ชิงสุ่ยสังเกตุเห็นสีหน้ามันพะอืดพะอมของหลางซีที่กำลังบังคับให้เขาเลือกหนทาง ชิงสุ่ยจึงยิ้มให้กับหลางซีและพร้อมจะเคารพการตัดสินใจของเขา
เมื่อเห็นรอยยิ้มอันแสนมั่นใจของชิงสุ่ย หลางซีก็รู้สึกแปลกประหลาดเหมือนว่าไม่มีเรื่องใดที่ชายคนนี้ทำไม่ได้ มันเหมือนกับว่าแม้แต่ตระกูลฉางหรือตระกูลหลางก็ไม่สามารถหยุดการกระทำของชิงสุ่ยได้เลย เขารู้สึกเพียงอย่างเดียวว่าหากก้าวเดินตามชายผู้นี้ เขาจะได้มีอนาคตที่แสนสดใส
เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เขาอาจจะต้องเผชิญหน้ากับความตายหากไม่เลือกอยู่ฝั่งเดียวกับตระกูลหลางและตระกูลฉาง แต่ถ้าเลือกเข้ากับอีกฝ่าย เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับชิงสุ่ยและได้รับความตายเป็นสิ่งสุดท้ายอยู่ดี เขาจึงเลือกที่จะเดิมพัน เชื่อมั่นว่าการติดตามชายคนนี้จะสร้างความแตกต่าง
หญิงสาวคนนั้นพยักหน้าให้กับหลางซี จากนั้นก็เริ่มทำความสะอาดชั้นวางของจัดแจงของให้เข้าที่เข้าทาง
“ข้าจะพยายามช่วยท่านทำทุกหนทางให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม”หลางซีกล่าวอย่างจริงจัง
ชิงสุ่ยพยักหน้า
เขารู้ดีว่าหลางซีคิดอะไร
เวลาในตอนนี้ก็ถือว่าเป็นช่วงเช้าเกือบจะสาย ดวงอาทิตย์เริ่มส่องสว่างเหนือท้องฟ้า หมอกอรุณยามเช้าจางหาย ลำแสงส่องสว่างไปทั่วทั้งผิวโลก ป้ายแสดงชื่อหอคอยจักรพรรดิเด่นสง่าอยู่เหนือตัวอาคาร
ป๊อป แป๊กก ป๊อป แป๊กก …….
เสียงประทัดที่หลางซีจุด ดังสนั่นดึงดูดผู้คน ยิ่งไปกว่านั้นตัวอาคารนี้อยู่บนถนนอวี้ฉางก็ยิ่งดึงดูดคนหมู่มาก ในไม่ช้าทุกคนก็ได้รู้ข่าวการเปิดตัวขอคอยจักรพรรดิ โดยเฉพาะข่าวที่สร้างความโกลาหล เรื่องที่มีหญิงสาวทำงานอยู่ภายใน
“เจ้าได้ยินมาหรือไม่? แม่นางหลาง แม่นางหลางอยู่ในหอรักษาแห่งนั้นด้วย”
“ใช่ข้าก็ได้ยิน แม่นางหลางเป็นถึงอดีตภรรยาผู้นำตระกูลหลางคนปัจจุบัน เจ้านายของหอรักษาช่างเป็นคนที่กล้าหาญจริงๆ”
“มันก็จริงอย่างที่เจ้าว่า ต่อให้นางจะเป็นเพียงอดีตภรรยา แต่ทุกคนที่นี่ต่างรู้ดี ไม่มีใครกล้าหาญเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนางเลยแม้แต่คนเดียว”
“หากจะให้กล่าวกันอย่างตรง นางเป็นผู้หญิงที่งดงาม นางเหมาะสมจะยิ่งกว่าหญิงสาวจากตระกูลฉาง มันช่างน่าเสียดายจริงๆที่สาวงามจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว”
“พวกเจ้าหน่ะไม่รู้อะไรเลย ตระกูลหลางกำลังสั่นคลอน ถ้าหากผู้นำคนปัจจุบันไม่แต่งงานกับคนตระกูลฉางมีหวังตระกูลหลางจะต้องเริ่มถดถอยเป็นแน่ เขาจะไม่มีทางเลือกอื่นใดเหลืออีกแล้ว ข้าได้ยินมาว่าเพราะผู้หญิงคนนี้ ตระกูลหลางจึงกลับมาหยัดยืนได้อีกครั้ง”
“แต่ผู้นำตระกูล ก็กระทำการโหดเหี้ยมเกินไป เขาขับในทั้งแม่และลูกให้ออกจากตระกูลอย่างน่าสงสาร”
“ความเหี้ยมโหดมันเกิดขึ้นมาพร้อมกับโลกนี้อยู่แล้ว การที่จะละทิ้งสิ่งเล็กๆเพื่อคว้าสิ่งใหญ่ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดเลย”
“ยิ่งพวกเจ้าแข็งแกร่งมากเพียงใด พวกเจ้าก็จะยิ่งไร้ความปราณี ถ้าหากพวกเจ้ายังเต็มไปด้วยความเมตตา พวกเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับความตายไม่วันนี้ก็วันพรุ่ง”
…………………..
ชิงสุ่ยได้ยินเสียงสนทนาภายนอกอย่างชัดเจนและรู้ว่าข่าวคราวเรื่องนี้แพร่กระจายไปยิ่งกว่าไฟป่า เมื่อหอคอยจักรพรรดิของเขาเป็นที่นิยมปัญหาจะต้องตามมาในภายหลังอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ดูเหมือนวันเปิดตัววันนี้ก็คงจะไม่ราบรื่นมากนัก หลายคนมาเพื่อแสดงความยินดี แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่เข้าไปใช้บริการหอคอยจักรพรรดิ ทำให้ภายในหอคอยจักรพรรดิมีคนอยู่เพียงแค่ 2 คนคือคนที่คอยช่วยเหลือชิงสุ่ย
แม้แต่การเปิดตัวของร้านค้าขนาดเล็กก็ไม่ได้เงียบเหงาเหมือนครั้งนี้
เมื่อจุดประทัดเสร็จสิ้น หอคอยจักรพรรดิก็เริ่มเปิดทำการ
หลางซีหัวเราะคึกคักอย่างเชื่องช้าขณะมองดูชิงสุ่ย บรรยากาศรอบตัวดูไม่เหมือนวันที่จะแสดงความยินดี โดยเฉพาะการมีแม่นางหลางอยู่ภายในหอคอยจักรพรรดิ ยิ่งเหมือนกันดึงดูดปัญหาให้ตามมา
“คุณชายชิง ทำไมท่านถึงไม่เชิญชวนข้าให้มางานเปิดตัวร้านของท่านละ?”เสียงที่แสนนุ่มนวลและงดงาม เต็มไปด้วยความไพเราะ
เจ้าของภัตตาคารหยกรัญจวนย่างก้าวเดินเข้ามาภายในหอคอยจักรพรรดิด้วยชุดสีเขียวเข้ม ร่างที่ผอมเพรียวโค้งมนไร้จุดบกพร่อง ยิ่งเสริมสร้างความโดดเด่นให้กับหน้าอกและก้นที่เย้ายวน
ไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าของภัตตาคารหยกรัญจวน เพราะเธอเป็นที่นิยมในคนหมู่มาก ยิ่งฝูงชนเห็นเธอ ผู้คนมากมายก็รีบวิ่งเข้าไปทักทายเธออย่างรวดเร็ว แต่หญิงสาวผู้นั้นก็พยักหน้าให้กับคนรอบข้างโดยไม่พูดคุยอะไร
“สวัสดี ที่แห่งนี้ยินดีต้อนรับ!!”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว เขาเองก็พูดไม่ออก และเขาก็ไม่ได้แสดงความเป็นมิตรมากนักตอนที่ได้พูดคุยกับเธอเมื่อวานนี้
หญิงสาวผู้นั้น ให้ผู้ติดตามหญิงสาวอีก 2 คนถือต้นสนมรกตมามอบให้กับชิงสุ่ย ซึ่งหลางซีก็เป็นคนรับและมาวางไว้ที่ประตูหน้าบ้าน
ชิงสุ่ยผายมือเรียนเชิญหญิงสาวผู้นั้นให้เดินเข้าสู่หอคอยจักรพรรดิ
เนื่องจากเขายังมีลูกค้าไม่มาก เก้าอี้และโต๊ะจึงมีจำนวนน้อย
“คุณชายชิง หอคอยจักรพรรดิ ทำไมชื่อมันฟังดูไม่เหมือนหอรักษาเลย”หญิงสาวคนนั้นกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่สร้างเสน่ห์ดึงดูด แม้จะดูเย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ได้ดูน่ารำคาญ
“นอกจากที่นี่จะช่วยรักษาอาการเจ็บป่วย ข้ายังสามารถทำอาหารจานสมุนไพรไว้แจกจ่ายได้”ชิงสุ่ยไม่ปิดบัง ชิงสุ่ยมั่นใจว่าเธอคงจะมาทดสอบความเคลื่อนไหวของหอคอยจักรพรรดิ
“โอ้ มีอาหารจานสมุนไพรด้วย ข้าจะมีโชคได้ชิมพวกมันหรือไม่?”หญิงสาวคนนั้นกล่าวอย่างมีความสุข
ชิงสุ่ยพยักหน้าตอบ “พวกเรามีขนมปังอบยัดไส้ บะหมี่อายุยืน ในเมื่อท่านเป็นแขกของเรา ข้าก็พร้อมจะตอบสนองทุกความต้องการของท่าน”
ชิงสุ่ยได้จัดเตรียมอาหารไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาเก็บอาหารเอาไว้ในดินแดนหยกยุพราชอมตะเพื่อให้อาหารยังคงสดใหม่ไม่เสีย ดังนั้นชิงสุ่ยจึงทำเพียงแค่หยิบพวกมันออกมาจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ และนำอาหารจานร้อน ไปจัดแจงบนโต๊ะต้อนรับ ไม่ว่าจะเป็นขนมปังอบยัดไส้ที่วางไว้บนจานหยกขาว บะหมี่อายุยืนที่จัดอยู่ในถ้วยกลมพร้อมกับถ้วยซุปกระดูกเสือ ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ในการกินก็จะมีช้อนส้อม ตะเกียบ ที่ทำมาจากไม้ไผ่คุณภาพสูง
กลิ่นหอมยั่วยวนแพร่กระจายออกไปจากภายในหอคอยจักรพรรดิ ทำให้ผู้คนที่สัญจรไปมาภายนอกเผลอไม่รู้ตัวเดินเข้ามาในหอคอยจักรพรรดิ
“กลิ่นอาหารที่มันหอมมาก หอมยิ่งกว่าภัตตาคารหยกรัญจวนเสียอีก”
“ข้าไม่สามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้เลย”
“เจ้าจะต้องระงับอารมณ์ให้ได้ มิฉะนั้นอาจจะตกเป็นเหยื่ออีกคนนึงของตระกูลหลาง”
…………..
…….. หญิงสาวผู้นั้นถึงกับอึ้งตะลึงงัน เธอไม่คาดคิดหรือว่าแค่ขนมปังยัดไส้จะมีรสชาติหอมหวานอร่อยกลมกล่อมได้มากมายขนาดนี้ เพียงแค่ดมกลิ่น เธอก็รู้แล้วว่าอาหารในภัตตาคารหยกรัญจวนพ่ายแพ้อาหารจานนี้อย่างสิ้นเชิง
เมื่อเธอเริ่มกัดขนมปัง ปากและมือของเธอก็ไม่สามารถหยุดได้ เธอกินขนมปังอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็หยิบขึ้นมากินอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
บะหมี่อายุยืน น้ำซุปกระดูกเสือ ทุกอย่างหมดลงภายในช่วงเวลาอันสั้น แม้ว่าเธอจะยังคงกินอาหารด้วยท่าทางสง่างาม แต่ความเร็วที่เธอกินไม่ได้ช้าเลย