บทที่ 2528 เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ / บทที่ 2529 เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ 2

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2528 เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์

เธอจำได้รางๆ ว่าตอนทิ้งเขาไว้ที่อาณาจักรมาร เขาอายุเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ไม่ได้เจอกันแค่สิบกว่าวัน ทำไมเขาสูงขนาดนี้?! โตขึ้นมาขนาดนี้แล้ว!

“เฮ่าเอ๋อร์?!”

กู้ซีจิ่วย่อตัวลงไปหมายจะอุ้มเขาขึ้นมา

ตี้เฮ่าโบกมือกะจ้อยร่อย เพียงจับแขนเสื้อเธอไว้แล้วแกว่งไปมา แสดงความสนิทสนมชิดเชื้อ

“ท่านแม่”

กู้ซีจิ่วจึงลงไปนั่งยองๆ เสียเลย ยื่นมือไปลูบหัวเขา

“ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน เจ้าเติบใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว! ไปกินยาวิเศษอันใดมา?”

ตี้เฮ่าเขินอายยิ่งนัก เอ่ยอย่างถ่อมตัว

“ไม่ได้กินยาวิเศษนะ เป็นกรรมพันธุ์อันแข็งแกร่งจากท่านพ่อท่านแม่…”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย

เป็นกรรมพันธุ์ที่แข็งแกร่งนัก! เทียบชั้นกับตี้ฝูอีในปีนั้นได้เลย!

“พ่อแม่ของเจ้าเป็นใครกันแน่?”

กู้ซีจิ่วถามอีกครั้งด้วยความอยากรู้

ตี้เฮ่ามองเธอด้วยดวงตาแป๋วแหววทันที

“ท่านแม่ ท่านลืมเฮ่าเอ๋อร์อีกแล้วหรือ?”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกอีกครั้ง

เอาเถอะ ดูเหมือนจะถามอะไรไม่ได้อยู่ดี!

เธอมองพ่อหนูน้อยที่อยู่ตรงหน้า นึกถึงเสินเนี่ยนโม่ยามเยาว์วัยขึ้นมารางๆ…

ตอนที่เธอเพิ่งรู้จักกับเสินเนี่ยนโม่ เขาโตกว่านี้นิดหน่อย พริบตาเดียวมหาสมุทรก็กลายเป็นทุ่งรวงทอง เจ้าเด็กแสบคนนั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว…

โครงหน้าของเด็กคนนี้ค่อนข้างคล้ายกับตี้ฝูอีในวัยเยาว์จริงๆ!

คงมิใช่ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกนอกสมรสของเสินเนี่ยนโม่กระมัง?!

ไม่ถูกสิ ตี้ฝูอีไม่มีทางหลอกเธอ และไม่มีทางไปพัวพันกับสตรีอื่น หากว่าเขามีลูก ก็ต้องเป็นลูกที่มีกับเธอสิ ไม่มีทางมีลูกนอกสมรสได้

ประเด็นหลักคือเธอแน่ใจว่าตัวเองไม่เคยคลอดลูกจริงๆ…

ไม่ถูกเหมือนกัน เธอเสียความทรงจำบางส่วนไป ความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับหวงถูล้วนหายไปทั้งสิ้น เธอน่าจะเป็นสามีภรรยากับหวงถูแล้วชัดๆ หลังจากเขาตายไป เธอกลับกลายเป็นสาวพรหมจรรย์อีกครั้ง

ไหนจะคำถามเมื่อกี้ของเด็กคนนี้อีก คนที่เธอชอบคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหวงถู หรือว่าเสินเนี่ยนโม่ตี้ฝูอี…

หรือว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกของเธอกับตี้ฝูอีในตอนนั้น?!

“เจ้าคงมิได้แซ่หวงกระมัง?!”

กู้ซีจิ่วโพล่งถามออกไป

“เปล่า ข้าแซ่ตี้”

เด็กคนนั้นยืนยันหนักแน่น

“และชั่วชีวิตนี้จะไม่เปลี่ยนแซ่ด้วย”

ตี้เฮ่ากะพริบนัยน์ตาคู่โตปริบๆ ดวงตาฉายแววสนุกสนานแวบหนึ่ง

“ท่านแม่ ท่านอย่าเดาประวัติที่มาของข้าเลย ท่านเดาไม่ออกหรอก ตอบคำถามข้ามาก็พอ”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วเล็กน้อย

“มีอะไรต้องตอบล่ะ? เดิมทีพวกเขาก็เป็นคนๆ เดียวกันอยู่แล้ว”

“ไม่หรอก ยังมีจุดที่แตกต่างกันอยู่ ก็เหมือนท่านไงท่านแม่ หากว่าคนที่เขาชอบคือตัวท่านในชาติก่อน ท่านจะรู้สึกอึดอัดใจหรือไม่?”

ตัวเธอในชาติก่อน?

แล้วชาติก่อนเธอคือใครล่ะ?

กู้ซีจิ่วไม่เคยใคร่ครวญถึงปัญหาข้อนี้มาก่อนเลย จนกระทั่งถูกเขาถาม

หากว่าเป็นเพราะเขาชอบตัวเธอในชาติก่อน จึงดีต่อตัวเธอในชาตินี้แบบนี้ เธอจะสับสนปั่นป่วนบ้างไหมนะ?

กู้ซีจิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง พบว่าไม่สามารถขบคิดปัญหานี้ให้แตกได้

เธอเป็นคนเอาจริงเอาจัง คร้านจะขบคิดถึงปัญหาสมมุติเสมอมา เพียงแต่ในเมื่อเด็กคนนี้ถามขึ้นอย่างจริงจังขนาดนี้แล้ว…

จะว่าไป แล้วทำไมเธอต้องตอบเขาด้วยล่ะ!

เธอลูบหัวของพ่อหนูน้อย

“เด็กดี โลกของผู้ใหญ่เจ้าไม่เข้าใจหรอก ปัญหาที่ซับซ้อนเช่นนี้รอให้เจ้าโตขึ้นก็จะรู้เอง เพียงแต่จริงๆ แล้วสำหรับตัวข้านั้น ขอเพียงเขาชอบข้าจริงๆ เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาติหลังก็ไม่มีปัญหาทั้งนั้น ถึงอย่างไรก็เป็นวิญญาณดวงเดียวกัน เปลี่ยนไปเพียงสังขารเท่านั้น สังขารเป็นของนอกกาย มองข้ามไปเสียก็ได้ ข้าไม่แข่งขันตัวเองหรอกนะ ไม่มีประโยชน์เลย”

วาจานี้ค่อนข้างแฝงคติธรรมไว้ยิ่งนัก ประกายแสงในดวงตาของตี้เฮ่าวูบไหวนิดๆ พลันแย้มยิ้ม

“ท่านแม่ช่างเป็นผู้มีปัญญาโดยแท้! ข้าเข้าใจแล้ว!”

————————————————————————————-

บทที่ 2529 เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ 2

เขายกมือน้อยๆ ขึ้นลูบเส้นผมที่โดนกู้ซีจิ่วขยี้จนยุ่งเหยิง ในวาจาท่าทางของเขาแฝงความสง่างามเสรีประการหนึ่งเอาไว้

กู้ซีจิ่วพลันเกิดความรู้สึกหลอนลวงอย่างหนึ่งขึ้น รู้สึกว่ามีชายหนุ่มโตเต็มวัยคนหนึ่งอยู่ในร่างของเด็กน้อยเยาว์วัยคนนี้…

ข้อสันนิษฐานหนึ่งวาบขึ้นมาในสมองกู้ซีจิ่วราวกับสะเก็ดไฟจากหินเหล็ก เธอเอ่ยถามออกไปตรงๆ

“ตี้เฮ่า เจ้าคงไม่ได้เดินทางข้ามเวลามาจากอนาคตกระมัง?”

มือของตี้เฮ่าที่กำลังลูบจัดเส้นผมอยู่พลันแข็งทื่อ! อดไม่ได้ที่จะมองดูกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง

ท่านแม่ของเขาเฉียบแหลมเช่นนี้เสมอ สันนิษฐานได้แม่นยำเข้าเป้า!

คำกล่าวที่ว่าตั้งครรภ์หนึ่งครั้งโง่ไปสามปีใช้ไม่ได้กับท่านแม่ของเขา…

สายตาเขาเหล่ไปที่หน้าท้องของกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง แล้วละสายตาไป เอ่ยอย่างคลุมเครือประโยคเดียว

“เชิญท่านแม่คาดเดาไปตามที่ต้องการเลย”

บางเรื่องไม่สามารถบอกออกไปได้ ถ้าบอกแล้วเขาจะหายไปเลย และภารกิจของเขาก็จะไม่สำเร็จ…

สายตาของเขาหันเหไปยังคนที่อยู่ไกลออกไปในทะเลดวงดาว พลันยิ้มบางๆ

“โผล่มาแล้ว!”

อะไรกัน?

กู้ซีจิ่วหันมองไปตามสายตาของเขา ใจเต้นแรงนิดๆ!

เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ที่หน้าตาเหมือนตี้ฝูอียังคงนั่งอยู่บนเรือ ไม่รู้ว่าบุรุษชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าเรือของเขาตั้งแต่ตอนไหน ประสานมือคารวะเขา

“ท่านเจ้าดารา”

บุรุษชุดดำผู้นั้นคล้ายถูกห่อหุ้มอยู่ในหมอกควัน กู้ซีจิ่วไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจนได้ เพียงสัมผัสได้รางๆ ว่าเขามีจุดที่คล้ายคลึงกับเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นี้

สีดำบนอาภรณ์นั้นเยียบเย็นยิ่ง ผู้ชายที่ชอบใส่เสื้อผ้าสีดำ บ้างก็เฉยเมย บ้างก็เย็นชา แต่บุรุษคนนี้กลับให้ความรู้สึกสง่างามสูงส่งอย่างยิ่ง อำนาจก็กล้าแข็งนัก เมื่อเทียบกับเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นั้นแล้ว ดูเหมือนจะไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่

และดูจากรูปการณ์แล้ว บุรุษชุดดำผู้นี้คล้ายจะไม่ใช่ลูกน้องของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ เหมือนเพื่อนกันมากกว่า…

มิเช่นนั้นพอเขาเห็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ก็น่าจะคุกเข่าทำความเคารพไปนานแล้ว

เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ยังคงเท้าคางอย่างเฉื่อยชา เอ่ยถาม

“เล่นกันสักตาไหม?”

“ให้เกียรติมิสู้คล้อยตาม”

บุรุษชุดดำตอบรับทันที เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง กระดานหมากรุกปรากฏขึ้นระหว่างเขากับบุรุษชุดดำ บนกระดานหมากมิใช่ตัวหมากขาวดำที่ตัดสลับกัน แต่เหมือนดาวน้อยๆ มากมายหลายดวง

ทั้งสองต่างนั่งกันคนละด้าน เริ่มเดินหมากกัน

กู้ซีจิ่วก็เข้าใจกลหมากเช่นกัน แต่พอเห็นสองคนนี้เดินหมากกัน เธอดูแล้วกลับตาลายไปหมด เนื่องกลหมากของพวกเขาไม่เหมือนกลหมากใดๆ ที่เธอเคยรู้จักเลย…

แต่ล่ะคนมีตัวหมากเป็นดวงดาวหลายร้อยดวง ดวงดาวเหล่านั้นสลับซับซ้อน ระหว่างดวงดาวของแต่ละฝ่ายก็มีจุดที่คล้ายคลึงกันอยู่ สีสันและขนาดก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เมื่ออยู่ในระนาบเดียวกันเช่นนี้ ทำให้คนลายตายิ่ง และทำให้คนแยกไม่ออกว่าดวงดาวที่เนืองแน่นเบียดเสียดกันนี้ ดวงไหนเป็นของใครบ้าง

การที่สองคนนี้สามารถจดจำตัวหมากที่เป็นของตัวเองได้ ช่างเป็นเรื่องที่หาได้ยากนัก เดินหมากกันอย่างว่องไว เห็นได้ชัดว่าเดินหมากด้วยกันเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง

ตอนแรกกู้ซีจิ่วมองแล้วตาลาย เนื่องจากแยกไม่ออกว่าหมากใครเป็นหมากใคร แต่ความสามารถในการจดจำของเธอน่าตะลึงนัก หลังจากมองอยู่พักหนึ่ง เธอก็จำได้ขึ้นใจแล้ว

ตัวหมากของทั้งสองฝ่ายนับรวมกันแล้วเกือบสองพันตัว เธอจำได้ไม่ตกหล่นเลยสักนิด

ในเมื่อแยกแยะตัวหมากของพวกเขาออกแล้ว เธอย่อมแยกแยะเด่นด้อยได้เช่นกัน ดูเหมือนเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์จะเหนือกว่าขั้นหนึ่ง

หนูน้อยตี้เฮ่าที่อยู่ข้างกายเธอก็มองอย่างจดจ่อตั้งใจ หลังจากดูไปสักพัก ก็เริ่มเอ่ยอธิบายต่อเธอ

“ท่านแม่ ท่านแยกแยะตัวหมากเหล่านี้ไม่ออกกระมัง? พวกมันแตกต่างจากตัวหมากธรรมดา เรียกว่าหมากวิถีดารา กลหมากก็คือวิถีของดวงดาว…”

เจ้าหนูน้อยช่างรู้มากจริงๆ!

กู้ซีจิ่วมองตี้เฮ่าแวบหนึ่ง ฉวยโอกาสหลอกถามเขา

“เจ้าช่างรู้มากเสียจริง ใครเป็นคนสอนความรู้พวกนี้ให้เจ้า?”

จนใจที่หนูน้อยไม่หลุดอะไรออกมาเลย ตอบเพียงสั้นๆ ว่า

“ศาสตร์ประจำตระกูล”