Ch.21 – เหล่านักศึกษาใหม่

Translator : Asiran / Author

 

ตอนที่ 21 – เหล่านักศึกษาใหม่

 

รุ่งสางเป็นเวลาที่ดีที่สุดของวัน

พิธีเปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยตงเจียงที่หนึ่งปีมีครั้งเดียวจะเริ่มตอนเก้าโมงเช้าที่สนามกีฬาใหญ่ เวลายังไม่ถึงแปดโมงครึ่งคนก็เต็มสนามแล้ว สนามถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่ของคณะต่าง ๆ ทุก ๆ คนต่างก็มองหาพื้นที่ของตัวเอง

พอเก้าโมงห้านาที ก็เรียกได้ว่าครูนักศึกษาทุกคนเข้าประจำที่กันหมดแล้ว เหออวี้และม่อเซี่ยนเองก็มาถึงสนามในช่วงเวลานี้ เรียกได้ว่าเดินเข้ามาจากขอบสนามท่ามกลางสายตาจับจ้องของอาจารย์นักศึกษาทั่วทั้งมหาวิทยาลัย

เหออวี้อดอยากจะเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีกหน่อยไม่ได้ แต่ว่าม่อเซี่ยนที่เดินมาด้วยกันก็ยังเดินไม่เร็วไม่ช้าอย่างสงบนิ่ง พูดกับเหออวี้ท่ามกลางสายตาจ้องมองของครูนักศึกษาทั้งหมดอย่างสงบนิ่งสุด ๆ ว่า “มาสาย”

“เออ” เหออวี้จนใจ

บทสนทนาของเขากับเพื่อนร่วมห้องก็ยังมีสไตล์สั้น ๆ ห้วน ๆ เหมือนเมื่อคืน ว่าง่าย ๆ คือพูดกันสามประโยคก็หมดเรื่องคุยแล้ว ม่อเซี่ยนดูจะไม่มีความสนใจการพูดเรื่อยเปื่อยสักเท่าไหร่ มีความสามารถที่จะฆ่าบทสนทนาใด ๆ ให้ตายสนิทในไม่กี่คำ พอคิดว่าจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับเจ้านี่ถึงสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยแล้วเหออวี้ก็ปวดหัวขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะสติแตกขึ้นมาในวันไหนหรือไม่

ทั้งสองคนพบที่ที่กำหนดไว้สำหรับคณะของพวกเขา เด็กใหม่ที่เพิ่งจะรายงานตัวไปเมื่อวานต่างก็ได้มาพบหน้ารวมกลุ่มกันเป็นครั้งแรก ที่จริงบางคนก็ได้พบเพื่อนนักศึกษามาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ว่าเหออวี้กับม่อเซี่ยนล้วนกลับหอมาดึก ทุกคนล้วนรู้สึกแปลกหน้า ไม่รู้ว่านี่เป็นคนจากคณะของพวกเขารึเปล่า จนกระทั่งทั้งสองคนเดินไปต่อท้ายแถวจึงจะยืนยันได้

ยังไม่ทันได้ทำความรู้จักกับเพื่อนนักศึกษาคนไหน ทั้งสองคนมายืนได้ยังไม่ถึงนาทีพิธีเปิดก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ พิธีการก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ คำพูดอย่าง “เดือนเก้าฤดูใบไม้ร่วง ดอกส้มส่งกลิ่นหอม” อะไรนี่ในเมืองตงเจียงที่ดอกไม้ผลิบานก็พูดกันมาจนเบื่อแล้ว นักศึกษาที่มาจากเมืองนี้ต่างก็รู้สึกเบลอ ๆ อย่างกับว่าตัวเองไม่ได้เลื่อนขึ้นมาเรียนระดับมหาวิทยาลัย แต่เหมือนกับว่าแค่เลื่อนชั้นจากระดับมัธยมขึ้นมาอีกหนึ่งปี

ท่ามกลางเสียงปรบมือเปาะแปะ สุนทรพจน์ของอธิการบดีก็จบลง

“ลำดับต่อไปขอเชิญตัวแทนนักศึกษา นักศึกษาซูเก๋อจากคณะบริหารขึ้นมาพูดครับ”

ลำดับต่อไปของงานพิธีกลับมีเสียงตอบรับที่กระตือรือร้นกว่าสุนทรพจน์ของอธิการบดีเยอะมาก จากด้านของนักศึกษาชั้นปีสูงยิ่งปรบมือกันดังสนั่น เหล่าเด็กใหม่ที่ไม่เข้าใจพอฟังแล้วไม่ต้องถามใครก็เข้าใจว่ารุ่นพี่ซูเก๋อคนนี้มีศักดิ์ฐานะในหมู่นักศึกษา ต่างก็ซุบซิบถามไถ่กันยกใหญ่

ที่แท้ก็เป็นเขา

เหออวี้คิดในใจเงียบ ๆ เขาเองก็อยู่ห่างไกล เห็นตัวซูเกอเล็กนิดเดียว แต่ในที่สุดก็รู้ว่านี่คือพี่ใหญ่ที่มีอิทธิพลที่สุดในแวดวง The Kings ของมหาวิทยาลัยตงเจียง ไม่เพียงแต่เป็นคนที่เล่นเกมเก่งที่สุดในหมู่นักศึกษาทุกคนเท่านั้น แต่ยังสามารถมายืนบนเวทีนี้เป็นตัวแทนของนักศึกษาของทั้งมหาวิทยาลัยได้ พูดได้เต็มปากว่าซูเก๋อนั้นเป็นตัวแบกเกมที่แข็งแกร่งในทุก ๆ ด้าน ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่อง “ฟาร์มให้เกิด” พวกนั้น

“อาจารย์ เพื่อนนักศึกษา ทุกคน สวัสดีครับ…”

“…ขอบคุณครับทุกคน”

หลังจากโดนเสียงปรบมือขัดคำพูดไปหลายรอบ ซูเก๋อก็จบสุนทรพจน์ของตัวเองลงได้ในที่สุด เดินลงมาท่ามกลางเสียงปรบมือดังยาวนาน พิธีการกำลังเข้าสู่ลำดับต่อไป นักศึกษาใหม่เริ่มตั้งใจชมดู หลังจากตัวแทนของนักศึกษาพูดแล้วก็เป็นสุนทรพจน์ของตัวแทนนักศึกษาใหม่ ลำดับขั้นตอนแบบนี้ทุกคนล้วนคุ้นเคยกันดี เพียงแต่สงสัยกันว่านักศึกษาใหม่คนไหนที่จะได้กลายมาเป็นตัวแทนของนักศึกษาใหม่นับพันที่เพิ่งจะเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้

“ลำดับต่อไปขอเชิญตัวแทนนักศึกษาใหม่ นักศึกษาใหม่คณะวิทยาศาสตร์ม่อเซี่ยน ขึ้นมาพูดครับ”

“เอ๊ะ” ในขณะที่นักศึกษาใหม่คนอื่นยังมองซ้ายมองขวาอยู่ เหออวี้ก็หันหน้าไปมองม่อเซี่ยนอย่างแปลกใจ เขาพบว่าตัวเองก็ยังดูแคลนเพื่อนร่วมห้องของเขาคนนี้ไปแล้ว เนิร์ดเหรอ เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยมาก็กลายมาเป็นตัวแทนของนักศึกษาใหม่ร่วมพันคนได้นี่เกรงว่าคงจะเป็นเนิร์ดในหมู่เนิร์ดแล้ว

ภายใต้สายตาตกตะลึงของเหออวี้ สีหน้าของม่อเซี่ยนก็ไม่ได้แตกต่างจากตอนที่เขาล้างหน้าแปรงฟันเลย เขาเดินออกจากแถว ไม่สนใจสายตาจ้องมองอย่างสนใจนับไม่ถ้วน เดินไม่เร็วไม่ช้าขึ้นไปบนเวที เริ่มพูดสุนทรพจน์อย่างไม่เร็วไม่ช้า สีหน้าสงบนิ่งเฉยชาเหมือนกับตอนที่เหออวี้ปิดไฟแล้วเขาก็กล่าวขอบคุณ

ม่อเซี่ยนกล่าวสุนทรพจน์จบ เสียงปรบมือที่ได้รับน้อยกว่าซู่เก๋อที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม แต่ได้รับความประทับใจแรกที่ลึกซึ้งพอควร ไม่ใช่ว่าบทพูดของเขามันสร้างสรรค์กว่าคนอื่น แต่เป็นความชื่นชมเขาที่สงบนิ่งอยู่ได้บนเวทีท่ามกลางสายตานับหมื่นตั้งแต่ต้นจนจบ

ใจเย็น ๆ เราชนะได้น่า

ไม่รู้เพราะอะไร จู่ ๆ ประโยคนี้ก็ดังขึ้นมาในใจของเหออวี้ เขารู้สึกว่าสภาวะจิตใจของม่อเซี่ยนที่อยู่บนเวทีมันเหมาะกับคำพูดนี้มาก

หลังจากพิธีเปิดจบลง ห้องเรียนส่วนมากก็มีการชุมนุมเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะสำหรับพวกนักศึกษาใหม่ พวกเหออวี้ถูกพาไปที่อาคารเรียนของคณะวิทยาศาสตร์ เข้าห้องไปตามแต่ห้องเรียน

ภาควิชาฟิสิกส์ของเหออวี้มีนักศึกษาอยู่ 112 คน แบ่งออกเป็นสี่ห้อง ห้องเรียนทั้งสี่อยู่ที่ชั้นหนึ่งของอาคารเรียน ไม่ว่าตอนนี้จะเข้าไปในห้องไหนก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศไม่ค่อยอบอุ่นสักเท่าไหร่ เสียงปรบมือที่ดังมาเป็นระยะฟังดูกระจัดกระจายและไม่เต็มใจ

ในห้องเรียนที่สามของเหออวี้ เหล่านักศึกษาใหม่ต่างก็มองหน้ามองหลัง มองซ้ายมองขวา เกือบทุกคนในห้องต่างก็มองหาว่าดอกไม้อันแสนสำคัญมารึยัง และสุดท้ายก็พบว่าในห้องเรียนแห่งนี้ไม่มีนักศึกษาหญิงแม้แต่คนเดียว

ใช่แล้ว ในภาควิชาฟิสิกส์ที่ชายมากหญิงน้อยนี้ รุ่นของพวกเหออวี้ได้ขึ้นถึงจุดสูงสุด ตามที่นักศึกษาใหม่ผู้รอบรู้บอกมา ในหมู่นักศึกษาใหม่ 112 คนรุ่นของพวกเขา นักศึกษาหญิงมีเพียงสองคน อัตราส่วนระหว่างนักศึกษาชายหญิงพุ่งไปถึง 56 ต่อ 1 อย่างที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน เป็นสถิติที่สูงที่สุด น่าสมเพชที่นักศึกษาหญิงที่มีเพียง 2 คนนั้นต่างก็ไม่ได้ถูกจัดมาที่ห้องเรียนที่สาม เด็กหนุ่มอายุสิบแปดจำนวนยี่สิบแปดคนมาชุมนุมกัน ไม่มีใครสนใจการแนะนำตัวของตัวผู้คนอื่นสักนิดเดียว แม้จะเป็นม่อเซี่ยนที่เพิ่งจะขึ้นเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่ที่ได้ขึ้นไปพูดต่อหน้าครูนักศึกษาทั่วทั้งสถาบันก็ตาม เขาได้รับการปรบมือให้อย่างอบอุ่นก็เพียงเพราะว่าการแนะนำตัวของเขามันสั้นเป็นพิเศษเท่านั้นเอง ทำให้ทุกคนไม่ต้องเสียเวลา

อาจารย์ประจำห้องเรียนของพวกเขาที่แซ่เริ่นก็เป็นนักศึกษาบัณฑิตศึกษาที่นี่ อายุไม่มากเท่าไหร่ แล้วก็เป็นเหมือนกับนักศึกษาทั้งห้อง คือเป็นผู้ชาย เขาไม่ได้สนใจการแนะนำตัวอย่างจำใจของเหล่านักศึกษาทั้งชั้นสักเท่าใด แต่มีสีหน้า “ฉันรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นงี้” อย่างยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ด้านข้าง รอจนการแนะนำตัวอย่างรีบร้อนของนักศึกษาใหม่ทั้งยี่สิบแปดคนผ่านพ้นไปก็ขึ้นไปบนโพเดี้ยมโดยไม่ได้ปกปิดสีหน้าเยอะเย้ยเลยแม้แต่น้อย

“ตอนที่มารายงานตัวที่ภาควิชาฟิสิกส์พวกคุณก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วนะว่าจะเป็นแบบนี้” อาจารย์เริ่นผายมือออกไป แสดงความเห็นใจออกมาเล็กน้อย ทั้งห้องร้องโห่โดยพร้อมเพรียง

“เอาล่ะ ผมหวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่เศร้าที่สุดของพวกคุณหลังจากเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยแล้วนะ ผมหวังว่าอีกสี่ปีต่อจากนี้ของพวกคุณจะยอดเยี่ยม นักศึกษาม่อเซี่ยน คุณเป็นหัวหน้าห้องของเราไปก่อนชั่วคราวนะ หลังจากที่นักศึกษาทุกคนคุ้นเคยกันแล้วสักพักเราค่อยมาเลือกหัวหน้าห้องกันใหม่ วันนี้พอแค่นี้ ไปได้!” อาจารย์ที่รู้ดีว่าเหล่านักศึกษาต้องการอะไรก็ไม่พูดยืดเยื้อ กล่าวปิดการพบปะของห้องเรียนอย่างเรียบง่าย แต่กลายเป็นว่าไม่มีนักศึกษาคนไหนเลยที่มองดูเขา สายตาของทุกคนหันไปจับจ้องที่ประตูห้องเรียน

เป็นเพราะว่าจิตใจของนักศึกษาใหม่ที่อยากได้สาว ๆ ในห้องยังไม่มอดลงสนิท อยู่ดี ๆ ก็ได้เห็นสาวสวยคนหนึ่งมาปรากฏตัวที่ปากประตูห้อง ใครมันยังจะไปสนใจว่าอาจารย์พูดอะไรกันอีกล่ะ

ผลก็คือสาวคนนั้นพูดตอบคำพูดของอาจารย์ก่อนเป็นอันดับแรกเลย

“จบยังคะ” เธอกล่าวแล้วโบกมือเข้ามาในห้อง “เหออวี้ ออกมา”

โห่!

ทั้งห้องผิดหวังสุด ๆ ทั้งหมดเพิ่งจะแนะนำตัวกันไป ยากที่ทุกคนจะลืมเลือนไปหมดแล้วว่าใครเป็นใคร ต่างหันไปมองหาเหออวี้โดยพร้อมเพรียงกันด้วยสีหน้าต่าง ๆ นานา มีแต่ม่อเซี่ยนที่ยังคงมีสีหน้าปกติ แต่ก็ลุกขึ้นมาให้เหออวี้ที่นั่งข้างหลังเดินออกมาได้

…………………………………………………..

ถถถถถถถถ