ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 556 สายฟ้าในวันสดใส

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

พวกจ้าวหมิงกับอวิ๋นจือมองเฟิงอวิ๋นเซิงและซือคงจิง ปลอบโยนว่า “ฟ้าจะต้องช่วยเหลือผู้อาวุโสฟู่แน่”

“นางกับศิษย์พี่เยี่ยนไม่แน่ว่าจะเหมือนกับท่านเจ้าสำนักคนเก่า”

เจ้าสำนักคนเก่าหยวนเจิ้งเฟิงติดอยู่ในกระแสปั่นป่วนของมิติเวลา ไม่ทราบไปยังที่ใด ขณะที่ทำให้คนในเขากว่างเฉิงรู้สึกกังวล กลับทำให้จิตใจของพวกเขาสงบในเรื่องอื่น

อย่างเช่นการหายสาปสูญของเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่เอินซู ด้านเขากว่างเฉิงประกาศภายในว่า ทั้งสองคนเจอเรื่องเหมือนกับหยวนเจิ้งเฟิง

มีเพียงแต่ผู้นำระดับสูงรวมถึงคนที่ร่วมทางกับฟูเอินซูก่อนหน้านี้เช่นเฟิงอวิ๋นเซิงกับอิ่นหลิวหัวเท่านั้นที่ทราบว่า สถานการณ์ของเยี่ยนจ้าวเกอกับฟูเอินซูเป็นปริศนาโดยสิ้นเชิง

การบอกว่าหายสาปสูญเป็นแค่การปลอบใจตัวเองมากกว่า

ตามปกติแล้ว จอมยุทธ์ที่มีระดับต่ำกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเข้าไปในมิติเวลา ล้วนมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก

แต่เฟิงอวิ๋นเซิงกลับมีแววตาแน่วแน่ พลางพยักหน้า “ถูกต้อง พวกอาจารย์จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย”

ทุกคนคุยกันอยู่พักหนึ่ง เห็นอีกด้านหนึ่งของเส้นทาง มีบุรุษวัยกลางคนหน้าตาน่าเกรงขามเดินมา

พวกเฟิงอวิ๋นเซิงเห็นพากันคารวะ

“คำนับอาจารย์ลุงฉาง”

“คำนับผู้อาวุโสฉาง”

บุรุษวัยกลางคนหน้าตาน่าเกรงขามผู้นี้ก็คือฉางเจิ้น ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งวิหารอาญาของเขากว่างเฉิง

ฉางเจิ้นมองทุกคน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ดึกมาแล้ว พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ”

น้ำเสียงเขาอ่อนโยน ไม่แฝงการตักเตือน ทุกคนได้ยินแล้วจึงพากันกล่าว “ผู้อาวุโสกล่าวถูกต้อง”

ฉางเจิ้นมองเฟิงอวิ๋นเซิง กล่าวว่า “อีกแค่หนึ่งร้อยวันจะถึงการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่เจ็ดแล้ว ในช่วงนี้ให้เจ้ากับศิษย์หลานอิ่นอยู่ในสำนักห้ามออกไปด้านนอก ตั้งใจฝึกฝนและเตรียมตัว”

เฟิงอวิ๋นเซิงตอบ “เจ้าค่ะอาจารย์ลุงฉาง ศิษย์ทราบดี”

ผู้อาวุโสฉางเจิ้นกล่าวต่อ “ศิษย์น้องเจ้าสำนักอยู่ที่ทะเลตะวันออก ศิษย์น้องฟู่กับจ้าวเกอตอนนี้ไม่ทราบไปอยู่ที่ใด เจ้าไม่อาจผ่อนคลายการฝึกปรือพลังแห่งจันทราได้”

“ถึงอย่างไรศิษย์หลานอิ่นก็เข้าสำนักช้า พลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ ข้อบังคับที่ศิษย์น้องฟู่และจ้าวเกอได้สรุปไว้ก่อนหน้านี้ เจ้าสรุปรวบยอดเสร็จแล้วหรือยัง”

“ทำเสร็จและได้มอบให้อาจารย์น้าหวังไปแล้วเจ้าค่ะ” เฟิงอวิ๋นเซิงตอบ

ฉางเจิ้นพยักหน้า “ศิษย์น้องหวังจะชี้แนะการฝึกของเจ้าชั่วคราว แต่ได้แค่การฝึกฝนวรยุทธ์ทั่วไป การฟูมฟักพลังแห่งจันทรา นางเองก็เป็นมือใหม่ อีกไม่นานจะถึงการทดสอบแห่งจันทราแล้ว ครั้งนี้พวกเจ้าต้องพยายามให้มาก”

เฟิงอวิ๋นเซิงคารวะ “อาจารย์ลุงวางใจ ศิษย์ทราบดีเจ้าค่ะ”

ฉางเจิ้นกล่าว “ดี รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

พวกเฟิงอวิ๋นเซิงคารวะบอกลาฉางเจิ้น ก่อนจะกลับไปยังที่พักของแต่ละคน

หลังจากนั้นฉางเจิ้นกลับตกอยู่ในห้วงความคิด ขณะที่มองเงาหลังที่ห่างออกไปของเฟิงอวิ๋นเซิง

ยามนี้มีลูกศิษย์เขากว่างเฉิงมาตามหาฉางเจิ้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าตื่นตระหนก เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “สงบสติอารมณ์เสียก่อน เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ถึงแม้จะถูกตำหนิ แต่ความกระวนกระวายบนใบหน้าของลูกศิษย์เขากว่างเฉิงผู้นี้มิได้ลดน้อยลง

หลังจากได้ยินรายงาน ดวงตาของฉางเจิ้นก็ปรากฏความประหลาดใจ “มีเรื่องนี้ด้วยหรือ?”

เขาสงบจิตใจ ทางหนึ่งครุ่นคิด ทางหนึ่งกล่าวว่า “อย่าเพิ่งป่าวประกาศ พาคนมาเจอข้าที่วิหารอาญา”

หลังจากลูกศิษย์ผู้นั้นกลับไปแล้ว ฉานเจิ้งยืนนิ่งอยู่ที่เดิม กลางอากาศคล้ายมีเสียงที่เหมือนมีและไม่มีดังขึ้น “หรือจะเป็นฟ้าลิขิต…”

เฟิงอวิ๋นเซิงกลับมายังที่พักของตัวเอง นั่งขัดสมาธิ ฝึกฝนพลังฝึกปรือเงียบๆ

นางจิตใจสั่นไหว หยิบถุงย่อส่วนที่นำติดตัวออกมาเปิดดู คิ้วพลันขมวดมุ่น

จากนั้นนางก็เทชิ้นส่วนที่มีลักษณะคล้ายกับผลึกหินหลายชิ้นออกมาจากในถุงย่อส่วน ในใจรู้สึกฉงน ‘เหตุใดจู่ๆ ถึงแตกออก เหมือนถูกพลังที่บางอย่างที่มาจากข้างนอกเป็นตัวกระทำ’

เศษผลึกหินเหล่านั้นแตกสลายกลางฝ่ามือของเฟิงอวิ๋นเซิงอย่างต่อเนื่องเหมือนกับรูปปั้นทรายที่เกิดจากลม ทว่าสุดท้ายก็กลายเป็นผง กระจัดกระจายอยู่กลางอากาศ

เฟิงอวิ๋นเซิงคิดใช้ปราณจิตราของตัวเองรักษามันไว้ แต่กลับทำไม่ได้

นี่เป็นของที่คล้ายกับไข่มุกวิญญาณที่นางได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจ ในตอนที่อยู่คนเดียวท่ามกลางโลกอันปั่นป่วน หลังจากผนึกทะเลตะวันออกสมบูรณ์

หลังจากเฟิงอวิ๋นเซิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร

ด้านในไข่มุกไม่ได้เก็บของสิ่งใดไว้ ทั้งยังไม่ได้มีพลังวิญญาณแฝงอยู่ รวมถึงไม่มีอันตราย

หลังจากเฟิงอวิ๋นเซิงไตร่ตรอง นางรู้สึกว่าของสิ่งนี้เหมือนเครื่องประดับที่เป็นของวิเศษ หลังจากเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร ก็เก็บไว้ในถุงย่อส่วน แล้วพกติดตัวไว้

ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหา มิคาดว่าวันนี้กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

‘สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นเครื่องประดับที่เป็นของวิเศษบางอย่าง วันนี้เกิดปัญหา บางทีอาจจะถูกของวิเศษชิ้นใดชิ้นหนึ่งเหนี่ยวนำ’ เฟิงอวิ๋นเซิงคิด ‘มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่?’

ไข่มุกสลายกลายเป็นผง ไม่เหลือร่องรอยไว้ เฟิงอวิ๋นเซิงรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ไม่ทราบว่าเพราะอะไรกันแน่

หนึ่งคืนผ่านไป เฟิงอวิ๋นเซิงเปิดประตู เดินออกมารับแสงอาทิตย์ยามเช้า

นางเตรียมจะไปเรียกอิ่นหลิวหัว แต่กลับมีคนจากข้างนอกมาหานาง

เฟิงอวิ๋นเซิงมองดูผู้อาวุโสแห่งวิหารอาญา อดประหลาดใจไม่ได้ เมื่อถามไถ่เรื่องราว อีกฝ่ายบอกว่ารับคำสั่งของฉางเจิ้นผู้เป็นผู้อาวุโสระดับหนึ่ง ต้องการให้นางไปยังวิหารอาญา

หลังจากมาถึงวิหารอาญาแล้ว นอกจากฉางเจิ้นแล้ว เฟิงอวิ๋นเซิงก็เห็นผู้อาวุโสสูงสุดจางคุนในวิหารใหญ่เช่นกัน

ครั้นผ่านพ้นการเปลี่ยนแปลงติดต่อกัน ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงเสียหายไม่น้อย คนที่มีพลังฝึกปรือและตำแหน่งสูงที่สุดในสำนัก ก็คือผู้อาวุโสสูงสุดจางคุนและผู้อาวุโสสูงสุดเหอหนิง

ผู้อาวุโสเหอได้รับบาดเจ็บจากการเข้าร่วมสงครามที่ทะเลตะวันออก ในตอนนี้กำลังเข้าฌานรักษาอาการบาดเจ็บ ส่วนผู้อาวุโสจางส่วนใหญ่แล้วจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้กับฟางจุ่นที่บาดเจ็บสาหัสและสลบไสล ไม่ปรากฏตัวโดยง่าย

ในตอนนี้เขากลับปรากฎตัวขึ้นที่วิหารอาญา จะต้องมีเรื่องที่สำคัญสุดขีดเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

เฟิงอวิ๋นเซิงคารวะฉางเจิ้นและจางคุน ฝ่ายฉางเจิ้นมิได้พูดอะไร เพียงแต่บอกให้นางรอคอย

ครู่ต่อมา มีผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งมาถึง กลับเป็นผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งเกาะนภาตะวันออกที่นางเคยมีวาสนาพบมาก่อน ผู้อาวุโสฉิน

ผู้อาวุโสจำนวนมากทั่วทั้งเขากว่างเฉิงตายในการต่อสู้ ผู้อาวุโสฉินคือหนึ่งในไม่กี่คนที่รอดมาได้

หลังจากเยี่ยนตี๋กลายเป็นเจ้าสำนัก ตำแหน่งผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งวิหารถ่ายทอดวิชามีคนมารับช่วงต่อ แต่ผู้อาวุโสผู้นี้ตายในการต่อสู้ที่ปฐพีพิภพ

ผู้อาวุโสฉินครั้งนี้กลับสำนัก เป็นการรับตำแหน่งผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งวิหารถ่ายทอดวิชา

หลังจากทุกคนนั่งลงเสร็จแล้ว ฉางเจิ้นก็มองเฟิงอวิ๋นเซิงพลางถามช้าๆ ว่า “ศิษย์หลานเฟิง ครั้งนี้ที่ให้เจ้ามา อยากให้เจ้าเล่าเรื่องที่ศิษย์น้องฟู่และพวกเจ้าเจอการลอบโจมตีที่ทะเลตะวันออกก่อนหน้านี้”

เฟิงอวิ๋นเซิงประหลาดใจเล็กน้อย เล่าว่า “ในวันนั้นข้ากับท่านอาจารย์ยังมีศิษย์น้องอิ่นร่วมทางกัน ปีศาจอัคคีอาละวาดที่ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ตอนที่อาจารย์อาเจ้าสำนักกำลังจะสร้างผนึก สถานการณ์ก็ปั่นป่วนมากขึ้น”

“ตอนที่พวกเรากับต่อสู้กับปีศาจอัคคี ผู้อาวุโสสูงสุดเหมิงอี้ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏตัว ฟังจากคำพูดของเขา เหมือนไม่ได้บังเอิญ และยืนยันตำแหน่งของพวกเราเพื่อโจมตีโดยเฉพาะ”

“ข้ากับท่านอาจารย์และศิษย์น้องอิ่นพลัดหลง กระแสบ้าคลั่งที่ผนึกก่อให้เกิดขึ้นการม้วนออกด้านนอก ข้าหาวิธีถอย ต่อมาได้ยินจอมยุทธ์สำนักอื่นกล่าวว่า เห็นท่านอาจารย์กับเหมิงอี้ถูกม้วนเข้าไปในพลังแห่งผนึก แล้วหายสาปสูญไป”

“ต่อจากนั้น ผู้อาวุโสในสำนักก็ตามหาข้ากับศิษย์น้องอิ่นเจอ แล้วพาข้ากลับสำนัก”

เมื่อได้ยินเฟิงอวิ๋นเซิงพูดจบ ฉางเจิ้นมองนาง ครู่ต่อมาค่อยถามว่า “เจ้าเองก็คิดว่าไม่บังเอิญหรือ? เช่นนั้นเจ้าคิดว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เจอที่อยู่ของพวกเจ้าได้อย่างไร”

เฟิงอวิ๋นเซิงรู้สึกผิดปกติ เห็นฉางเจิ้น จางคุน และผู้อาวุโสฉินจ้องมองนาง

“อาจารย์ลุงฉาง คำพูดท่านเหมือนกับมีนัยยะ” เฟิงอวิ๋นเซิงสูดหายใจลึก “ข้าคิดว่ามิใช่บังเอิญเป็นเพราะเหมิงอี้แห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ‘อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย ดูว่าพวกเจ้าจะหนีไปที่ใด’ ดังนั้นข้าจึงเดาว่าเขาทราบถึงร่องรอยของพวกข้า”

“แต่เขารู้ได้อย่างไร ศิษย์ไม่ทราบเหตุผล”

ฉางเจิ้นมองนางอย่างสงบนิ่ง กล่าวเรียบๆ ว่า “เช่นนั้นหรือ? แต่ว่าตอนนี้มีจอมยุทธ์พเนจรที่คุ้นเคยกับสำนักเราคนหนึ่งบอกว่า เจ้าเป็นคนเผยร่องรอยของศิษย์น้องฟู่”