หินเซิ่งอวิ๋น ของล้ำค่าประจำเผ่าอวิ๋นหุน?
พวกเขาต้องการมอบหินเซิ่งอวิ๋นให้ซูจิ่นซีกับอวิ๋นจิ่น
เมื่อเห็นซูจิ่นซีไม่ต้องการรับไป องค์ชายจึงอธิบายว่า “อาอินไม่เหมาะที่จะอยู่ที่เขาเมฆา พวกเราจึงตัดสินใจจะออกจากเขาเมฆา และเสาะหาสถานที่ที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก เพื่อใช้ชีวิตอย่างสันโดษที่นั่น คนเผ่าอวิ๋นหุนก็จะอพยพออกจากเขาเมฆา ต่อไปจะไม่มีเขาเมฆาและเผ่าอวิ๋นหุนอีก สำหรับเผ่าอวิ๋นหุนแล้ว แม้หินเซิ่งอวิ๋นจะเป็นสมบัติล้ำค่าประจำเผ่า ทว่านับเป็นหายนะเช่นกัน หากมีหินเซิ่งอวิ๋นอยู่ในเผ่า ไม่ว่าไปที่ใด คนของโลกเขตแดนก็จะไม่มีวันปล่อยเผ่าอวิ๋นหุนแน่นอน มิสู้มอบให้อยู่ในมือของผู้ที่มีวาสนา หินเซิ่งอวิ๋นจะได้กลายเป็นหินเซิ่งอวิ๋นอย่างแท้จริง และสามารถแสดงพลังอันน่าอัศจรรย์ของมันออกมาได้”
ซูจิ่นซีหรี่ตาลงเล็กน้อย “องค์ชายช่างมีสติปัญญาล้ำเลิศเสียจริง มอบหินเซิ่งอวิ๋นให้พวกเราทั้งสอง ขณะเดียวกันก็นำทางพวกเราไปยังโลกเขตแดน ข้าคิดว่า เรื่องดีเช่นนี้จะมีในโลกได้อย่างไร”
องค์ชายตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าไม่ได้ปฏิเสธ “แม่นางซูกลัวหรือ? ”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากกว้างกว่าเดิมเล็กน้อย และยื่นมือออกไปรับหินเซิ่งอวิ๋น “ไม่มีเรื่องใดบนใบโลกนี้ที่ซูจิ่นซีหวาดกลัว”
นางเป็นพระชายาของเยี่ยโยวเหยา เยี่ยโยวเหยาไม่อนุญาตให้นางอ่อนแอ และนางก็ไม่ยอมให้ตนเองขี้ขลาด
หลังออกมาจากเมืองอวิ๋นหุน อาอวี่พาซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นไปยังเขตเวทมนตร์ม่านจันทรา ระหว่างทาง ซูจิ่นซีได้นำหินเซิ่งอวิ๋นออกมาให้อวิ๋นจิ่น “จะจัดการอย่างไร? ” อย่างไรเสีย หินเซิ่งอวิ๋นก็เป็นสิ่งที่องค์ชายและองค์หญิงมอบให้พวกเขาทั้งสอง
อวิ๋นจิ่นกล่าวโดยไม่ลังเล “รอถึงแดนเวทมนตร์ม่านจันทรา ข้าจะคิดหาวิธีนำหินเซิ่งอวิ๋นผนึกรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพลังภายในของเจ้า หินเซิ่งอวิ๋นเป็นหินจิตวิญญาณแห่งการฝึกตน ตอนนี้มันผสานเข้ากับแสงแห่งเงามืด มีพลังไร้ขีดจำกัด ประจวบเหมาะที่จะช่วยเจ้าในการฝึกตน”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าไม่ต้องการหรือ? ”
อวิ๋นจิ่นเหลือบมองซูจิ่นซีด้วยรอยยิ้ม ทว่าไม่พูดอันใด ท่าทางของเขาดูเอื้อเอ็นดูอย่างมาก
ซูจิ่นซีไม่รู้จะพูดอันใดเช่นกัน
บางที อวิ๋นจิ่นคงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากหินเซิ่งอวิ๋น
เนื่องจากเมื่อพันปีก่อน วรยุทธ์ของเขาถึงขั้นสุดยอดแล้ว แม้ห้าร้อยปีก่อนจะเสียตบะหนึ่งพันปีไปเพื่อรวบรวมวิญญาณ ทว่าห้าร้อยปีที่ผ่านมานี้ วรยุทธ์ของเขาฟื้นฟูอย่างมาก
นอกจากนั้น… นางเคยเห็นวรยุทธ์ของจิ่วหรงมาแล้ว…
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าวรยุทธ์ของเขาสูงส่งเพียงใด รวมถึงนางด้วย อย่างไรก็ตาม นางรู้ดีว่าวรยุทธ์ที่ล้ำลึกจนคาดเดาไม่ได้นั้น ย่อมเหนือกว่าพลังของหินเซิ่งอวิ๋นอย่างแน่นอน
หลังผ่านไปสองชั่วยาม พวกเขาก็เดินทางมาถึงเขตเวทมนตร์ม่านจันทรา พวกเขาออกเดินทางตอนฟ้าใกล้สว่าง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน ทว่าบริเวณโดยรอบเขตเวทมนตร์ม่านจันทรากลับมืดสนิทราวกับกลางคืน
พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่บนเส้นขอบฟ้า ส่องแสงเจิดจ้าเหนือน้ำตกบนภูเขา
เมื่อยืนมองไกลๆ ก็ให้ความรู้สึกราวกับไม่เป็นความจริง
“แม่นางซู คุณชายอวิ๋น ตรงนั้นคือเขตเวทมนตร์ม่านจันทรา เมื่อผ่านเขตเวทมนตร์ม่านจันทราไป ก็เป็นโลกเขตแดน ข้าส่งพวกท่านได้เพียงเท่านี้ คนเผ่าอวิ๋นหุนไม่สามารถเข้าโลกเขตแดนได้”
ซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นยกมือคำนับ และกล่าวว่า “ลำบากท่านแล้ว! ”
หลังจากอาอวี่กลับไป อวิ๋นจิ่นให้ซูจิ่นซีนำหินเซิ่งอวิ๋นออกมาตรวจดูอีกครั้ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าหินเซิ่งอวิ๋นไม่มีปัญหา จึงพูดว่า “ข้าจะนำหินเซิ่งอวิ๋นผนึกรวมกับพลังภายในของเจ้า อย่างไรก็ตาม พลังสยบมังกรที่ซ่อนจะถูกดึงออกมาอย่างสมบูรณ์ และพลังภายในของเจ้าจะก่อเป็นพลังรูปร่างใหม่ เจ้าต้องผสานพลังทั้งสองเข้าด้วยกันอย่างเชื่องช้า คราแรกอาจทำได้ยาก ทว่ามันจะราบรื่นในภายหลัง เพียงเจ้ารวบรวมพลังทั้งสองเข้าด้วยกัน เช่นนั้น คงมีน้อยคนในโลกเขตแดนที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้”
“ดีถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? ” ซูจิ่นซีเล่นกับหินเซิ่งอวิ๋นในมือ “เจ้าพูดว่า คงมีน้อยคนในโลกเขตแดนที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้ เช่นนั้น ข้ายังมีคู่ต่อสู้อีกหรือ? ผู้ใดกัน? ”
อวิ๋นจิ่นมองซูจิ่นซูอย่างเอ็นดู “คนของแดนวิญญาณ แดนมาร แดนปีศาจ รวมถึงผู้นำดินแดน ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ทว่า… ผู้นำดินแดนนรกทั้งเก้า… ค่อนข้างพูดยาก คนผู้นี้แปลกประหลาด ลึกลับยากคาดเดา ข้าก็ไม่เคยปะทะฝีมือกับเขาเช่นกัน จึงไม่รู้แน่ชัดถึงความแข็งแกร่ง”
แปลกประหลาด ลึกลับ และพบเจอได้ยาก ต่อให้โชคร้าย เกิดพบเข้า พวกเขาเพียงหลีกเลี่ยง จะได้ไม่เกิดปัญหาใหญ่
ซูจิ่นซีส่งหินเซิ่งอวิ๋นให้อวิ๋นจิ่น “เริ่มเถิด! ”
ทั้งคู่นั่งขัดสมาธิบนพื้น อวิ๋นจิ่นวางหินเซิ่งอวิ๋นไว้ระหว่างฝ่ามือทั้งสอง ก่อนจะค่อยๆ เร่งพลังแสงของหินเซิ่งอวิ๋น
ภายในหินเซิ่งอวิ๋นมีสองพลัง หนึ่งคือพลังของหินเซิ่งอวิ๋นเอง และอีกหนึ่งคือพลังแสงแห่งเงามืด
ดังนั้นจึงมีลำแสงสองเส้น คือแสงสีแดงและสีน้ำเงิน
ลำแสงทั้งสองที่อยู่ระหว่างฝ่ามือของอวิ๋นจิ่น พัวพันกันต่อเนื่องราวกับงู ท้ายที่สุดก็ถูกอวิ๋นจิ่นผสานเข้าด้วยกัน ก่อนจะค่อยๆ ส่งผ่านเข้าสู่ร่างกายของซูจิ่นซี รอบตัวของนางเริ่มมีลำแสงสีแดงและสีน้ำเงินไหลออกมา ทั่วทั้งร่างเปล่งแสงเจิดจ้า
ซูจิ่นซีรู้สึกได้ว่าพลังสยบมังกรเดือดพล่านไม่หยุด หลังจากนั้น พลังใหม่ก็เคลื่อนที่ไปทั่วร่างและระหว่างเส้นลมปราณพิเศษทั้งแปดอย่างต่อเนื่อง มันทะลุผ่านทุกข้อกระดูกและจุดชีพจรของนาง ทั้งรุนแรง ทั้งแข็งแกร่ง จนซูจิ่นซีแทบยืนหยัดไม่ไหว
เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบค่อยๆ ผุดขึ้นมาที่หน้าผากของซูจิ่นซี ร่างกายของนางเริ่มโงนเงน อวิ๋นจิ่นดึงมือของซูจิ่นซีมาถ่ายทอดพลัง เพื่อจัดการกับพลังทั้งสอง
เขาพูดเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “รวบรวมพลังปราณ ตั้งสมาธิจัดการกับพลังทั้งสอง”
ซูจิ่นซีพยายามสงบจิตใจที่กระวนกระวายของนาง และจัดการกับพลังทั้งสองอย่างผ่อนคลาย
ซูจิ่นซีเริ่มควบคุมพลังทั้งสองได้ชำนาญขึ้นทีละนิด อวิ๋นจิ่นจึงถอนพลังกลับ และวางใจให้ซูจิ่นซีจัดการเพียงลำพัง
มีเพียงความสามารถของตนเองจึงจะควบคุมพลังหินเซิ่งอวิ๋นกับแสงแห่งเงามืดได้ จากนั้นจึงผสานเข้ากับพลังสยบมังกร พลังเหล่านี้ก็จะถูกนางควบคุมไว้อย่างแท้จริง
ลำแสงรอบตัวซูจิ่นซียังคงรุนแรง และมีแนวโน้มว่าจะแข็งแกร่งขึ้น เบื้องหน้าคือเขตเวทมนตร์ม่านจันทรา มีอันตรายรอบด้าน ลำแสงรุนแรงเช่นนี้สะดุดตาเกินไป อวิ๋นจิ่นจึงสร้างเขตเวทมนตร์ปกคลุมซูจิ่นซีไว้ตรงกลาง และนั่งลงเคียงข้าง ปกป้องซูจิ่นซีจนกว่านางจะควบคุมพลังได้ จึงออกจากเขตเวทมนตร์
เวลาผ่านไปสองชั่วยาม กว่าซูจิ่นซีจะควบคุมพลังทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยมาถึงช่วงบ่ายแล้ว
เมื่อซูจิ่นซีค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขตเวทมนตร์ของอวิ๋นจิ่นก็ถูกทำลาย ดัง ‘ครืน’ ดวงตาของนางแจ่มชัด และรู้สึกเพียงว่าทั่วร่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
“จี๊ด จี๊ด จี๊ด” จิ้งจอกน้อยมุดออกมาจากแขนเสื้อของอวิ๋นจิ่น และส่งเสียงเรียกซูจิ่นซีไม่หยุด ราวกับกำลังแสดงความยินดีกับซูจิ่นซี
สัตว์เทพกิเลนที่อยู่บนแท่นบูชาด้านในอาคมกำไลปี่อั้นก็ตื่นเต้นเช่นกัน มันรู้สึกยินดีกับนายท่านที่ได้เลื่อนระดับขั้น
“ขอแสดงความยินดี วรยุทธ์ของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกขั้นแล้ว! ” อวิ๋นจิ่นแย้มยิ้มอย่างอบอุ่น พลางประสานมือคำนับซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีกำหมัดที่เปี่ยมไปด้วยพลัง “ต้องการลองดูหรือไม่? ”
อวิ๋นจิ่นแย้มยิ้มมุมปากมากขึ้น เขาลูบผมหน้าม้าของซูจิ่นซีด้วยความเอ็นดู ก่อนจะคว้าแขนซูจิ่นซีและเดินออกจากเขตเวทมนตร์
“รอถึงโลกเขตแดน เจ้าก็มีโอกาสให้ทดลอง”
แสงจันทร์กระทบผืนน้ำ สาดส่องลงมาบนร่างของซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่น ซูจิ่นซีรู้สึกเพียงว่า ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ความจริง อย่างไรก็ตาม เหตุใดนางจึงรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก
การกระทำที่คุ้นเคย รูปร่างที่คุ้นเคย