริงเรือบรรทุกขนาดใหญ่ที่ทันสมัยสามารถล่องเรือได้เองโดยอัตโนมัติมาได้ตั้งนานแล้ว ในอดีตเจ้าหน้าที่นำทางที่จำเป็นต้องจดจำเส้นทางยาวจะต้องทำความคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำในมหาสมุทรตลอดหลายปีที่ผ่านมาและเข้าใจโหราศาสตร์และสภาพอากาศเพื่อนำทาง แต่ตอนนี้เพียงแค่ต้องรู้วิธีดูเครื่องมือทางทะเลที่จะใช้ทำงานแทนก็เพียงพอ

 

คนขับเรือที่ต้องการช่วยกัปตันและเจ้าหน้าที่ต้นเรือหันหางเสือตอนนี้ได้ถูกพัฒนามาเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยตรง หลังจากกำหนดเส้นทางแล้วพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกต่อไป อาจกล่าวได้ว่าการขับขี่เรือเดินสมุทรที่ทันสมัยนั้นไม่ได้ยากไปกว่าการเล่นเกมจำลองสถานการณ์สักเท่าไหร่นักก็ว่าได้

 

ถึงกระนั้นการควบคุมเรือด้วยที่มีขนาดเกือบ 100,000 ตันเพื่อแล่นเรือในมหาสมุทรแอตแลนติกก็ยังสร้างความมึนงงให้กับแฮร์รี่มากพอสมควร หลังจากยืนอยู่ในตำแหน่งของผู้ถือหางเสือเรือแล้วก็คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขายืนงงแบบนี้มานานแค่ไหน แต่แล้วเสียงที่คุ้นเคยก็ดังก้องขึ้นข้าง ๆ “แฮรี่ นายกำลังทำอะไรอยู่?”

 

“แล่นเรือไงเพื่อนที่น่ารักของฉัน! เพื่อนเก่าคนนั้นได้ส่งมอบหน้าที่นี้มาให้ฉันแล้ว และตอนนี้ฉันคือ ‘กัปตัน’!” เมื่อย้อนกลับมาสู่ความเป็นจริงแฮร์รี่มองเพื่อนสนิทที่สุดของเขาซึ่งเคยเป็นผู้จัดการฝ่ายบริการในเอลิซาเบธ ฮอลิเดย์ก่อนที่จะกระซิบตอบกลับไป