หลังจากจบรายการการเดินทางสู่การค้นพบ ภาพบนจอกลับมิได้ตัดกลับไปยังห้องส่งเหมือนเมื่อครู่นี้ กลับปรากฏภาพท้องฟ้าสีฟ้าสดใสขึ้นพร้อมกับท่วงทำนองเพลงที่ทุกคนต่างคุ้นเคยกันดี

ตรงใจกลางท้องฟ้ามีวัตถุรูปร่างเหมือนกระสวยที่สร้างจากโลหะลอยอยู่ รูปลักษณ์ดูปราดเปรียวและมีสีสันสดใส ดูสะดุดตาอย่างยิ่ง

“รายการอะไรกันนี่”

“พวกเขาจะให้เราได้สัมผัสกับประสบการณ์การบินงั้นหรือ”

ด้วยเพิ่งจะได้เห็น ‘ทุ่งหญ้า’ กับ ‘มหาสมุทร’ มาเมื่อครู่นี้ ผู้ชมจึงหันมาคุยกันเองด้วยความงุนงงและคาดเดาถึงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้อย่างตื่นเต้น

“การออกแบบรูปลักษณ์อันสร้างสรรค์ วงแหวนแปลงพลังงานแสนล้ำสมัย ความเร็วที่ยากจะมีผู้ใดเทียม และระบบคุ้มกันที่ไม่มีทางทำลายลงได้…” น้ำเสียงชวนติดตามของบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยแนะนำเรือบินอย่างเร้าใจ ในขณะที่เรือบินบนท้องฟ้าย้ายมุมไปมาไม่หยุดตามคำพูดของเขา คอยนำเสนอเวทมนตร์พิเศษของมัผู้ชมทุกที่ต่างอึ้งงัน โลกของเรือบินนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อมเกินไปสำหรับพวกเขา นอกจากนี้ บุรุษเจ้าของเสียงก็บรรยายถึงมันไว้สมบูรณ์แบบเสียจนแม้แต่ขุนนางเล็กๆ ยังดูจะไม่มีกำลังซื้อหามาได้

เรือบินค่อยๆ โรยตัวลงต่ำ จนกระทั่งมองเห็นเมืองทางด้านล่าง ทัศนียภาพของตัวเมืองเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ภาพจัตุรัสที่มีผู้คนอัดแน่นจะปรากฏสู่สายตา

จัตุรัสนั้นเบียดเสียดอัดแน่นจนดูราวกับเกิดน้ำหลาก ในขณะที่ท้องฟ้าที่เรือบินลอยอยู่นั้นดูกว้างใหญ่และว่างเปล่า ดูแตกต่างกันอย่างยิ่ง

เรือบินหยุดอยู่เหนือจัตุรัสและมองลงมายังฝูงชนที่ดูราวกับมด ทำให้เหล่าผู้ชมที่มองภาพจากมุมมองของเรือบินต่างรู้สึกว่าพวกตนช่างสูงส่งและยิ่งใหญ่อย่างไรมิทราบ ทว่า เมื่อพวกเขาตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วตนเองคือฝูงชนตรงจัตุรัสที่ถูกจ้องมองลงมา ก็ให้รู้สึกซับซ้อนสับสน

‘นี่คือมุมมองและทัศนคติของเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่อย่างนั้นหรือ’

ภาพบนจอค้างที่ตรงนั้น แล้วน้ำเสียงแสนดึงดูดใจของบุรุษก็ดังขึ้นกึกก้อง “‘เรตัน’ โมเดลที่สาม คือเรือบินที่คุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุดแห่งปี 829 ติดต่อ XXX เพื่อสั่งซื้อได้ทุกเมื่อ…”

ในตอนนั้นเอง ผู้ชมที่รับฟัง ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ และรายการวิทยุอื่นๆ มาหลายปี ในที่สุดก็เข้าใจได้ว่านี่คือโฆษณา กระทั่งโฆษณายังบันเทิงใจถึงเพียงนี้!

เมื่อพวกเขานึกย้อนถึงความรู้สึกยามล่องลอยอยู่บนเรือบิน และนึกไปถึงราคาของมัน ซึ่งคงจะต้องแพงมหาศาล เหล่าคนหนุ่มต่างก็ทดท้อและทะยานอยากในคราวเดียวกัน สักวันหนึ่ง ‘ข้าจักประสบความสำเร็จ และข้าจักก้มลงมองทุกคนจากเรือบินในยามที่ข้าอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิต!’

ขณะกำหมัดแน่น พวกเขาก็นึกไปถึงบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ตลอดมาต่างครอบครองเรือบินและอภิสิทธิ์ของชนชั้นสูงทุกรูปแบบเท่าที่มีมา ฉับพลันนั้นพวกเขาก็เกิดความรู้สึกมากมายปะปนกัน

“ถัดไปคือ ‘บันเทิงกีฬา’ เราจะฉายภาพงานแข่งขันการบินระหว่างสำนักเวทมนตร์อัลลินและสำนักเวทมนตร์นกฮูกแพฟอส ในการแข่งขัน ผู้ท้าชิงสามารถใช้ทักษะการบิน เรือบิน ไม้กวาดเวทมนตร์ สัตว์เวทที่เลี้ยงไว้ และวิธีการทั่วไปซึ่งส่งเสริมด้านการบิน กรรมการจากคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาจะมอบคะแนนให้ตามผลงานการบินของพวกเขา ซึ่งจะมีสิ่งกีดขวางรออยู่มากมาย และรวมถึงระยะเวลาที่ใช้ในการบินครบรอบ…” ครั้งนี้เป็นผู้ดำเนินรายการอีกคนหนึ่งที่พูดอธิบาย

ต้องขอบคุณหนังสือพิมพ์และสถานีวิทยุที่มีเพิ่มมากขึ้น ผู้ชมทุกคนจึงคุ้นเคยกับงานแข่งขันการบินเป็นอย่างดี ซึ่งมีการจัดในสำนักเวทมนตร์มานาน ทว่า ความเข้าใจของทุกคนนั้นมีพื้นฐานมาจากถ้อยคำและน้ำเสียง มิเคยรู้ว่าเกมการแข่งขันนี้แท้จริงเป็นเช่นไร ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงถูกรายการดึงดูดความสนใจ และยังถึงกับลอบก่นด่าบรรดานักเวทที่ไม่ยุติธรรมมากพอ ซึ่งปกติพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวโทษ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วขณะฉายรายการรูปแบบใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อ ‘ไนติงเกล’ ประกาศว่าการถ่ายทอดผ่านดาวเทียมในครั้งนี้จบลงแล้ว ฝูงชนในจัตุรัสต่างก็ไม่อยากจะกลับบ้านไป พวกเขาจ้องมองจอภาพด้วยความกระเหี้ยนกะหือรือ ใจหวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ให้มีการปล่อยสัญญาณถ่ายทอดรายการต่อไปในยามนี้

“เหตุใดจึงออกอากาศเพียงสัปดาห์ละครั้งเองเล่า…” บิดามารดาของลองแมน และสามัญชนคนอื่นรอบๆ นั้นต่างเอ่ยด้วยความเสียดายและด้วยแรงปรารถนาอันเต็มเปี่ยม

‘การเดินทางสู่การค้นพบ’ กับ ‘พงศาวดาร’ คือรายการโปรดของลองแมน เขากล่าวด้วยท่าทางราวกับต้องมนตร์และน้ำเสียงเสียดายยิ่ง “ท่านหญิงไนติงเกลกล่าวไว้ว่ารายการในวันนี้ยังไม่เพียงพอต่อการออกอากาศทุกวันมิใช่หรือขอรับ เมื่อไหร่ที่มีรายการมากพอ เราก็จะได้ดูทุกๆ คืน…”

วันนี้ รายการ ‘พงศาวดาร’ นำเสนอสารคดีภาพขาว-ดำที่มีชื่อว่า ‘สงครามระหว่างคลื่นและอนุภาค’

มันบันทึก ‘สงคราม’ ที่เกิดขึ้นมานานกว่าหลายร้อยปีตามสัตย์จริง เริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า ‘แสงและพลังจิตเป็นคลื่นและอนุภาคหรือไม่’ จากนั้นสารคดีก็แนะนำถึงจุดเริ่มต้นการถกเถียงโต้วาทีในช่วงจักรวรรดิเวทมนตร์ การตามล่าหาความจริงของเหล่าจอมเวท การทดลองสุดคลาสสิกและน่าอัศจรรย์ใจทั้งหลาย และเหล่าจอมเวทผู้ทนทุกข์ที่ล้มเหลวกับปัญหา

บรรดาผู้มีอำนาจที่ศีรษะระเบิดกับผู้มีพลังระดับสูงที่ไม่เคยได้ยินชื่ออีกเลยหลังจากที่โลกแห่งปัญญาของพวกเขาพังทลายและถูกแช่แข็งไป ยิ่งเน้นย้ำถึงความยากลำบากและการอุทิศตนให้กับการพัฒนาอาร์คานา

สารคดีนี้ทำให้คนทั่วไปตระหนักถึงความมหัศจรรย์ของอาร์คานาหลังจากที่มันถูกแยกออกจากเวทมนตร์ พวกเขานึกชื่นชมจอมเวททั้งหลายที่ทำการสำรวจธรรมชาติของโลกยิ่งนัก

‘ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากเกิดสงครามครั้งที่หนึ่งระหว่างคลื่นกับอนุภาค และทุกอย่างมาจบลงเช่นทุกวันนี้ได้อย่างไรกัน…’ ลองแมนครุ่นคิดอย่างเหม่อลอย มันดูน่าอัศจรรย์ใจยิ่งกว่า ‘ประวัติศาสตร์เวทมนตร์และอาร์คานาโดยคร่าว’ ที่เขาอ่านในโรงเรียนเสียอีก เขาตั้งตารอชมตอนถัดไปของสารคดีเรื่องนี้…

จู่ๆ บิดาของลองแมนก็หัวเราะร่า “ฮาร์ริตันเพิ่งใช้เงินทั้งหมดไปกับวิทยุเวทมนตร์ เพื่อที่เขาจะได้ฟัง ‘เสียแห่งอาร์คานา’ ที่บ้าน สุดท้ายกลับพลาด ‘การถ่ายทอดผ่านดาวเทียม’ ครั้งนี้”

เขาหัวเราะชอบใจไม่น้อย เป็นเพราะลองแมนมีความสามารถด้านคณิตศาสตร์ เขาจึงพยายามเก็บหอมรอมริบเพื่อการศึกษาในภายภาคหน้าของลองแมน แม้ว่าบุตรชายของตนจะไม่มีความสามารถเวทมนตร์อันยอดเยี่ยม แต่มันก็ยังมีพื้นที่ให้พัฒนาต่อไป ตราบใดที่ลองแมนสามารถศึกษาอาร์คานาจนเชี่ยวชาญโดดเด่น เขาไม่ได้หวังว่าลองแมนจะได้เป็นนักเวทระดับสูงและผู้ทรงอิทธิพลตัวจริง เขาเพียงแต่หวังว่าบุตรชายจะกลายเป็นนักเวทได้ก็เท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่เพื่อนบ้านและสหายของเขาซื้อวิทยุเวทมนตร์แล้วไม่มาที่จัตุรัสอีก เขาก็มักจะรู้สึกแย่กับตัวเองเสมอ

“จริงหรือ ข้าเสียดายแทนพวกเขานัก มันเป็นรายการที่วิเศษ แปลกใหม่ และเป็นสิ่งบันเทิงที่มหัศจรรย์ยิ่ง…” ผู้ชมที่อยู่ใกล้ๆ กันนั้นเอ่ยทวนถ้อยคำของไนติงเกล จากนั้นพวกเขาจึงทอดถอนใจ “จอภาพนี้คงจะแพงกว่าวิทยุเวทมนตร์มากแน่ๆ คงมีเพียงขุนนางระดับสูงเท่านั้นแหละที่จะซื้อไหว บางที ในอนาคตเราคงจะต้องมารวมตัวกันที่จัตุรัสนี้ไปอีกนาน…”

“แม้แต่หุบเขาวิมานก็ยังไม่วิเศษเท่า…”

“ออกอากาศทุกวันเลยมิได้หรือ”

นั่นคือคำพูดที่โจเอล อะลิซ่า และแกรนด์ดยุกแห่งออร์วาริตกล่าวไว้ก่อนจะกลับไป พวกเขาต่างถูกโทรทัศน์ดาวเทียมดึงดูดให้หลงใหลยามรับชม โจเอลนั้นถึงกับเกิดแรงบันดาลใจในการเขียนบทเพลงหลังจากได้ชม ‘การเดินทางสู่การค้นพบ’

“สำหรับข้าแล้ว การชื่นชมการเปลี่ยนการทางสังคมที่เกิดจากอาร์คานาได้กลายเป็นงานอดิเรกที่สำคัญพอๆ กับดนตรีเลยเชียว…” นาตาชาเองก็สนอกสนใจบางรายการของโทรทัศน์ดาวเทียม จากนั้น นางก็เข้าห้องปลีกวิเวกเพื่อฝึกฝนท่ามกลางความเงียบงัน มันคือวิธีการฝึกที่ลูเซียนเสนอแนะ เพราะสามปีที่แสนโดดเดี่ยวในชั้นใต้ดินลึกสุดของอารามหลวงเคยช่วยให้นางเข้าใจถึงพลังโลหิตที่หลอมรวมอยู่ในกายอย่างแท้จริง มันหมายความว่าวิธีการฝึกนี้ดีพอๆ กับการต่อสู้ เขาจึงเสนอให้นางปลีกตัวสักสามวันในทุกๆ เดือน

ลูเซียนเดินเข้าไปในห้องหนังสือแล้วหยิบวารสารหลายเล่มบนโต๊ะขึ้นมา เพื่ออ่านส่วนที่เขายังอ่านไม่จบเมื่อครู่นี้ต่อ

จากนั้น ลูเซียนก็หยิบ ‘ตรวจสอบอาร์คานาประจำเดือนมกราคม’ จากบทคัดย่อ เขาก็พอจะล่วงรู้ถึงความก้าวหน้าในงานวิจัยของทุกสำนักเวทมนตร์ในช่วงเดือนที่ผ่านมา นี่เป็นเพราะวารสารอื่นๆ นอกจากวารสารกระแสหลักอย่างอาร์คานา เวทมนตร์ ธรรมชาติ เวทธาตุ โหราศาสตร์ ฯลฯ แล้ว วารสารส่วนใหญ่นั้นย่อมมีบทความที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ อยู่บ้าง แต่กลับไร้ค่าสำหรับลูเซียน การอ่านทุกบทความคงจะเป็นการเสียเวลาจนเกินไป ดังนั้น เขาจึงอ่านบทคัดย่อแบบผ่านๆ และหากว่าเขาพบบทความที่น่าสนใจ เขาก็จะไปหาเล่มต้นฉบับมาอ่านให้ละเอียดยิ่งขึ้น

‘ตรวจสอบอาร์คานาประจำเดือนมกราคม’ นั้นมีการจัดเรียงหน้าอย่างเป็นเอกลักษณ์ ในทุกๆ หน้า ทางด้านซ้ายจะเป็นชื่อบทความ บทคัดย่อ และคำสำคัญของบทความ และด้านขวาจะเป็นความคิดเห็นจากคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจพื้นฐานของเนื้อหาและคุณค่าของบทความได้โดยเร็วที่สุด

“‘แง่คิดบางประการเรื่องสนามเกจ’?” ลูเซียนพลันเจอหัวข้อที่น่าสนใจ เขาอ่านบทคัดย่อและความเห็น ก่อนจะไปหาวารสารที่ตีพิมพ์บทความนี้มาอ่านโดนละเอียด

หากให้พูดด้วยภาษาทั่วๆ ไป สนามเกจก็คือทฤษฎีที่คาดหวังว่าอุตุนิยามหรือกฎธรรมชาติจะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะมาตรฐานการวัดที่แตกต่างในทุกแง่มุมของกาล-อวกาศ ใครบางคนทำการวิจัยเรื่องนี้ในขั้นตอนการศึกษาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบคลาสสิก หลังจากที่ลูเซียน เฟอร์นันโด และบรูกสร้างทฤษฎีสนามควอนตัมออกมา จอมเวทบางคนย่อมไล่ตามมาทัน

ลูเซียนชื่นชมทฤษฎีนี้เพราะมองเห็นอนาคตที่สดใสของมัน แบบจำลองอนุภาคแบบมาตรฐานนั้นถูกค้นพบจากทฤษฎีนี้ และ ‘อนุภาคพระเจ้า’ ก็มีอยู่เพียงเพื่อแก้ปัญหาเรื่องอนุภาคบางตัวในแบบจำลองที่ไม่มีมวลในตอนที่มันยังเป็นเหมือนโฟตอน

หลังจากอ่านบทความและไม่พบความสำเร็จที่จะสั่นสะเทือนวงการ ลูเซียนก็กลับมาอ่าน ‘ตรวจสอบอาร์คานาประจำเดือนมกราคม’

“ว่าด้วยเรื่องความสมมาตรของอนุภาคขนาดเล็กจิ๋วและข้อพิสูจน์ยืนยัน?” ลูเซียนพบอีกบทความที่น่าสนใจ มันเป็นผลงานของจอมเวทระดับกลาง ผู้ที่เชื่อว่าอนุภาคขนาดเล็กจิ๋วและ ‘ภาพสะท้อน’ ของอนุภาคเหล่านั้นมีความสอดคล้อง ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีความสมมาตร ยกเว้นว่าสปินของพวกมันที่แตกต่างกัน เขาได้นำเสนอสูตรคำนวณอย่างละเอียดและมาตรฐานทางอาร์คานาทั้งหลาย ซึ่งเขาตั้งชื่อให้ว่า ‘การสงวนดุลยภาพ’ และเขายังพิสูจน์ด้วยการทดลองมากมายว่าความสมมาตรนั้นมีอยู่จริง

ความเห็นจากสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาสองคนนั้นแทบจะเหมือนกันเลยทีเดียว “ความสมมาตรคือตัวแทนความงามของอาร์คานาและเป็นกฎพื้นฐานของจักรวาล งานเขียนชิ้นนี้มีคุณค่าในทางปฏิบัติค่อนข้างน้อย แต่การทดลองของเขากับกรอบแนวคิดใหม่ๆ อาจช่วยให้เราได้เรียนรู้มากขึ้น ดังนั้น เขาจะได้รับรางวัลเป็นสี่ค่าชื่อเสียงอาร์คานาและสามสิบคะแนนอาร์คานา”

ผู้เขียนดูจะพอใจกับความเห็นนี้ และเขายังแบ่งงานเขียนออกเป็นสองส่วน เพื่อให้ได้รับรางวัลเพิ่มขึ้นจากการตีพิมพ์กับวารสารอีกด้วย

“การสงวนดุลยภาพ…” ลูเซียนพลันรู้สึกว่าตนอยู่ผิดเวลาและจักรวาล เขาเคาะนิ้วไปบนวารสารเบาๆ

ในตอนนั้นเอง พิน็อกคิโอก็ประกาศว่าดักลาสมาหาเขา

“ลมอะไรหอบท่านมาที่นี่ในยามดึกเช่นนี้กันขอรับ ท่านประธาน” ลูเซียนทักทายอีกฝ่ายด้วยความมึนงง

ดักลาสแย้มยิ้มพลางเอ่ยตอบ “ข้าพร้อมจะเลื่อนระดับแล้วตอนนี้”