บทที่ 2524 คนบ้านนอกอวดรวย! / บทที่ 2525 คนผู้นั้นวางแผนอะไรอยู่?

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2524 คนบ้านนอกอวดรวย!

การก่อสร้างของตำหนักทองหลังนี้ค่อนข้างประหลาด ไม่ได้เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเช่นทั่วไป แต่เป็นทรงแปดเปลี่ยม

แทนที่จะบอกว่าเป็นตำหนัก มิสู้บอกว่ามันเป็นค่ายกลอย่างหนึ่งดีกว่า

ค่ายกลนี้มีประโยชน์ใช้สอยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มันสามารถสกัดกั้นวิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วได้!

ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่มีทางออกไปจากห้องนี้ได้

อวิ๋นเยียนหลีคงเกรงว่าสาวใช้จะถูกกู้ซีจิ่วหลอกเอาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ส่งสาวใช้มาให้เธอ

สามวันมานี้กู้ซีจิ่วไม่ได้พบหน้ามนุษย์คนอื่นเลย!

ตำหนักทองหลังนี้เก็บเสียง เธอไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวจากโลกภายนอกเลย ภายในตำหนักทองหลังนี้มีเพียงตัวเธอ วังเวงราวกับสุสาน เธอได้ยินเพียงเสียงหายใจของตัวเอง

ตำหนักทองไม่มีหน้าต่างเลย เชื่อมเป็นเนื้อเดียวกันหมด

มีประตูเพียงบานเดียวไว้เข้าออก ซ้ำประตูนั้นยังลั่นดาลไว้ด้วย เปิดไม่ออกเลย

ภายในสภาพแวดล้อมเช่นนี้หากเป็นคนธรรมดา อยู่เพียงไม่กี่ชั่วยามก็แทบจะคลุ้มคลั่งแล้ว พยายามคิดหาหนทางสารพัดวิธีมาแสดงให้เห็นว่าตนยังมีตัวตนอยู่ บ้างก็พูดคุยกับตัวเอง บ้างก็ตะโกนร้องเพลง…

แต่กู้ซีจิ่วเงียบสนิทอยู่ตลอด หลังจากเธอเข้ามาแล้ว ค้นพบว่าตนไม่มีทางออกไปได้ หยุดการกระทำทุกอย่างที่ไร้ประโยชน์ ทุกวันเธอเอาแต่นั่งสมาธิ ต่อให้พลังวิญญาณในร่างถูกผนึกไว้ ไม่อาจโคจรพลังวิญญาณได้ เธอก็ยังคงนั่งนิ่งๆ อยู่เป็นประจำ นั่งครั้งหนึ่งจะกินเวลาหลายชั่วยาม หลังจากตื่นขึ้นมาก็จะค่อยๆ เดินวนภายในห้องรอบหนึ่ง จากนั้นก็นั่งนิ่งๆ ต่อ…

….

“ซีจิ่ว เคยชินกับการอยู่ที่นี่หรือยัง?”

บานประตูที่ปิดสนิทไว้ตลอดเปิดออก อวิ๋นเยียนหลีที่ไม่โผล่หน้ามาเลยตลอดสามวัน เดินเข้ามาด้วยสีหน้าแช่มชื่น

กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขา นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น

ความหงุดหงิดพาดผ่านดวงตาของอวิ๋นเยียนหลีแวบหนึ่ง ถึงแม้สามวันมานี้เขาจะไม่ได้มาหานางเลย แต่เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างภายในตำหนักทองหลังนี้ได้ เขาคิดว่ากู้ซีจิ่วจะหงุดหงิดงุ่นง่าน กลับคาดไม่ถึงเลยว่านางจะมีคุณสมบัติในการบำเพ็ญทุกขกิริยาด้วย อยู่ที่นี่อย่างสงบสุข

อวิ๋นเยียนหลีเดินวนภายในห้องรอบหนึ่ง ยิ้มนิดๆ

“ซีจิ่ว เจ้าเคยเล่านิทานเรื่องตำหนักทองให้ข้าฟัง ตอนนั้นข้าก็ได้คิดกับตัวเองไว้ วันหน้าข้าจะสร้างตำหนักทองที่แท้จริงหลังหนึ่งให้เจ้า ตอนนี้ในที่สุดก็นับว่าไม่ผิดต่อคำปฏิญาณแล้ว เจ้ารู้สึกว่าตำหนักทองหลังนี้เป็นอย่างไร? ชอบหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วยกมุมปากเป็นรอยยิ้มจางๆ คล้ายเย้ยหยัน ยังคงไม่เอ่ยวาจา

รู้สึกว่าเป็นอย่างไรน่ะหรือ?

รู้สึกว่าเป็นพวกเศรษฐีใหม่! คนบ้านนอกอวดรวย!

ตอนนั้นเธออยู่ที่ดินแดนเบื้องบน อวิ๋นเยียนหลีเดินทางไปพบซ่างเซียนคนหนึ่งเป็นเพื่อนเธอ ยามนั้นการเดินทางน่าเบื่อหน่าย ซ้ำเจ้าหอยยักษ์ยังชอบฟังนิทานด้วย เธอจึงเล่านิทานเรื่องตำหนักทองให้มันฟังไปส่งๆ แน่นอน อวิ๋นเยียนหลีที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ฟังไปด้วย…

ตำหนักทองทั่วไปย่อมระงับวิชาเคลื่อนย้ายของเธอไม่ได้ อวิ๋นเยียนหลีน่าจะลงอาคมตำหนักทองเอาไว้

อวิ๋นเยียนหลีพูดจาดีๆ กับเธออยู่หลายประโยค จนปัญญาที่กู้ซีจิ่วไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด ทำเหมือนเขาเป็นวิญญาณไปเสีย

อวิ๋นเยียนหลีชักมีน้ำโหแล้ว ในที่สุดก็เอ่ยประโยคหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจกู้ซีจิ่วได้เล็กน้อย

“เจ้าอยากรู้ไหมว่าข้าจะทำยังไงกับรูปสลักหยกนั้น?”

ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เปิดปากแล้ว ทว่าวาจาที่เอ่ยกลับแสลงหูนัก

“เจ้าถูกมันสะท้อนจนกระเด็นออกไปอีกแล้วหรือ?”

อวิ๋นเยียนหลีชะงักไปเล็กน้อย

เขายิ้มเยียบเย็นแวบหนึ่ง

“เพียงรูปสลักหยกชิ้นเดียวเท่านั้น ข้าจะหมดปัญญากับมันจริงๆ ได้อย่างไร? เมื่อก่อนข้าลงมืออย่างไว้ไมตรีกับมันมาโดยตลอด เพียงเพราะเห็นแก่หน้าเจ้าเท่านั้น”

สามวันมานี้ เขาคิดหาวิธีมาจัดการทำลายรูปสลักหยกนั้นจริงๆ เคยใช้ค้อนใหญ่ทุบ เคยจุดไฟเผา เคยออกแรงโยน เคยใช้ระเบิด…

ผลคือรูปสลักหยกชิ้นนั้นปลอดภัยไม่บุบสลายเลย เขตแดนแสงรุ้งที่ห่อหุ้มคุ้มกันอยู่รอบกายมัน ร้ายกาจอย่างยิ่ง สามารถสกัดกั้นการโจมตีทุกรูปแบบได้ ทำให้เขาชิงชังจนกัดฟันกรอดๆ

แน่นอน เขาคิดจะเล่นบทคนมีเมตตาต่อหน้ากู้ซีจิ่ว คาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกกู้ซีจิ่วเปิดโปงด้วยประโยคเดียว

“เจ้าแค่ไม่มีปัญญาทำอะไรมันได้เท่านั้น อย่ามาพูดจาวางท่าแบบนี้เลย!”

….

————————————————————————————-

บทที่ 2525 คนผู้นั้นวางแผนอะไรอยู่?

อวิ๋นเยียนหลีผงะไปครู่หนึ่ง พลันยิ้มออกมา

“เจ้าคิดว่าข้าไม่มีปัญญาทำอะไรมันได้จริงๆ หรือ?”

วาจานี้เรียบเฉยยิ่งนัก ทว่าแฝงความเยียบเย็นเอาไว้

กู้ซีจิ่วยิ้มเยาะ

“ต่อให้เจ้าสามารถทำอะไรมันได้แล้วอย่างไรเล่า? หาตัวจริงไม่พบเลยมาลงกับรูปสลักหยก มีฝีมือนักงั้นสิ?”

“มันก็คือตี้ฝูอีตัวจริง!”

ดวงตาอวิ๋นเยียนหลีจ้องเธอเขม็ง เอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ

กู้ซีจิ่วหลับตาลงอีกครั้ง

“อืม มันคือตัวจริง เชิญเจ้าทรมานต่อไปเถอะ”

อวิ๋นเยียนหลีมองอันใดจากสีหน้าของนางไม่ออกจริงๆ เงียบงันไปพักหนึ่งจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา

“ซีจิ่ว จะบอกข่าวดีเรื่องหนึ่งกับเจ้าก็แล้วกัน เจ้าอยากฟังไหม?”

กู้ซีจิ่วคร้านแม้แต่จะลืมตามองแล้ว ข่าวดีจากปากของเขามักจะเป็นข่าวอันเลวร้ายเสมอ คำถามคือมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังมีข่าวร้ายอันใดที่เลวร้ายไปกว่าตอนนี้อีกหรือ?

อวิ๋นเยียนหลีนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งด้วยตัวเอง มองไปรอบห้อง ไม่น่าเชื่อว่าจะคุยเรื่องสัพเพระกับกู้ซีจิ่ว

“ซีจิ่ว มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เคยบอกเจ้าเลย อันที่จริงในอดีตตอนที่ข้ายังไม่รู้จักเจ้า เคยมีความฝันประหลาดอย่างหนึ่ง ในฝันที่คนบอกกับข้า บอกว่าสตรีที่มีชะตาต้องกับข้าจะมาจากโลกเบื้องล่าง ข้าจะย่อมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อนาง ไปเผชิญด่านเคราะห์ให้โลกเบื้องล่างเพื่อนาง…ยามนั้นข้ายโสโอหัง ไม่เชื่อถือความฝันนี้ และไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย จนกระทั่งได้พบกับเจ้า…ไม่รู้ว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนไหน ข้าหวั่นไหวกับเจ้า ยินดีจะตามหาคนไปกับเจ้า ทุกครั้งที่เจ้ากลับสู่โลกเบื้องล่าง ข้าล้วนโศกหมองยิ่งนัก เนื่องจากต้องรอไปอีกครึ่งปีถึงจะได้พบเจ้าอีกครั้ง ยามนั้นช่างเป็นการรอคอยที่หอมหวานนัก…ข้ารู้ว่าตอนนั้นเจ้ายังปักใจใฝ่ตามคนผู้หนึ่ง ดังนั้นจึงไม่กล้าสารภาพความในใจกับเจ้า ได้เพียงสะกดความรู้สึกนี้เอาไว้ในใจ พอเจ้าขึ้นมายังดินแดนเบื้องบนก็ติดตามอยู่ข้างกายเจ้า ทำตัวเป็นสหายของเจ้า ถึงขั้นที่ไม่กล้าให้เจ้าได้รับรู้ถึงความรู้สึกนี้ ตอนนั้นข้าคิดว่า คนที่เจ้าตามหาไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว ตายแล้วก็คือตายเลย ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะถอดใจไปเอง เมื่อเวลาผ่านพ้นนานไปในไม่ช้าก็จะมองเห็นข้า…วรยุทธ์เจ้าสูงส่งกว่าข้า ข้าเกรงว่าจะไม่คู่ควรกับเจ้า ดังนั้นจึงทุ่มเทฝึกฝนสุดชีวิต…ต่อมาข้าหายสาบสูญไปในสงคราม ร่วงหล่นสู่แดนอสุราแห่งนี้ ยามนั้นข้าหนีออกไปไม่ได้เลยสิ้นหวังยิ่งนัก วันๆ เอาแต่เมามาย จนกระทั่งวันหนึ่งข้าได้พบกับอวิ๋นชิงหลัว…นางบอกว่าจะทำให้ข้าได้เป็นนายเหนือของแดนอสุราแห่งนี้ ถ้าอยากไปมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น บำเพ็ญให้สำเร็จเป็นซ่างเสิน…และการที่จะสำเร็จเป็นซ่างเสินได้ภายในร้อยปีก็มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ก็คือค่ายกลผังดาวเหล่านี้…”

เริ่มแรกกู้ซีจิ่วไม่สนใจคำสารภาพความในใจของเขาเลย แต่ก็ไม่สามารถอุดหูไม่รับฟังได้ ทำได้เพียงทนฟัง ฟังไปฟังมาก็สนใจขึ้นมาเล็กน้อย คล้ายว่าเธอจะได้กลิ่นการสมคบคิดที่ไม่ชอบมาพากลอย่างหนึ่ง…

เธอนึกถึงเสียงลึกลับนั้นที่มักจะปรากฏขึ้นในสมองของตนอย่างน่าประหลาด…

ตอนนั้นเธอคิดว่ามันคือผู้ส่งสารแห่งลิขิตสวรรค์ ยามนี้จู่ก็นึกสงสัยนิดๆ แล้ว เจ้าของเสียงนั้นจะใช่คนเดียวกันกับคนที่มาชี้แนะอวิ๋นเยียนหลีในความฝันหรือไม่?

หากว่าสิ่งที่อวิ๋นเยียนหลีเล่าออกมาในตอนนี้เป็นความจริง เช่นนั้นคนที่ก่อผังดวงดาวเหล่านี้ออกมา ก็คือคนผู้นี้ คนผู้นี้ถ่ายทอดศาสตร์นี้แก่อวิ๋นชิงหลัว จากนั้นอวิ๋นชิงหลัวก็ถ่ายทอดให้อวิ๋นเยียนหลีอีกต่อ…

ทำให้อวิ๋นเยียนหลีก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว บำเพ็ญจนบรรลุขั้นซ่างเสิน คนผู้นั้นวางแผนอะไรอยู่?

ต้องไม่ใช่การเลียนอย่างเหลยเฟิง ทำดีโดยไม่หวังผลเป็นแน่ เช่นนั้นเขาต้องการชุบเลี้ยงอวิ๋นเยียนหลีขึ้นมาด้วยเจตนาใด?

อวิ๋นเยียนหลียังคงพูดต่อไป บอกเล่าความทุกข์ยากที่เขาพบพานในหลายปีมานี้ บอกว่าในที่สุดเขาก็กลับสู่ดินแดนเบื้องบนได้ ได้เห็นการล่มสลายของวงศ์ตระกูล บอกว่าเขาสามารถท่องไปมาระหว่างแดนอสุรากับดินแดนเบื้องบนได้ตามใจปรารถนา…

ถึงขั้นที่เท้าความไปถึงความปีติยินที่ได้พบกู้ซีจิ่วในแดนอสุรา…