ตอนที่ 705 รับมืออย่างไร

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 705

รับมืออย่างไร

“นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว จักรพรรดิหลิวทำแบบนี้ได้อย่างไร”จากงานฉลองเปลี่ยนแปลเป็นงานประชุมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ อาจจะเพราะคนสำคัญของกองทัพต่างอยู่ที่นี่กันหมดแล้วทำให้เหล่าแม่ทัพรองแม่ทัพจับกลุ่มตั้งประชุมกันแทบจะทันทีหลังจากได้ทราบข่าวครั้งนี้

“ข้าจะไปรายงานองค์จักรพรรดิ ระหว่างนี้พวกท่านประชุมกันไปก่อนว่าจะเอาอย่างไรดี”ชายผู้หนึ่งพูดพลางขอตัวออกไปก่อน มันเป็นคนสนิทของจักรพรรดิเพียงไม่กี่คน หน้าที่นี้มอบให้มันนับว่าไม่ผิด

“สนธิสัญญาของเราและอาณาจักรรอบนอกต่างทำขึ้นกับจักรพรรดิไป๋เมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้ตระกูลหลิวขึ้นปกครองแถมยังเปลี่ยนอำนาจทั้งหมดเข้ามาอยู่ในมือของตนอีก พวกท่านคิดว่ามีโอกาสแค่ไหนที่จักรพรรดิหลิวจะคิดการใหญ่”แม่ทัพ 3 อย่างอั้งจินเป่าถามเหมือนจะหาความเห็นจากเหล่าแม่ทัพและรองแม่ทัพโดยรอบ แต่สายตาของมันกลับมองไปทางชิวซุยที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมเฉพาะกิจครั้งนี้เสียด้วยซ้ำ

“………”ชิวซุยส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะทำมือเป็นรูปเลข 0 ให้ท่านอั้งจินเป่าเห็น หลิวซีประกาศสถาปนาอาณาจักรหลิวขึ้นมาใหม่เป็นไปตามแผนของท่านตา ไม่มีใครคิดจะยึดครองอาณาจักรต่างๆมาแต่แรกแล้ว ทุกฝ่ายต่างลงความเห็นว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ยอดเยี่ยมที่สุดแล้วไม่จำเป็นต้องทำอะไร

“จักรพรรดิหลิวต้องโจมตีมาแน่ ทางเลือกของเรามีเพียงสู้หรือยอมจำนนเท่านั้น”แม่ทัพที่ 5 พูดพลางกำหมัดแน่น กองกำลังของอาณาจักรไป๋หรือก็คืออาณาจักรหลิวในตอนนี้นั้นไม่มีใครเทียบเคียงได้หรอก หากต้องเลือกสู้หรือยอมจำนนคำตอบก็แทบจะเหลือเพียงคำตอบเดียวเสียด้วยซ้ำ

“แล้วถ้าอาณาจักรรอบนอกร่วมกันสู้ล่ะ”แม่ทัพ 4 ถามออกมาด้วยท่าทีจริงจัง ร่วมกันสู้งั้นหรือ มันหมายความว่ายังไง

“เจ้าจะบอกว่าให้ร่วมมือกับอาณาจักรอื่นๆโจมตีอาณาจักรหลิวงั้นหรือ”แม่ทัพใหญ่ถามออกมาด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ ไม่มีอาณาจักรไหนรับมือกับอาณาจักรหลิวในตอนนี้ได้ แต่หากรวบรวมกำลังของทุกอาณาจักรละก็…

“ตระกูลหลิวล้มล้างอำนาจของตระกูลไป๋ ข้าเชื่อว่าอาณาจักรชินและอู๋คงไม่ยอมแน่ๆ ตระกูลไป๋เป็นญาติของทั้งสองอาณาจักร ข้าเชื่อว่าความสัมพันธ์ยามนี้ต้องมีรอยร้าวเป็นแน่”แม่ทัพ 5 เสนอสิ่งที่ตนเองคิด ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรใหญ่อย่างไป๋ ชิน และ อู๋ นั้นเป็นที่รู้กันมานานแล้ว แต่ทั้งหมดนั่นเกิดขึ้นเพราะชายเพียงคนเดียว ชายผู้ได้ชื่อว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างไป๋จูเหวิน หากไม่ใช่เพราะชายคนนั้นอาณาจักรไป๋ก็คงไม่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่จักรพรรดิหลิวกลับเลือกทางทรยศจักรพรรดิพระองค์นั้น..

“จริงด้วย ถ้าขัดแย้งกับตระกูลไป๋ เหล่าอสูรก็อาจจะไม่อยู่ในการควบคุมก็ได้”แม่ทัพ 4 พยักหน้าอย่างเห็นด้วย กองทัพอสูรที่น่าหวาดหวั่นนั้นเชื่อฟังแต่ตระกูลไป๋เท่านั้น ตระกูลหลิวไม่มีทางควบคุมกองทัพอสูรเหล่านั้นได้แต่ เมื่อรวมกับความเป็นไปได้ที่ความสัมพันธ์ของอาณาจักรหลิวกับอาณาจักรอู๋และชินจะมีปัญหากันก็หมายความได้อย่างเดียว

“ยามนี้เป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรหลิวอ่อนแอที่สุดสินะ”แม่ทัพ 2 สรุปออกมาตามข้อมูลที่ได้รับ แน่นอนว่าหากเรื่องราวทั้งหมดเป็นการทรยศของหลิวซีจริงก็อาจจะเป็นไปตามที่เหล่าแม่ทัพต่างๆเสนอออกมาก็เป็นได้

“ขอเพียงพวกเรารวบรวมกำลังกับกองทัพอาณาจักรข้างเคียง เราต้องสามารถล้มจักรพรรดิหลิวก่อนที่ฝ่ายนั้นจะบุกมาได้แน่ๆ”แม่ทัพ 5 เสนอออกมา หากสร้างทัพพันธมิตรขึ้นมาแล้วบุกไปตอนนี้ละก็โอกาสที่จะล้มล้างตระกูลหลิวแล้วยึดเอาสมบัติมาละก็อาณาจักรจินเป่ยของพวกมันต้องยิ่งใหญ่ขึ้นหลายเท่าแน่ๆ

“……………….”แม่ทัพ 3 อย่างอั้งจินเป่าเห็นคนอื่นๆเริ่มคล้อยตามก็ทำสีหน้าไม่ถูก มันเองก็ไม่ทราบว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไรกันแน่ รู้แต่ว่าอาณาจักรหลิวไม่ได้จะโจมตีอาณาจักรอื่นๆ รวมถึงตระกูลไป๋ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเพราะตัวไป๋ชิวซุยยังยืนอยู่ในห้องนี้อยู่เลย หากบอกว่าตระกูลหลิวล้มอำนาจของตระกูลไป๋แล้วนางจะยืนคุยเล่นกับหลิวซุนไห่ก่อนหน้านี้ได้อย่างไร

“สือหลง เจ้ามานี่”อั้งจินเป่าเห็นท่าไม่ดีเลยเรียกสือหลงว่าที่แม่ทัพคนต่อไปของมันมาหา ก่อนจะสั่งให้สือหลงไปคุยกับชิวซุยระหว่างที่พวกแม่ทัพกำลังประชุมกันอยู่

“อะไรนะขอรับ”สือหลงได้ยินคำสั่งก็มีสีหน้างุนงงทันที อยู่ๆจะให้ไปถามแม่ค้าที่หลี่เซียนช่วยมาว่าที่อาณาจักรไป๋เป็นอย่างไร แต่นางก็มาจากอาณาจักรไป๋ก่อนที่จะเกิดเรื่องไม่กี่วัน บางทีข้อมูลจากนางอาจจะมีประโยชน์ก็เป็นได้

“ไปถามนางซะว่าท่าทีของอาณาจักรไป๋เป็นอย่างไร แล้วคิดหาข้อสรุปก่อนที่องค์จักรพรรดิจะเรียกพวกเราเข้าพบ”อั้งจินเป่าพูดด้วยท่าทีจริงจังไม่น้อย แม้จะสงสัยว่าข่าวจากแม่ค้าเพียงคนเดียวจะมีผลอะไรแต่สือหลงก็ได้แต่ทำตามคำสั่งของแม่ทัพอั้งจินเป่าเท่านั้น

“แม่นาง ข้าขอคุยด้วยสักครู่ได้หรือไม่”สือหลงเข้าไปหาชิวซุยก่อนจะเอ่ยปากทักทายด้วยท่าทีจริงจัง อีกไม่นานองค์จักรพรรดิคงจะทราบข่าวและเรียกพวกมันเข้าไปพบเพื่อตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป อย่างน้อยมันก็อยากทราบข่าวจากทางฝั่งอาณาจักรไป๋บ้าง

“แน่นอนเจ้าค่ะ”ชิวซุยเห็นสือหลงเข้ามาหาตนแทนที่จะเป็นตัวแม่ทัพอย่างอั้งจินเป่าก็เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย แม่ทัพอั้งจินเป่าก็ฉลาดไม่น้อยเลยที่ส่งสือหลงเข้ามาก็เพื่อให้สือหลงได้รับข้อมูลและตัดสินใจในฐานะแม่ทัพคนต่อไปสินะ

“ตอนนี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้เจ้ายังอยู่ที่อาณาจักรไป๋มีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”สือหลงถามด้วยท่าทีครุ่นคิด ตอนนี้พวกแม่ทัพกำลังตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรกับอาณาจักรหลิวที่พึ่งสถาปนาขึ้นมาแทนอาณาจักรไป๋ จะนิ่งเฉยและยอมจำนนเหมือนหรือรวบรวมกำลังและเข้าสู้ดี

“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทุกฝ่ายเหมือนรู้กันหมดแล้ว ภายในอาณาจักรที่ตอนนี้กลายเป็นอาณาจักรหลิวแล้วสงบสุขเช่นเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”ชิวซุยได้ยินที่พวกแม่ทัพพูดคุยกันก็เข้าใจสถานการณ์ไม่ต่างจากสือหลง เช่นนั้นคำตอบของนางน่าจะทำให้สือหลงเข้าใจได้ไม่ยาก ในเมื่อภายในอาณาจักรหลิวยังคงสงบสุขไม่ได้เกิดการขัดแย้งอะไรก็หมายความว่าเหล่าอสูรยังคงอยู่ข้างอาณาจักรหลิว เท่านั้นก็มากพอที่จะทำให้แผนการบุกล่มแล้ว

“เจ้าแน่ใจนะ เจ้าโดนจับตัวมาตั้งหลายวันอาจจะพลาดข่าวอะไรไปก็ได้”สือหลงถามอีกครั้งด้วยความไม่มั่นใจ มันไม่เหมือนท่านแม่ทัพที่ทราบว่าชิวซุยคือใคร สำหรับอั้งจินเป่าแค่นางส่ายหน้าเพื่อบอกว่าอาณาจักรหลิวจะไม่บุกเข้ามาแค่นั้นก็เป็นสิ่งยืนยันได้มากพอสำหรับอั้งจินเป่าแล้ว แต่สำหรับสือหลงเพียงคำพูดของชิวซุยไม่มากพอจะทำให้มันเชื่อใจ ก่อนหน้านี้มันยังสงสัยนางอยู่เลยว่าเป็นคนวางยาท่านแม่ทัพหรือเปล่า

“ถึงข้าจะบอกว่าเป็นแม่ค้าธรรมดา แต่ข้าเองก็มีเส้นสายไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ….ข้ายืนยันด้วยชื่อของข้าว่าอาณาจักรหลิวยามนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากอาณาจักรไป๋เลยนอกจากชื่อ หากทำอะไรผิดต่อสนธิสัญญาละก็ฝ่ายที่เริ่มจะต้องจ่ายหนักทีเดียว”ชิวซุยตอบด้วยท่าทีฉะฉานอย่างที่สือหลงไม่คาดคิดมาก่อนว่าแม่ค้าคนหนึ่งจะมีท่าทีเช่นนี้ต่อหน้ารองแม่ทัพได้ แต่มันจะเชื่อนางได้จริงๆงั้นหรือ…..

“องค์จักรพรรดิเรียกพวกท่านเข้าพบแล้ว รีบไปกันเถอะ”ในขณะที่สือหลงกำลังลังเลอยู่ว่าจะเชื่อชิวซุยดีหรือไม่ คนสนิทของจักรพรรดิจินเป่ยก็เข้ามาและบอกพวกตนว่าจักรพรรดิได้เรียกทุกคนเข้าพบในทันที ทำให้เหล่าแม่ทัพรองแม่ทัพที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ต่างเดินออกจากงานเลี้ยงเข้าไปในท้องพระโรง แน่นอนว่าสือหลงเองก็ต้องไปด้วยเช่นกัน

“ข้าได้ยินข่าวแล้ว เรื่องสถาปนาอาณาจักรหลิวนั้นเป็นเรื่องน่าตกใจจริงๆ”จักรพรรดิจินเป่ยพูดพลางมองเหล่าแม่ทัพและรองแม่ทัพรวมถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่อีกหลายคนที่เข้ามาเตรียมพร้อมทำหน้าที่ของตนเอง

“องค์จักรพรรดิ เวลานี้สถานการณ์ไม่แน่นอน ท่านคิดว่าพวกเราควรจะทำเช่นไรดี”ท่านเสนาธิการเอ่ยปากถามขึ้นเป็นคนแรก ตอนนี้คนในอาณาจักรคงกำลังแตกตื่นกันไม่น้อยเลย

“ข้าได้ยินว่าพวกแม่ทัพประชุมกันมาแล้ว พวกท่านคิดเห็นว่าอย่างไร”จักรพรรดิจินเป่ยถามพลางมองเหล่าแม่ทัพที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า

“ฝ่าบาท…………”แม่ทัพ 5 ลุกขึ้นก่อนจะพูดเรื่องที่มันคาดเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้โดยมีแม่ทัพ 4 เข้าสนับสนุนเรื่องการรวมทัพระหว่างอาณาจักรรอบนอก แต่ตอนนี้สือหลงกลับไม่ได้ฟังพวกมันเลย มันกำลังคิดว่าเรื่องที่ชิวซุยเล่ามาจริงหรือไม่

พรึบ….

ระหว่างกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อยู่ๆสือหลงก็ได้ยินเสียงกระพือปีกเบาๆในท้องพระโรง เมื่อมองขึ้นไปบนบัลลังก์ที่องค์จักรพรรดิประทับอยู่สือหลงก็พบว่าบนโต๊ะทรงงานของท่านมีนกตัวหนึ่งกำลังเกาะอยู่บนแท่น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีนกส่งสารอยู่ที่นี่ แต่ในยุคสมัยนี้การส่งข่าวต่างใช่ระบบสื่อสารผ่านทางโทรศัพท์หมดแล้วนอกจากการส่งข้อความข้ามอาณาจักรที่ติดปัญหาเรื่องการข้ามเขต เช่นนั้นนกส่งสารที่ตัวนั้นก็เป็นนกที่มาจากอาณาจักรอื่นงั้นหรือ

เป็นไปไม่ได้ที่นกธรรมดาจะบินมาส่งข่าวหลังจากข่าวทางทีวีฉายไป เช่นนั้นนกตัวนั้นน่าจะมาถึงก่อนที่พวกแม่ทัพจะทราบข่าวเสียอีก หรือว่าองค์จักรพรรดิจะทราบอยู่แล้วว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ งั้นท่านก็น่าจะคิดเอาไว้ก่อนแล้วไม่ใช่หรือไงว่าต้องทำอย่างไรทำไมถึงต้องมาขอความเห็นจากแม่ทัพและรองแม่ทัพอย่างพวกตนด้วย

“ท่านแม่ทัพสาม ท่านไม่พูดไม่จาเลยตั้งแต่เข้ามา ท่านไม่มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นหรือ”องค์จักรพรรดิพูดพลางมองมาทางอั้งจินเป่าด้วยท่าทีสงสัย ขณะที่แม่ทัพคนอื่นๆกำลังพูดเรื่องการรับมือกับอาณาจักรหลิว อั้งจินเป่ากลับไม่พูดไม่จาอะไรเลย

“ฝ่าบาท ตอนนี้ข้ากำลังล้มป่วยสมองก็เลยไม่แล่น เรื่องนี้ข้าจะให้รองแม่ทัพของข้าเป็นคนพูดแทนขอรับ”อั้งจินเป่าตอบพลางบอกให้สือหลงเข้ามายืนข้างหน้าเช่นเดียวกับพวกแม่ทัพ การส่งต่อตำแหน่งแม่ทัพไม่ใช่แค่ยกคนผู้หนึ่งขึ้นมาแล้วจะเป็นที่ยอมรับ แถมตอนนี้ชื่อเสียงของหลี่เซียนยังดูดีกว่าในสายตาของแม่ทัพคนอื่นๆ หากปล่อยไปเช่นนี้การขึ้นมาครองตำแหน่งแม่ทัพของสือหลงอาจจะมีปัญหาภายหลังได้ อั้งจินเป่าจึงตัดสินใจใช้ปัญหาครั้งนี้ให้สือหลงได้แสดงความสามารถ แต่คำตอบของสือหลงก็ต้องเป็นคำตอบที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน