หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 981 ตัวอ่อนโคลนโลหิต
เสียงหงส์ฟ้ากระจ่างใสดังสะท้อน
ขณะที่เปลวไฟสีแดงเข้มพวยพุ่งออกจากร่างมั่วหลิง ราวกับว่ากำลังแผดเผาท้องฟ้า ทำให้อุณหภูมิในบริเวณนี้เพิ่มสูงขึ้นจนถึงจุดที่มิติเกิดการบิดเบี้ยว
“เพลิงหงส์ฟ้า!”
ยามนี้จอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าที่กำลังปะทะกับมั่วหลิงก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติในเปลวไฟก็ถึงกับร้องเสียงลั่น จากนั้นเขาไม่ลังเลรีบล่าถอยออกไปทันที ขณะเดียวกันคลื่นหลิงสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากร่าง ก่อตัวเป็นโล่ป้องกันการโจมตีของมั่วหลิง
เขาไม่คิดว่ามั่วหลิงที่ดูอ่อนแอที่สุดจะมีพลังน่าอัศจรรย์เช่นนี้ นอกจากนี้จอมยุทธ์เผ่าวิหคโลกันตร์สามารถสร้างเพลิงหงส์ฟ้าได้อย่างไร?
แม้ว่าเผ่าวิหคโลกันตร์จะมีสายเลือดของวิหคอมตะโบราณ แต่วิหคโบราณก็เป็นสายเลือดพิเศษของหงส์ฟ้า ดังนั้นต่อให้ปลุกสายเลือดดั้งเดิมขึ้นมาได้ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะครอบครองเพลิงหงส์ฟ้า
เผ่าหงส์ฟ้าเป็นเผ่าที่ทรงพลังในโลกสัตว์อสูร พวกเขาสูงส่งและทรงพลัง ดังนั้นพวกเขาจึงมองดูเผ่าพันธุ์อื่นๆ ด้วยสายตารังเกียจจนบางทีแม้แต่เผ่ามังกรก็ไม่ได้อยู่ในสายตา ในขณะเดียวกันก็มีสัตว์อสูรกลางหาวมากมายหลายเผ่าที่มีสะเก็ดสายเลือดหงส์ฟ้าอยู่ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเผ่าพันธุ์เหล่านี้จึงได้โดดเด่นท่ามกลางเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร ดังนั้นเผ่าหงส์ฟ้าจึงมีสถานะสูงส่งมากในหมู่พวกเผ่ากลางหาว
ฉ่า! ฉ่า!
เปลวไฟสีแดงเข้มกวาดออกมา พยายามที่จะแผดเผาสายฟ้าสีดำที่ขวางกั้น จากนั้นก็ปกคลุมอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วภายใต้แววตาหวาดกลัวของจอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้า
อ้ากกกก!
ร่างที่ลุกเป็นไฟถอยหนีจ้าละหวั่นในสภาพที่น่าสมเพช เปลวไฟลุกโชติช่วงปกคลุมไปทั่วสรรพางค์กาย เขาส่งเสียงกรีดร้องออกมา พักใหญ่กว่าเขาจะหมุนเวียนคลื่นหลิงเพื่อดับไฟนี้ แต่ตอนนี้เขาก็ถูกย่างจนแทบสิ้นชีวิต ควันสีดำลอยอ้อยอิ่งอยู่รอบตัวทำให้ดูน่าสงสารมาก
ยามนี้ไม่มีความตั้งใจในการต่อสู้แม้แต่น้อยส่งมาจากเขา เขาไม่กล้ากระโจนลงไปแย่งชิงโคลนโลหิตอีกแล้ว ร่างของเขาถอยกลับไปด้วยความหดหู่
มั่วหลิงและจอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าต่อสู้กันเพียงชั่วอึดใจ ก่อนที่เขาจะประสบพ่ายแพ้ราบคาบ แน่นอนว่ามีส่วนจากการที่เขาประมาทเอง เนื่องจากเขาไม่คิดว่ามั่วหลิงที่ดูอ่อนแอที่สุดจะปกปิดความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขามไว้เช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ทันโต้ตอบตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงจุดที่เขาแพ้ก่อนที่จะกลับมาสู้ต่ออีกได้
เมื่อมั่วหลิงเอาชนะจอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าได้ มู่เฉินซึ่งให้ความสนใจกับการปะทะนี้ก็ถอนสายตากลับมาด้วยความอัศจรรย์ใจ
ที่แท้มั่วหลิงมีทักษะทรงพลังเช่นนี้นี่เอง มิน่าล่ะนางถึงได้ตำแหน่งจากเผ่าวิหคโลกันตร์มา แต่ว่าถ้านางเป็นคนของเผ่าหงส์ฟ้า แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่เผ่าวิหคโลกันตร์ล่ะ?
เผ่าหงส์ฟ้าไม่ได้หัวสูงเหรอ? ทำไมถึงยอมลดตัวมาอยู่ที่เผ่าวิหคโลกันตร์ได้?
มู่เฉินส่ายหัวอย่างงงงวย จานแสงมังกรคชสารในมือปะทะเข้ากับร่างจอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าอีกคน
ตู้ม!
ทันทีที่เกิดการปะทะกัน จอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าก็มีท่าทางเปลี่ยนไป เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่อธิบายไม่ได้ ในคลื่นพลังงานเหมือนจะเปล่งเสียงคำรามจากมังกรและคชสารอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้คลื่นพลังงานกระแทก การป้องกันของจอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าก็ถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์ จนถึงจุดที่ก่อนเขาจะสามารถหมุนเวียนคลื่นหลิงได้อีกครั้ง เขาก็เห็นจานแสงมังกรคชสารทะลุผ่าแนวป้องกัน ซัดลงบนหน้าอกตัวเองจังใหญ่
อ็อก! อ็อก!
เลือดสดกระอักออกจากปาก จอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าคนนั้นก็ถลากลับไปในสภาพที่น่าสมเพช บาดแผลของเขาลึกมากจนมองเห็นกระดูก ความหวาดกลัวอัดแน่นเต็มใบหน้า
มนุษย์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร? ในการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่ เขาสามารถบอกได้เลยไม่ว่าจะเป็นในแง่ของพลังกายหรือความหนาแน่นของคลื่นหลิง มู่เฉินก็ชนะเขาทุกทาง
มนุษย์คนนี้เล่นบทเป็นหมูกินเสือชัดๆ!
ขณะที่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง จอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าก็ใช้โอกาสที่ได้รับบาดเจ็บร่นถอยไป เขาไม่กล้าคิดอะไรเกี่ยวกับอุกกาบาตลูกนี้อีกต่อไป เพราะเขารู้ว่าพวกเขาตัดสินผิดพลาดในครั้งนี้แล้ว แม้ว่าการรวมกลุ่มของเผ่าวิหคโลกันตร์จะดูอ่อนแอ แต่ก็เป็นเพียงหน้าฉากเท่านั้น
จอมยุทธ์สองคนที่พยายามแย่งชิงโคลนโลหิตถูกอัดจนเละทันที ส่งผลให้ใบหน้าของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดสองที่ขัดขวางจิ่วโยวและมั่วเฟิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ณ จุดนี้พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าครั้งนี้ถูกหลอกโดยคู่ต่อสู้แล้ว
“ดี ดี ช่างคิดกลยุทธ์นักนะไอ้พวกวิหคโลกันตร์!” ชายชุดคลุมสีดำกัดฟันแน่นพูด
ทว่าจิ่วโยวและมั่วเฟิงไม่สนใจพวกเขา กลับซัดโจมตีดุเดือดเพิ่มขึ้น ทำให้จอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าที่เข้ามาขัดขวาง ไม่สามารถแบ่งความสนไปที่มู่เฉินและมั่วหลิงได้
ขณะที่จิ่วโยวและมั่วเฟิงพุ่งเข้าโรมรันพันตู มู่เฉินและมั่วหลิงก็พลิ้วตัวลงบนอุกกาบาตก้อนยักษ์ ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน มั่วหลิงกะพริบตาให้มู่เฉินวิบวับพลางหัวเราะเสียงใส “พี่ใหญ่มู่เฉินเป็นยังไงบ้าง?”
มู่เฉินยกนิ้วแม่มือยิ้มกว้างส่งให้ “น่าเกรงขามเกินความคาดหมายของข้ามาก”
เมื่อได้ยินคำชมจากมู่เฉิน ใบหน้าของมั่วหลิงปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุข เผยให้เห็นนิสัยของหญิงสาว
“เจ้าเป็นคนเผ่าหงส์ฟ้าเหรอ?” มู่เฉินถามอย่างสงสัย
เมื่อได้ยินคำพูดนี่รอยยิ้มบนใบหน้าของมั่วหลิงก็แข็งค้างไปชั่วครู่หนึ่ง ดวงตามืดครึ้มลงเล็กน้อย แต่นางไม่ได้ตอบคำถามของมู่เฉิน
เมื่อมู่เฉินเห็นสีหน้านั่น เขาก็อึ้งไป จากนั้นก็เข้าใจว่าน่าจะมีบางเรื่องที่ยากจะบอกให้ผู้อื่นรู้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “เรารีบค้นหาโคลนโลหิตกันเถอะ”
มั่วหลิงพยักหน้า
มู่เฉินยืนบนอุกกาบาตยักษ์ลูกนี้ เมื่อเข้าใกล้เขาถึงได้รู้ว่ารัศมีโลหิตที่อยู่ในหินนี้เกินความคาดหมายของเขามาก
รัศมีโลหิตปะปนออกมาจากพื้นผิวอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุกกาบาตทั้งลูกกลายเป็นสีแดง ดูราวกับปีศาจอย่างไรอย่างนั้น
“ช่างเป็นรัศมีโลหิตที่หนาแน่นนัก…”
เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็อดเลียริมฝีปากไม่ได้ อุกกาบาตลูกอื่นๆ ที่มีโคลนโลหิตก่อนหน้าดูด้อยค่าไปเลยเมื่อเทียบกับลูกนี้
“ไม่รู้ว่าโคลนโลหิตชิ้นนี้ทรงพลังขนาดไหน?” ใบหน้าของมั่วหลิงเต็มไปด้วยความคาดหวัง ตลอดทางพวกเขาไม่เคยเห็นอุกกาบาตที่มีรัศมีโลหิตรุนแรงขนาดนี้ บอกได้เลยว่าโคลนโลหิตในอุกกาบาตลูกนี้มากเกินกว่าที่พวกเขาได้รับเมื่อก่อนหน้าทั้งหมด
“เดี๋ยวรอให้เอาออกมาแล้วก็รู้เอง”
มู่เฉินยิ้มไม่ลังเลอีกต่อไป เขากระแทกฝ่าเท้าลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง พลังงานที่น่ากลัวถาโถมออกไป ทันใดนั้นรอยร้าวก็พล่านไปทั่วราวกับใยแมงมุมที่มีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง อัตราการแพร่กระจายเป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจก็ปกคลุมอุกกาบาตลูกนี้เอาไว้
แม้ว่าฝีเท้าของเขาจะดูอ่อนโยน แต่พลังกายของเขาก็ปลดปล่อยออกมาโดยไม่รั้งไว้สักนิด
รอยแตกขนาดใหญ่แผ่ออกไป อุกกาบาตระเบิด ขณะที่พื้นผิวสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น รัศมีโลหิตก็รุนแรงยิ่งกว่าเดิม
ปัง! ปัง! ปัง!
เมื่อการระเบิดค่อยๆ แพร่กระจายไปยังส่วนลึกของอุกกาบาต สสารสีแดงเลือดขนาดหลายสิบจั้งก็พวยพุ่งออกมา มู่เฉินสามารถมองเห็นลูกกลมโลหิตขนาดเท่าศีรษะคนพยายามทะยานหลบหนี
“คิดหนีเหรอ?”
มู่เฉินยิ้มกับภาพนี้แล้วสะบัดนิ้วไปที่เบื้องหน้า คลื่นหลิงกวาดออกไปห่อหุ้มแสงสีแดงเลือดทันที ก่อนที่จะดึงกลับเข้ามา
กลุ่มแสงเคลื่อนไปที่มู่เฉิน เขายื่นมือออกมาหยิบ พอมองดูมันม่านตาของเขาก็หดตัวอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ริ้วแสงสีแดงก่ำเป็นรูปวงรีที่ดูโปร่งใส แต่กลับมีวัตถุอยู่ในนั้นที่ดูเหมือนตัวอ่อน ซึ่งเป็นตัวอ่อนที่แปลกประหลาดมาก มันไม่ได้อยู่ในรูปของสัตว์อสูรพันธุ์ใดๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีรูปลักษณ์ของสัตว์อสูรหลากหลายพันธุ์ในเวลาเดียวกัน
โคลนโลหิตนี้ไม่ได้อยู่ในรูปแบบเป็นชิ้นเท่านั้น มันดูเหมือนจะมีจิตวิญญาณด้วย
มั่วหลิงอัศจรรย์ใจไปเลยเมื่อมองสิ่งนี้จากด้านข้าง ดวงตาของนางเปล่งประกายระยิบระยับ ก่อนที่จะพูดด้วยความดีใจ “นี่คือตัวอ่อนโคลนโลหิต เนื่องจากรัศมีโลหิตภายในนี้ทรงพลังมาก จึงทำให้มีจิตวิญญาณ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จิตสำนึกจะเกิดในวัตถุนี้ ไม่งั้นผ่านมานับหมื่นปีมันคงสามารถพัฒนาการเป็นสัตว์อสูรแท้จริงได้เลย”
เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดของนาง เขาก็อึ้งไปเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าใจ นี่คงเป็นเหมือนสมบัติธรรมชาติที่สามารถครอบครองจิตวิญญาณหลังจากที่มีพลังมากจนถึงระดับหนึ่ง
“ตัวอ่อนโคลนโลหิตนี้เทียบได้กับโคลนโลหิตนับร้อยที่เราเก็บเกี่ยวมาก่อนหน้าเลย” มั่วหลิงร้องอุทานอย่างดีใจขณะยิ้มกว้าง “ถ้าสิ่งนี้ถูกนำไปขายในตลาดมหาพันภพ น่าจะมีราคาของเหลวจื้อจุนอย่างน้อยห้าล้านหยด”
ของเหลวจื้อจุนห้าล้านหยด
มู่เฉินเบ้ริมฝีปาก กระทั่งเขาก็ยังไม่สามารถนำของเหลวจื้อจุนออกมาได้มากขนาดนั้น ต่อให้เขาเทจนหมดกระเป๋าแล้วก็ตาม
“ดูเหมือนโชคเข้าข้างเราแล้ว” มู่เฉินยิ้มก่อนเก็บตัวอ่อนโคลนโลหิต ตอนนี้อุกกาบาตที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาเริ่มที่จะแตกสลายหลังจากที่ตัวอ่อนโคลนโลหิตถูกสกัด หินทั้งก้อนกำลังจะแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อยในอีกไม่นาน
“ไป”
มู่เฉินบอกมั่วหลิง ทั้งสองทะยานกลับไปที่อุกกาบาตที่อาศัยเดินทางมา
เมื่อเห็นทั้งสองกลับมาแล้ว จิ่วโยวและมั่วเฟิงก็ไม่ได้เปลืองแรงกับจอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าต่อ ทั้งสองทะยานกลับมา
ใบหน้าของชายชุดดำเขียวคล้ำเมื่อเห็นภาพนี้ เขาจ้องไปที่มู่เฉินและมั่วหลิงเขม็งก่อนที่จะกัดฟันกรอด “ดี เผ่าวิหคโลกันตร์ชนะยกนี้ แต่เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ หรอก เมื่อไปถึงดินแดนเสินโซ่พวกข้าจะคิดบัญชีนี้กับพวกแกอีกครั้ง!”
“เชิญมาทวงได้ตลอดเวลาเลย” จิ่วโยวยิ้มอย่างเย็นชา
ชายชุดดำกวาดมองทั้งสี่คนอย่างมืดครึ้ม แต่ก็ไม่พูดอะไรอีกต่อไป เขาหันกลับไปรวมกับพรรคพวกที่รออยู่ก่อน ทั้งสี่เดินทางต่อไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางราวกับหางจุกตูด
มู่เฉินมองทางที่อีกฝ่ายจากไป ก็เข้าใจแล้วว่าความบาดหมางกับเผ่าอีกาสายฟ้าครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ทว่าก็คุ้มค่าสำหรับตัวอ่อนโคลนโลหิตนี้