บทที่ 2526 ถ้อยคำที่กล่าวแทงใจคนเหลือเกิน / บทที่ 2527 ทำไมถึงหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้?

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2526 ถ้อยคำที่กล่าวแทงใจคนเหลือเกิน

เดิมทีกู้ซีจิ่วนึกว่าจะสามารถควานหาเนื้อความออกมาได้อีก ดังนั้นช่วงหลังจึงค่อนข้างตั้งใจฟัง ผลคือเขาเอาแต่พูดว่าชอบเธอขนาดไหนอยู่ตลอด เธอค่อนข้างหมดคำพูดกับเรื่องนี้แล้ว…

เธอลองถามหยั่งเชิงดู

“ต่อจากนั้น คนในความฝันผู้นั้นได้ชี้แนะอันใดเจ้าอีกหรือไม่?”

อวิ๋นเยียนหลีพล่ามมากมายขนาดนี้ เห็นว่าในที่สุดนางก็เปิดปากพูดแล้ว จึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

สองตาของเขาจับจ้องไปที่นาง

“ข้าไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของคนในความฝันผู้นั้นเลย เคยได้ยินเพียงเสียง จากนั้นเขาบอกว่าชะตาของข้า ข้าต้องลิขิตเอง ขอเพียงข้าพากเพียรเพียงพอ ก็จะได้รับสิ่งที่ข้าปรารถนา และสิ่งที่ข้าปักใจใฝ่ปองมาโดยตลอด มีเพียงเจ้าเท่านั้น…”

กู้ซีจิ่วย่อมปัดสองประโยคสุดท้ายของเขาทิ้งไปโดยอัตโนมัติ เอ่ยถามเพียงเรื่องที่ตนอยากรู้

“แล้วเจ้าเคยถามอวิ๋นชิงหลัวบ้างไหมว่าร่ำเรียนผังดาราชั่วร้ายมาจากที่ใด?”

อวิ๋นเยียนหลียื่นมือมาจับมือของเธอแล้ว ยิ้มน้อยๆ

“แน่นอนว่าเคยถาม…เจ้าอยากรู้คำตอบไหม?”

ไร้สาระ! ถ้าไม่อยากรู้คำตอบ ข้าจะทนฟังเจ้าพล่ามมากมายขนาดนี้เพื่ออะไร?

กู้ซีจิ่วอยากชักมือตนกลับมา ทว่าไม่มีเรี่ยวแรง จึงได้แต่เม้มปาก

“แต่งกับข้าสิ! ออกเรือนกับข้า มาเป็นภรรยาของข้า แล้วข้าจะให้คำตอบทุกเรื่องที่เจ้าอยากรู้!”

กู้ซีจิ่วผงะแล้ว

“อวิ๋นเยียนหลี เจ้าน่าจะรู้นี่ ข้าไม่ได้รักเจ้า อย่างมากก็เคยนับเจ้าเป็นสหายเท่านั้น แต่หลังจากที่เจ้ากระทำเรื่องพวกนี้แล้ว แม้แต่ความเป็นเพื่อนของพวกเราก็ไม่เหลืออยู่แล้ว เหตุใดเจ้าต้องบังคับฝืนใจผู้อื่นด้วย?”

“ข้าขอบอกเจ้าอย่างไม่กริ่งเกรงเลย ข้ากับตี้ฝูอีเป็นสามีภรรยากันแล้ว ไร้วาสนาต่อเจ้า สิ่งที่คนในความฝันผู้นั้นบอกเจ้า บอกว่าข้ามีชะตาลิขิตอันใดกับเจ้า ล้วนเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายกุขึ้นมาหลอกลวงเจ้า คนผู้นี้น่าจะมีจุดประสงค์ที่ไม่อาจบอกใครได้ ต้องการใช้เจ้าเป็นเบี้ย…ฟังคำเตือนจากข้าสักประโยคเถอะ อย่าได้หลงงมงายต่อไปเลย! ความรู้สึกที่เจ้ามีต่อข้าเป็นเพียงความหมกหมุ่นเท่านั้น…”

น้ำเสียงกู้ซีจิ่วเรียบเฉย ทว่าถ้อยคำที่กล่าวแทงใจคนเหลือเกิน

อวิ๋นเยียนหลีนิ่งค้างไปเล็กน้อย จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มแวบหนึ่ง

“ที่แท้ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าก็เป็นได้เพียงความหมกหมุ่นสินะ? ฮ่าๆ ไม่จะว่าจะหมกหมุ่นก็ดี ชอบพอก็ช่าง ในเมื่อข้าหมกหมุ่นมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้ว ย่อมต้องการผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น! กู้ซีจิ่ว ต่อให้เจ้าเคยเข้าพิธีแต่งกราบไหว้ฟ้าดินกับเขาแล้ว ข้าก็จะแต่งกับเจ้าอยู่ดี เพราะเขาต้องตายแน่นอน! ข้าดูฤกษ์ยามไว้แล้ว วันมะรืนนี้วันฤกษ์ดี ข้าจะทุ่มเทเตรียมการ มอบพิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการให้พวกเรา…”

เขาไม่รอให้กู้ซีจิ่วได้ตอบสนองอันใด หยักยิ้มอีกแวบหนึ่ง เป็นรอยยิ้มที่ค่อนข้างกะลิ้มกะเหลี่ย

“อย่าได้ขัดขืนเลย ข้าจะไม่ทำให้เจ้าสมหวัง ข้าจะเติมเต็มความปรารถให้ตัวเองเท่านั้น! เจ้าก็เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของข้าเถอะ! เมื่อถึงเวลานั้นข้าไม่เพียงแต่จะมอบงานแต่งที่เลอเลิศให้เจ้าเท่านั้น ยังเตรียมการแสดงชุดใหญ่ไว้ให้เจ้าชมด้วย…”

เขาใช้นิ้วเชยคางนาง

“เสี่ยวซีจิ่ว เมื่อถึงเวลาเจ้าจะตกตะลึงนัก! ข้าเชิญชาวเผ่าของเจ้ามาด้วยนะ สหายของเจ้าล้วนมาแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า เจ้าดูเอาเถอะ ถึงแม้เจ้าจะทำผิดต่อข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าข้ากลับคิดหาแต่สิ่งดีๆ ให้เจ้า”

พลันหัวเราะฮ่าๆ แล้วหันหลังจากไป

คนผู้นี้บ้าไปแล้ว!

กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ที่เดิม สูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง

อวิ๋นเยียนหลีเผยตัวตนกับเธออย่างแท้จริงแล้ว ดูเหมือนจะใช้ไม้แข็งแล้ว

ที่เขาต้องการแต่งกับเธอไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องความหมกหมุ่นแน่นอน เกรงว่าเขาจะสงสัยว่าตี้ฝูอีกลับอาณาจักรมารไปแล้ว จึงต้องการใช้วิธีนี้ล่อตี้ฝูอีออกมา…

กู้ซีจิ่วหลุบตาลงเล็กน้อย รวบรวมสมาธิใคร่ครวญ

ในเวลานี้จะร้องไห้ฟูมฟายแขวนคอตายก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น เธอต้องสงบเยือกเย็นแล้วช่วยเหลือตัวเองซะ!

ดูจากท่าทางของอวิ๋นเยียนหลีในยามนี้ บนร่างมีไอทมิฬพัวพันอยู่รางๆ น่าจะยังไม่ได้กินมุกคุนที่สามารถชำระล้างไอมารทุกอย่างได้

————————————————————————————-

บทที่ 2527 ทำไมถึงหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้?

กล่าวอีกนัยคือ คุนเสวี่ยอี๋น่าจะยังไม่ประสบเคราะห์ร้าย เขายังมีชีวิตอยู่

องครักษ์จินกับองครักษ์หวา น่าจะไม่เป็นไรเหมือนกัน ต้องถูกคุมขังไว้ที่ไหนสักแห่งแน่

ส่วนจู๋ตู๋ชิง…

กู้ซีจิ่วหรี่ตาลงนิดๆ คนผู้นี้ค่อนข้างประหลาด ต้องระวังไว้หน่อย…

ในเมื่อยังหาทางหนีทีไล่ไม่ได้ชั่วคราว กู้ซีจิ่วจึงนั่งสมาธิต่อเสียเลย

ถึงแม้พลังวิญญาณในร่างเธอจะถูกผนึกไว้ แต่กำลังภายในไม่ได้ถูกผนึกไว้ เนื่องจากอาการบาดเจ็บจากการฝ่าด่านเคราะห์ดีขึ้นเจ็ดแปดส่วนแล้ว ได้แต่รอคอยจังหวะ…

เธอหลับตาลง จากนั้นก็ผล็อยหลับไป

….

มวลดาราล่องลอยเต็มนภา

ดวงดาวส่องสกาว พร่างพราวหลากสีสัน

ในทะเลดวงดาวมีเรือลำหนึ่งล่องลอยอยู่ ตัวเรือเป็นสีครามนภาแจ่มใส บนตัวเรือวาดลวดลายอวกาศไว้ ส่องสว่างผสานกับไปกับมวลดาราที่อยู่รอบข้าง ทำให้สายตาคนพร่ามัว

บนเรือมีคนผู้หนึ่งนั่งพิงกราบเรืออยู่ สวมอาภรณ์ม่วงพราวระยับ แถบแพรนัยน์ตาจิ้งจอกส่องประกายวาววามอยู่กลางหน้าผาก

กู้ซีจิ่วกลั้นหายใจในทันใด

ตี้ฝูอี!

นี่คือตี้ฝูอี!

เขาฟื้นแล้วหรือ?!

แล้วแล่นมาทำอะไรที่นี่?!

ในวินาทีนี้ เธอลืมเลือนไปแล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหน อดไม่ได้ที่จะโผเข้าไปหาเขา

“ตี้ฝูอี!”

ความเร็วในการวิ่งของเธอไม่นับว่าช้า ถึงขั้นที่ใช้วิชาเคลื่อนย้ายแล้วด้วยซ้ำ

แต่เธอพยายามอยู่พักหนึ่ง ก็ยังคงอยู่ห่างไกลกับคนที่อยู่ในธารดาราผู้นั้น เป็นระยะห่างเท่าเดิมตลอด ราวกับเธอย่ำเท้าอยู่ที่เดิมตลอด

คนผู้นั้นยังคงนั่งพิงกราบเรืออยู่เช่นเดิม มือข้างหนึ่งถือเบ็ดตกปลาไว้ อีกข้างเท้าคาง นั่งตกปลาอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสบายๆ

เธอหยุดฝีเท้าแล้ว มองเงาร่างสีม่วงที่อยู่บนเรือนั้น หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมา!

คล้ายว่าเขาจะไม่ใช่ตี้ฝูอี…

พลังอำนาจของตี้ฝูอีไม่ได้แกร่งกล้าเท่าเขา!

ถึงคนผู้นี้จะดูเฉื่อยชาไม่สนใจเรื่องทางโลก แต่อำนาจที่แผ่อยู่รอบกายกลับแกร่งกล้ามหาศาลอย่างยิ่ง ราวกับทุกสรรพสิ่งในจักรวาลล้วนอยู่ใต้ฝ่าเท้าเขาทั้งสิ้น ล้วนเป็นละอองฝุ่นบนสาบเสื้อ เป็นธุลีใต้ฝ่าเท้าของเขา

เธอยืนอยู่ตรงนี้มองดูอยู่หลายคราด้วยความตกตะลึง ถึงขั้นที่ต้องการจะค้อมกายคำนับด้วยซ้ำ

คนๆ นี้เป็นใครกัน?

ทำไมถึงหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้?

เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเลย!

กู้ซีจิ่วยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ในใจคล้ายว่าพอจะเข้าใจขึ้นมารางๆ แล้ว

หรือว่าตนกำลังฝันอยู่?

เธอมองทะเลดวงดาวผืนนั้นอีกครั้ง คุ้นตายิ่งนัก

ความคิดหนึ่งพลันวาบขึ้นมาในสมองเธอ…หรือนี่จะเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์?!

ในความฝันครั้งก่อนคล้ายว่าเธอก็เคยฝันถึงทะเลดวงดาวแห่งนี้เช่นกัน เพียงแต่หนก่อนคนผู้นี้นั่งอยู่ในอากาศท่ามกลางมวลหมู่ดารา เคลื่อนย้ายดวงดาวราวกับเดินหมากก็มิปาน…

ตอนนี้ก็กำลังตกปลาอย่างเอ้อระเหย

และในครั้งที่แล้วถึงแม้คนผู้นี้จะไม่ได้สวมหน้ากากไว้ แต่ตอนนั้นเธอก็มองไม่เห็นรูปโฉมของเขาเลย ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ตาม

ยามนี้กลับมองเห็นชัดเจนแล้ว

เธอมองจากการแต่งกายของเขา ในใจราวกับมีคลื่นสมุทรซัดถาโถมอยู่ สัมผัสได้ว่าการแต่งกายเช่นนี้ของเขาดูคุ้นตายิ่งนัก คุ้นเคยจนทำให้เธอใจสั่น ราวกับในอดีตเมื่อนานมาแล้วเขาก็เคยสวมชุดแบบนี้ มาวอแวอย่างล้ำลึกยิ่ง สร้างความทรงจำที่ฝังลึกไว้ให้เธอ

คำเรียกขานหนึ่งที่ห่างหายไปเนิ่นนานยิ่งนัก พุ่งขึ้นมาจ่ออยู่ที่ปากเธอ…ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!

“ท่านชอบเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถู ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายของโลกเบื้องล่าง หรือว่าชอบฝ่าบาทเนี่ยนโม่ราชันมารตี้ฝูอีในปัจจุบันนี้?”

น้ำเสียงอ่อนเยาว์สายหนึ่งแว่วขึ้นข้างกายเธอ ทำเอากู้ซีจิ่วสะดุ้งโหยง

เธอหันไปมองตามเสียง พบว่ามีเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งยืนอยู่ข้างกาย

ดูแล้วประมาณสองขวบ ดวงตากลมโต ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อ พวงแก้มนุ่มนิ่ม บนร่างสวมเสื้อคลุมสีเงินยวงตัวจิ๋วไว้ ทั้งร่างคนเสมือนสลักขึ้นจากหยกขาว น่ารักน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

“เฮ่าเอ๋อร์!”

เด็กคนนั้นมิใช่ใครอื่น เป็นหนูน้อยที่เธอเก็บมา หนูน้อยที่ไล่ตามเธอเรียกขานเธอเป็นมารดา

‘ตี้เฮ่า’

….