บทที่ 1980 – แม่นางหลาง จอมเผด็จการ

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

หญิงสาวผู้นี้ไม่คาดหวังเลยว่าชิงสุ่ยจะยื่นมือมาช่วยเธอ และเธอก็เลยบอกทุกอย่างพร้อมกับเรื่องที่จะสร้างปัญหาให้กับชิงสุ่ยแล้ว เธอจึงรู้สึกโล่งใจไปมาก ในฐานะที่เธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เธอก็ไม่สนใจอีกต่อไป
  ชิงสุ่ยในที่สุดก็รู้ว่าเธอเคยฝึกฝนพลัง แต่เขาไม่รู้ว่าเธอแข็งแกร่งเพียงใด ชิงสุ่ยจึงคิดก่อนจะถามว่า “กว่าจะมาถึงจุดนี้ เจ้ามีวรยุทธอยู่ในระดับใด?”
  หญิงสาวผู้นั้นไม่คาดหวังในคำถามของชิงสุ่ย ถึงกระนั้นเธอก็ตอบว่า “ก่อนหน้านี้ ข้าเคยฝึกจนถึงระดับขั้นปลายสุดของพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาศ แต่ด้วยการฝึกฝนทักษะนิ้วหยินหยาง ซึ่งเป็นทักษะที่โหดเหี้ยมชั่วร้าย ทำให้เหล่านักรบที่มีระดับพลังอยู่ในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำสุด ไม่สามารถสู้ข้าได้”
  “แล้วด้วยการฝึกฝนคู่หยินหยางหวนกลับจะยิ่งช่วยส่งเสริมให้คู่รักมีพลังเพิ่มพูนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ”หญิงสาวยังคงอธิบายต่อ
  “เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะช่วยเจ้าฟื้นฟูความแข็งแกร่ง เจ้าพักอยู่ที่นี่ก่อนซักช่วงนึง หรือไม่ก็อย่าอยู่ให้ไกลจากที่นี่มากนัก อย่าอยู่ห่างจากตัวข้า ข้ากลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะไปช่วยเหลือไม่ทัน นอกจากนี้ ในวันพรุ่ง หอรักษาแห่งนี้จะเปิดทำการ เจ้าจะต้องมาที่นี่ด้วย”ชิงสุ่ยยิ้ม
  “ท่านสามารถฟื้นฟูพลังของข้าได้อย่างนั้นเหรอ? พรุ่งนี้ข้าจะรีบมาอย่างแน่นอน”หญิงสาวคนนั้นตกใจขณะกล่าว
  “ถ้าหากแต่ก่อนเจ้าเคยแข็งแกร่งอยู่แล้ว ข้าคิดว่าข้าคงช่วยได้”
  ชิงสุ่ยบอกให้หญิงสาวผู้นั้นยื่นมือออกมาและเริ่มตรวจชีพจร ผิวพรรณของเธอเต็มไปด้วยความงดงาม ยิ่งทำให้กลิ่นอายรอบตัวของเธอชัดเจนยิ่งกว่าก่อน
  ในตันเถียนของหญิงสาวผู้นี้มีแต่ความว่างเปล่า เส้นลมปราณของเธอแตกออกเป็น 2 ส่วนเหมือนท่อน้ำรั่ว ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถรวบรวมลมปราณเอาไว้ในจุดตันเถียนได้ เธอจึงถูกมองว่าเป็นคนพิการไปโดยปริยาย
  หลังจากชิงสุ่ยช่วยประสานเส้นลมปราณที่แตกหักเข้าด้วยกัน เขาก็ใช้ฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์ และปราณหวนคืน ทำการรักษาเส้นลมปราณให้กลับคืนสู่ความสมดุลด้วยระยะเวลาไม่นานนัก
  จากนั้นเขาก็ช่วยถ่ายเทลมปราณเข้าไปในตัวของเธอ ชิงสุ่ยใช้แรงกระเพื่อมในคลื่นลมปราณของเขาเป็นตัวกระตุ้นจุดตันเถียนให้กลับมาทำงาน จุดตันเถียนที่เคยถูกทิ้งร้าง ก็เริ่มฟื้นฟูกลับมาชุ่มชื่นเหมือนบ่อน้ำพุ และเริ่มทำงานขับลมปราณออกมาไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
  ชิงสุ่ยรู้ดีว่าขั้นตอนดังกล่าวเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ มันอาจจะดูเหมือนเรียบง่ายแต่เขายังคงต้องช่วยฟื้นฟูการทำงานของอวัยวะภายในอีกหลายอย่าง โดยการเชื่อมมันเข้ากับเส้นลมปราณอีกครั้ง มิฉะนั้นพลังของเธอก็จะไม่ฟื้นกลับ
  หญิงสาวคนนั้นพยายามรวบรวมลมปราณต่อหน้าชิงสุ่ย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกครึ่งชั่วโมงก็ผ่านไป ในที่สุดหญิงสาวคนนั้น ก็ได้รับพลังกลับมาจนเกือบจะขึ้นสู่ระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนว่าพลังของเธอจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนก่อนถูกทำลาย
  เธอตกตะลึงอย่างมากและเริ่มเชื่อสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้า เขารับประกันความปลอดภัยให้กับเธอ แล้วเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา ตอนนี้เธอเชื่อสุดใจ ดูเหมือนชายคนนี้จะเป็นความหวังใหม่ที่จุดไฟอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวังของเธอ
  ชิงสุ่ยเหมือนถูกสะกดอยู่ในสายตาของเธอ ใบหน้าผิวพรรณเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูน แม้จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ดูชุ่มชื่นมากกว่าเก่า
  กลิ่นอายของเธอโดดเด่นพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เธองดงามมากขึ้น จนทำให้ชิงสุ่ยเข้าใจแล้วว่าทำไมตระกูลหลางถึงได้ทำลายวรยุทธของเธอ
  เธอครอบครองความงามที่พร้อมจะออกคำสั่งให้ชายหนุ่มยอมทำตาม ชายทุกคนล้วนถูกล่อลวงจิตใจได้ทันทีเพียงแค่มองสายตาของเธอ
  “นายท่าน ข้าจะตอบแทนความช่วยเหลือของท่านได้อย่างไร?”หญิงสาวผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
  ชิงสุ่ยยิ้มตอบ “อาคารหลังนี้มี 3 ชั้น ชั้นที่ 3 จะเป็นห้องนอนของเจ้า ส่วนชั้นที่ 2 จะเป็นห้องนอนของข้า ถ้าหากเจ้าอยากตอบแทนความช่วยเหลือของข้า เพียงแค่ช่วยเหลือข้าในการดูแลร้าน”
  ดูเหมือนหญิงสาวจะแปลกใจ และไม่ได้คาดหวังว่าชิงสุ่ยจะขอเธอเพียงแค่นี้ เธอรู้ว่าชิงสุ่ยตั้งใจจะช่วยเหลือเธอจากใจจริง เธอจึงพยักหน้าอย่างมีความสุข “ขอบคุณมาก ขอบคุณมากจริงๆ”   “เจ้าอย่าได้กังวลเลย มันคือโชคชะตานำพาเรามาเจอกัน เพราะต่อให้สักวันหนึ่งเจ้าเองก็จะต้องได้เจอกับข้าอยู่ดี ว่าแต่เจ้าสนใจทักษะการรักษาหรือไม่?”ชิงสุ่ยครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะถาม
  “ด้วยการแสวงหาวิธีการรักษาลูกชายของข้า ข้าจึงถือว่าเป็นหมออยู่ครึ่งนึงแล้ว ข้าพยายามฝึกฝนทักษะการรักษาระยะยาวนานหลายปี”หญิงสาวผู้นั้นกล่าวตอบอย่างกระตือรือร้น
  ชิงสุ่ยมีแผนคร่าวๆทันทีที่ได้ยินคำพูดของเธอ เขาจึงเริ่มถามคำถามเกี่ยวกับการรักษาด้วยคำถามง่ายๆหลายคำถามก่อนจะเพิ่มความยากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้แล้วว่า เธอดูเหมือนจะมีความสามารถพิเศษในด้านนี้
  ชิงสุ่ยถามเกี่ยวกับสมุนไพร ตัวยาต่างๆ ซึ่งเธอก็สามารถตอบชื่อ ข้อห้ามการใช้ วิธีการผสม และผลลัพธ์การใช้ได้อย่างง่ายดาย ความจำของเธอถือว่าเป็นเลิศอย่างไม่ต้องสงสัย
  ชิงสุ่ยนำตำราเล่ม 1 ออกมา ทุกอย่างที่เขียนอยู่ในตำราคือประสบการณ์ที่เขาสั่งสม มันจะลึกถ้อยคำที่เต็มไปด้วยการอธิบายถึงอาการเจ็บป่วย และวิธีการรักษา ตำราเล่มนี้เปรียบเสมือนสิ่งของมีค่าในสายตาเหล่าหมอทั่วทั้งโลก
  “จดจำทุกอย่างในนี้ เนื่องจากเจ้ามีทักษะพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว ข้าจะเริ่มสอนบางอย่างให้เจ้าได้เรียนรู้ เจ้าจะได้อยู่เพื่อดูแลผู้ป่วย และช่วยชีวิตมวลมนุษย์”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
  “ว่าแต่…. ทำไมท่านถึงดีกับข้าขนาดนี้?”หญิงสาวคนนั้นลังเลช่วงสั้นๆ ก่อนจะกล่าวถาม
  ชิงสุ่ยยิ้มอย่างพึงพอใจ “ข้าเพียงแค่อยากให้เจ้ามาช่วยข้า ตอนนี้ข้าอยู่ตัวคนเดียว หากกิจการหอรักษาขับเคลื่อนไปได้ด้วยตัวคนเดียวมันคงเป็นอะไรที่ยุ่งยากมาก ฉะนั้นข้าเองก็คงไม่สามารถจัดการมันได้โดยลำพัง”   หญิงสาวคนนั้นยังคงนิ่งเงียบ เจ็บอะไรบางอย่างไว้ในใจ บางสิ่งบางอย่างที่เธอจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต ไม่ว่าหลังจากนี้จะเป็นเรื่องดีหรือร้าย
  …………..
  ……….
  ในวันถัดมา ช่วงเวลาเช้าตรู่ หลางซีก็มาถึง และด้วยสายตาที่เฉียบแหลม เขาพอจะอนุมานความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยได้ทันทีหลังจากผ่านการต่อสู้ เขาจึงให้เกียรติกับชิงสุ่ยมาก ในความเป็นจริงแล้วตั้งแต่ที่เขาอยู่มา เขายังไม่เคยเจอใครที่สามารถบีบบังคับให้เขาต้องจมอยู่กับความสิ้นหวัง อันที่จริงแล้วตระกูลฉางก็มีใครบางคนที่มีความสามารถในการทำเช่นนั้น แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขาจมอยู่กับความสิ้นหวังแบบนี้
  ชิงสุ่ยรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นหน้าหลางซี เพราะถ้าหากไม่มีเขาที่นี่ก็คงจะเงียบสงัด ชิงสุ่ยไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่พระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธาหรือหลวนหลวน เพราะเขาคิดว่ามันไม่จำเป็นและไม่ต้องการใครมาสนับสนุน
  หญิงสาวผู้นั้นตื่นแต่เช้าตรู่ ส่วนเด็กน้อยยังคงหลับไหล ทันทีที่หลางซีเห็นหญิงสาวเดินออกมา เขาถึงกับยกนิ้วโป้งให้ชิงสุ่ย แต่ทันใดนั้นสีหน้าของหลางซีก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน “แม่นางหลาง…..”
  ชิงสุ่ยเข้าใจได้โดยปริยายว่าหลางซีจะต้องรู้จักกับหญิงสาวผู้นี้ เขาจึงกล่าวออกมาว่า “นางจะอยู่ที่นี่ และช่วยข้าออกร้าน”
  หลางซีเป็นคนเด็ดขาด หากข้อมูลเหล่านี้เผยแพร่ออกไปสู่โลกภายนอก เขาไม่บาดเจ็บก็ต้องตาย เขารู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลหลางและตระกูลฉางเป็นอย่างดี เขาจึงไม่เคยคิดเข้าไปยุ่งเกี่ยว ยิ่งในปัจจุบันตระกูลหลางและตระกูลฉางเป็นญาติดีกันแล้ว ทุกสิ่งอย่างจะยิ่งแย่กันไปใหญ่
  เมื่อคิดได้ หลางซีก็แทบอยากจะฆ่าตัวตาย แม้ในใจของเขาจะศรัทธาในตัวชิงสุ่ย แต่ภูมิหลังของศัตรูนั้นแข็งแกร่งเกินไป เขาจึงไม่คิดว่าชิงสุ่ยจะสามารถล้มจอมเผด็จการในท้องถิ่นแห่งนี้ได้