ชายหนุ่มบนชายฝั่งพากันส่งเสียงโห่ร้องเมื่อเห็นเงาผอม ๆ ลงมาจากรถลีมูซีนที่เพิ่งมาถึงก่อนที่พวกเขาจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นใคร ในขณะเดียวกันนักข่าวก็เริ่มถ่ายภาพอย่างต่อเนื่องด้วยกล้องขนาดใหญ่ทันที เมื่อแสงแฟลชดับลงไปชั่วขณะทุกคนก็โห่ร้องโวยวายเพราะตระหนักได้ว่าคนที่พวกเขากำลังให้ความสนใจไปเมื่อสักครู่นี้นั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มชาวเอเชียที่พยายามปิดบังใบหน้าของเขาซึ่งเป็นใบหน้าที่พวกเขาไม่คุ้นเคยมาก่อน
“บ้าเอ้ย เขาปิดใบหน้าตัวเองทันทีที่ลงจากรถมาเลย มันทำให้ฉันคิดว่าเราจะได้ปลาตัวใหญ่แล้วเชียว แค่ได้รับมอบหมายให้มาทำข่าวบันเทิงก็แย่มากพอแล้ว นี่ยังมีไอ้หนุ่มที่ไหนไม่รู้มาทำตัวจองหองอีก คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? แล้วนั่นเขาถือกระเป๋าผ้าใบไปงานเลี้ยงเนี่ยนะ? เหอะ มีแต่คนงี่เง่าเท่านั้นแหละที่ต้องการถ่ายรูปหนุ่มคนนั้น…” นักข่าวหนุ่มคนหนึ่งที่สวมหมวกเบสบอลเอ่ยปากบ่นขณะมองชายหนุ่มคนนี้ผ่านด่านรักษาความปลอดภัยพร้อมทั้งขึ้นไปบนเรือสำราญภายในพริตา
“นี่นาย อย่าได้ดูถูกเด็กชายชาวเอเชียผิวเหลืองเป็นอันขาดนะรู้ไหม 2 – 3 ปีก่อนมีนักข่าวจากวอชิงตันสตาร์จับภาพเด็กชายเอเชียที่ไม่มีใครรู้จักในงานปาร์ตี้อันยิ่งใหญ่ของอันเดรอาได้โดยไม่ได้ตั้งใจ ต่อมาเขาถูกระบุว่าเป็นลูกชายของนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมาจากประเทศจีน ข่าวนั้นสร้างความตื่นตระหนกให้กับวงการบันเทิงมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว”
ปาปารัสซี่ที่มีประสบการณ์ชี้แนะให้เห็นถึงความผิดพลาดของพวกมือใหม่อย่างอ่อนโยน เมื่อเขาพูดจบ เขาก็เห็นประตูรถลีมูซีนถูกเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นทีน่า ดั๊กลินหนึ่งในตัวละครหลักของงานปาร์ตี้เรือสำราญในครั้งนี้ที่กำลังเดินออกจากรถไปอย่างไม่รีบร้อน
“บ้าเอ้ย เด็กคนนั้นมาพร้อมกับทีน่า ดั๊กลิน! เขาเป็นคู่เดตของเธอ แม่ง! คนรวย ๆ พวกนี้ชักมีเล่ห์เหลี่ยมมากขึ้นทุกวัน!” นักข่าวที่มีประสบการณ์สบถเบา ๆ ก่อนจะยกกล้องขนาดใหญ่ในมือของเขาขึ้นมาถ่ายภาพ เขาพยามเบียดผู้คนมากกว่า 10 คนพร้อมทั้งส่งเสียงตะโกนที่ไร้ประโยชน์ “มิสทีน่า ทางนี้ครับทางนี้! มองทางนี้บ้าง! ขอทราบได้ไหมว่าเด็กหนุ่มที่มากับคุณเมื่อสักครู่นี้ใช่แฟนใหม่ของคุณหรือเปล่า? ผมได้ยินว่าแฟนเก่าของคุณและน้องชายของคุณทริชประสบปัญหาในการไปที่ป่าอเมซอนนี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ?”
ทีน่าเพิกเฉยต่อแฟน ๆ และนักข่าวที่กำลังตะโกนเรียกร้องเพื่อถ่ายรูปในขณะโบกมือซ้ายขวาให้อย่างสุภาพ เธอเดินไปที่บันไดขึ้นเรือของควีน อลิซาเบธ ฮอลลิเดย์อย่างช้า ๆ พร้อมการคุ้มกันจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในที่สุดเธอก็หันหลังกลับมาและยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะหายไปจากวิสัยทัศน์ของทุกคนในไม่ช้า
มุมมองเริ่มกว้างใหญ่และทางเดินก็สว่างไสวมากขึ้นเมื่อเธอขึ้นไปบนเรือ ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงพราวประกาย ทีน่าเดินอย่างเงียบ ๆ ไปที่ด้านหนึ่งของเรือที่ติดกับริมทะเลหลังจากทักทายเพื่อน 2 คนที่สังเกตเห็นเธอเสร็จ เธอเดินไปหาจางลี่เฉินผู้ซึ่งกำลังมองดูมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ “ลี่เฉิน ไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ เดี๋ยวแขกคนอื่น ๆ ก็จะมาถึงเร็ว ๆ นี้แล้ว”
ชายหนุ่มพยักหน้าและเดินตามหญิงสาวไปที่ห้องพักโดยสารของเรือขนาดใหญ่บนชั้น 1 ของควีน อลิซาเบธ ฮอลลิเดย์ เขาพยายามตรวจดูให้แน่ใจว่าพวกเขาทั้ง 2 คนได้แยกกันอย่างปลอดภัยแล้วเพราะเขาไม่ต้องการให้มีข่าวหรือเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น เขาหยิบสูทออกจากกระเป๋าเป้สะพายหลังแล้วส่งต่อให้ผู้ดูแลเรือเพื่อรีดผ้า หลังจากชุดสูทของเขาถูกทำให้เรียบร้อยไร้รอยยับแล้วเขาก็ถูกบังคับให้ต้องเผชิญกับการแต่งหน้าด้วยสไตลิสต์มืออาชีพ ตอนนี้เขาดูสดใสกว่าเดิมขึ้นมาก ราวกับเป็นเด็กหนุ่มที่ดูฉลาดหลักแหลม อย่างไรก็ตามเขาไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย เขาพูดกับสไตลิสต์ในขณะมองไปที่กระจก “มิสแฟนนี่ คุณจำเป็นต้องทาแป้งลงบนใบหน้าของผมจริง ๆ น่ะเหรอ? ผมคิดว่ามันแปลกประหลาดมากทีเดียว”
“มันไม่ใช่แป้งค่ะ มันเป็นเครื่องมือในการทำให้ผิวของคุณดูสดใสขึ้น มิสเตอร์ลี่เฉิน ในฐานะเด็กในเมืองแห่งศตวรรษใหม่แบบนี้การใช้เครื่องมือเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาของตัวเองในงานปาร์ตี้กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งนะคะ”
“แต่พี่ชายที่บ้านของผมไม่เคยใส่ของเล่นเหล่านี้ลงบนใบหน้าของพวกเขาเลยสักครั้งเมื่อเขาย่องออกไปงานปาร์ตี้จากทางประตูหลัง”
“นั่นเป็นเหตุผลที่เขารู้สึกผิดและต้องแอบไปปาร์ตี้ยังไงล่ะคะ เอาล่ะมิสเตอร์ลี่เฉิน เชื่อฉันเถอะค่ะ ฉันทำการแก้ไขแบบขั้นพื้นฐานสุด ๆ ลงบนใบหน้าของคุณ มันดูเป็นธรรมชาติมากที่แม้แต่ช่างแต่งหน้ามืออาชีพเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าคุณแต่งหน้าไปแล้ว คุณสามารถดื่ม กิน มีเหงื่อ หรือแม้กระทั่งว่ายน้ำในทะเลก็ยังได้ ไม่มีอะไรที่คุณควรเป็นกังวล…”
ทันใดนั้นก็มีคนผลักประตูห้องพักออกอย่างแรงในขณะที่สไตลิสต์กำลังพูดอยู่ ชายวัยกลางคนที่มีความสูงปานกลางซึ่งมีลักษณะคล้ายกับทีน่าเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวใหญ่ ๆ เขาไม่ได้พูดอะไรหลังจากเข้ามา เขาเงียบไปนานเมื่อเขาจ้องมองไปที่จางลี่เฉินด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยอำนาจ จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งครัดว่า “มิสเตอร์จางลี่เฉิน…ใช่ไหม?”
มันเป็นครั้งแรกของจางลี่เฉินที่รู้สึกวิตกต่อหน้าผู้ชายนับตั้งแต่ที่พ่อจางดาววูถึงแก่กรรม เขามองไปที่ใบหน้าที่ดูเหมือนกับใบหน้าทับซ้อนของทีน่ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยความหวาดกลัว “ใช่ครับ ส่วนคุณก็คงเป็นมิสเตอร์ดอลบี้ ดั๊กลิน ยินดีที่ได้พบกันครับ” เขายื่นมือไปข้างหน้าเพื่อทักทายด้วยการจับมือ ชายวันกลางตอบรับด้วยการจับมือของจางลี่เฉินอย่างแรง “ฉันดอลบี้ ดั๊กลิน นายผอมกว่าที่ฉันคิดไปมาก แถมยังมีสร้อยข้อมือสีสันสดใสที่ข้อมือของนายอยู่อีก ดูเหมือนว่านายจะรอดชีวิตมาจากอเมซอนได้ด้วยสติปัญญาของนายเป็นหลัก เป็นผู้ชายก็ควรมีร่างกายที่แข็งแรงต่างหากสิ หากนายเป็นเหมือนฉันที่ยืนยันจะไปฝึกมวย 2 ครั้งต่อสัปดาห์และมักจะออกล่าสิงโตในแอฟริกา…”
ในขณะที่ดอลบี้กำลังแสดงออกถึงท่าทีที่กล้าหาญของเขาในการ ‘เต้นระบำ’ ไปกับสิงโตที่แอฟริกา เสียงหัวเราะของทีน่าที่อยู่ในชุดยาวสีชมพูสวยงามพร้อมเผยให้เห็นหน้าอกที่ยั่วยวนของเธอได้เดินเข้ามาในห้องพักพร้อมกับหญิงสาวที่สวยงามและดูเป็นผู้ใหญ่ที่เหมือนกับว่าเธอเพิ่งมีอายุได้เพียง 30 เท่านั้น
“ดอลบี้ที่รัก ครั้งล่าสุดที่คุณถือปืนมันก็ผ่านมาได้ 2 ปีแล้วนะคะ…” หญิงสาวที่สวยงามอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ ออกมาหลังจากฟังคำพูดที่อวดดีของดอลบี้
“ผมสามารถระเบิดหัวสิงโต 200 ปอนด์ได้ด้วยการยิงเพียงนัดเดียวแม้ว่าผมจะไม่ถือปืนมาเป็นเวลา 10 ปีแล้วก็ตาม” ดอลบี้จ้องไปที่จางลี่เฉินเพื่อข่มเขาและเดินเข้าไปใกล้ลูกสาว “โอ้ นางฟ้าตัวน้อยขอพ่อ วันนี้ลูกสวยมากเลยจ้ะ”
“ขอบคุณค่ะพ่อ” ทีน่าจูบแก้มพ่อของเธอขณะยิ้มอย่างมีความสุข “ไม่ต้องไปขู่ลี่เฉินเขาเลย เขาไม่กลัวสิงโตหรือเสือหรอกนะคะ”
“เขาอาจไม่กลัวสิงโตหรือเสือแต่ไม่มีใครสามารถทนไฟของพ่อที่โกรธแค้นเวลาลูกสาวถูกรังแกได้หรอก โดยเฉพาะพ่อที่มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้และการล่าสัตว์ และพ่อคนนี้ก็มีฐานะร่ำรวยมากที่สามารถจ้างทนายที่ดีที่สุดให้ได้”
“พ่อ หนูรู้ว่าที่พ่อกำลังทำอยู่น่ะเป็นประเพณีของพวกพ่อ ๆ ชาวอเมริกันที่มีลูกสาว แต่ตอนนี้หนูโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ…”
“พ่อยังคงเป็นผู้ปกครองของลูกอย่างถูกตามกฎหมายก่อนที่ลูกจะอายุ 21 …”
“โธ่ พ่อก็…” ทีน่าจูบแก้มของดอลบี้อีกครั้งและพูดด้วยท่าทางออดอ้อน
“เอาล่ะ ที่จริงแล้วฉันตั้งใจจะมาคุยเรื่องอื่นกับนาย มิสเตอร์จางลี่เฉิน…”
ผู้ดูแลการล่องเรือเดินมาหาพวกเขาขณะที่ดอลบี้กำลังพูด “มิสทีน่า แขกเกือบทั้งหมดมากับพร้อมแล้วครับ มิสชีล่าและมิสทริชเองก็มาถึงแล้วเช่นกัน คุณสามารถไปที่เลานจ์ชั้น 2 พร้อมกับคู่เดตของคุณในตอนนี้เลยจะได้ไหมครับ?”
“ได้สิ” ทีน่าพยักหน้าและยิ้มอย่างหวานชื่นไปที่พ่อของเธอ “รอการเปิดตัวของหนูที่เลาจน์ชั้น 2 ก่อนนะคะพ่อ…แม่ รักนะคะ”
“พวกเราก็รักลูกจ้ะลูกรัก ขอให้ลูกมีความสุขและสนุกสนานได้ทุกวันนะ”
จากนั้นหญิงสาวก็จับมือจางลี่เฉินและเดินออกจากห้องพักไปหลังจากที่พ่อแม่อวยพรให้เธอ
“ลี่เฉิน หวังว่านายจะไม่คิดมากนะ พฤติกรรมพ่อของฉันตอนที่เขาพบนายเป็นครั้งแรกเป็นหนึ่งในประเพณีของพ่อชาวอเมริกันส่วนใหญ่ ฉันได้ยินว่ามิสเตอร์ฮอว์วิคใช้มีดทหารเพื่อหั่นน่องวัวสำหรับทำบาร์บีคิวเมื่อเขาพบวอลเตอร์เป็นครั้งแรกเชียว”
“นั่นไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?”
“มีเรื่องน่าตกใจมากยิ่งกว่านี้อีก นายไม่ต้องไปกลัวหรือใส่ใจอะไรหรอก แม้ว่าพ่อของฉันจะฆ่าสิงโตแอฟริกาด้วยปืนแต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ทำไมนายดูโล่งใจจังตอนที่ได้ออกจากห้องพักมา?”
“จริงเหรอ? ผมไม่เห็นรู้สึกว่าจะเป็นแบบนั้น” จางลี่เฉินปฏิเสธกลับอย่างหัวแข็ง พวกเขาเดินมาถึงลิฟต์พนักงานที่ซ่อนอยู่ในห้องโดยสารตามหลังผู้ดูแลขณะที่พวกเขาพูดคุยและหัวเราะซึ่งกันและกัน เมื่อพวกเขาขึ้นลิฟท์ตรงไปยังชั้น 2 และมาถึงที่เลานจ์อันกว้างขวาง จางลี่เฉินก็เห็นชีล่าในชุดสีแดงที่ดูเหมือนดอกกุหลาบและทริชในชุดลูกไม้สีขาวซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาริมหน้าต่างได้อย่างเงียบ ๆ มีชายหนุ่มที่หล่อเหลาที่ไม่คุ้นหน้าคนหนึ่งที่สีหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ พวกเธอด้วย ถัดไปก็คือวอลเตอร์ซึ่งริมฝีปากของเขาจะกระตุกเป็นครั้งคราวพร้อมด้วยดวงตาที่ดูน่ากลัวและกำลังแสดงถึงความโกรธแค้น
“ผู้ชายคนนั้นคือใคร?”
“คู่เดตชีล่าน่ะ ตอนนี้ชิตตูเข้ารับการรักษาที่สวีเดนอยู่ เขาไม่สามารถกลับมานิวยอร์กได้ทันตามกำหนดเวลา” ทีน่าสังเกตเห็นบรรยากาศขุ่นมัวที่ไกลออกไปเล็กน้อยได้ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้กับเพื่อนสนิททั้งสองของเธอพร้อมทั้งแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นอะไรหลังจากตอบคำถามของจางลี่เฉิน “เฮ้ สาว ๆ วันนี้คือวันที่พวกเราจะได้เปิดเผยตัวตนสู่โลกใบนี้แล้ว พร้อมกันหรือยังจ๊ะ?”
“ดูบินและฉันพร้อมแล้ว ส่วนทริช…”
“ฉันเองก็พร้อมมาตั้งแต่ต้นแล้วถ้ามิสเตอร์ดูบินไม่ทำตัวชวนโมโหใส่วอลเตอร์เสียก่อน”
“ฟังนะทริช ดูบินเขาพยายามอธิบายตั้งหลายครั้งแล้วว่าเขาไม่ได้หัวเราะเพราะวอลเตอร์เป็น … อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้หัวเราะเพราะพฤติกรรมของวอลเตอร์แต่เพราะนกนางนวลมันล้มเมื่อมันกำลังจับปลาในทะเลนอกหน้าต่างนั่นต่างหากที่ทำให้เขาหัวเราะ”
“นกนางนวลล้มเพราะจับปลา? ฉันเองก็ออกไปเที่ยวทะเลอยู่บ่อย ๆ แต่ทำไมฉันไม่เคยเห็นเรื่องแปลก ๆ แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนเลยล่ะ?”
“ทริช เธอกำลังหาเรื่องอยู่นะ! ก็ได้ ถ้าดูบินหัวเราะเรื่องวอลเตอร์แล้วมันจะทำไม? เขาก็ขอโทษไปแล้วตั้งหลายครั้งนี่ หรือเธอต้องการให้เขาไปนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าเพื่อขอโทษเลยล่ะ?”
“โอ้ ๆ ทริชและชีล่าที่รัก วันนี้ควรจะเป็นวันดี ๆ ที่มีแต่ควาสุขสิ อย่ามาทะเลาะกันเพียงเพราะเรื่องเข้าใจผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เลยนะ…”
จางลี่เฉินมองออกไปนอกหน้าต่างในขณะที่รู้สึกเบื่อหลังจากเห็นทีน่าเริ่มห้ามปรามทริชและชีล่าจากการทะเลาะกัน ชายหนุ่มเหมือนแน่นิ่งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกสีฟ้าใสผ่านเพดานที่ทั้งกว้างและสว่างใสโดยเป็นหน้าต่างที่จรดพื้นถึงเพดานบนห้องโดยสารชั้น 2 เมื่อเขาดื่มด่ำไปกับมันเขาก็เห็นแสงสีเหลืองที่คลุมเครือส่องผ่านคลื่นสีฟ้าบนมหาสมุทรได้ในทันใด
จางลี่เฉินเริ่มรู้สึกตัวแข็งไปราวกับว่ามีคนเข้ามาบีบหัวใจของเขา เขาขนลุกไปทั่วทั้งตัว โดยไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เขาก็ได้ยินเสียงเบา ๆ ข้าง ๆ หูของเขาซึ่งทำให้เขากลับสู่ความเป็นจริงได้อีกครั้ง “ลี่เฉิน? ลี่เฉิน? เกิดอะไรขึ้น? นายรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
“ผมไม่เป็นอะไร…แต่ ทีน่า เรือลำนี้จะจอดเทียบฝั่งไปตลอดหรือเรือจะล่องไปตามผืนน้ำมหาสมุทร?”