Ch.21 – แผนการบริหารเขตแดนหลังจากนี้ (จบบทที่1)

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

หลังจากกลับมาที่หมู่บ้าน ก็มีงานเลี้ยงกันอึกทึกครึกโครม

 

[หมู่บ้านฮาซามะ]ต้องเผชิญกับอสูรในป่ามาโดยตลอด

ตั้งแต่[อัศวินดำ]กับพรรคพวกมาตั้งรกรากที่ปราสาทร้าง การโจมตีของอสูรก็รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

 

แล้วอยู่ๆทั้งหมดนั่นก็หายไป ทุกคนจะดีใจก็คงไม่แปลก

 

ลานกว้างของหมู่บ้านในตอนนี้มีกองไฟ แล้วทุกคนก็กำลังร้องเล่นอยู่รอบๆ

พวกผู้ใหญ่เผ่ายักษ์ดื่มเหล้าที่บ่มจากธัญพืชไปพลางหัวเราะอย่างมีความสุข พวกเด็กก็ดื่นน้ำผลไม้แล้ววิ่งไปรอบๆ จานหลักของงานเลี้ยงก็คือหมูป่าขนาดใหญ่ที่พวกผู้ใหญ่ไปล่ามา

ดูเหมือนการหั่นแล้วก็เอาไปย่าง แล้วกินกับเม็ดธัญพืชจะเป็นวัฒนธรรมของ[หมู่บ้านฮาซามะ]

 

ส่วนผมนั้น…ก็นั่งอยู่เฉยๆมองดูทุกคนฉลองกันอย่างตื่นเต้นอยู่ที่มุมของหมู่บ้าน

ดูเหมือนหมู่บ้านนี้จะไม่มีธรรมเนียมการบังคับให้ต้องดื่มเหล้าถ้าไม่อยากดื่ม ดังนั้นพอผมบอกไปว่า “เหนื่อยก็เลยอยากจะขอพักหน่อยน่ะครับ” ก็ได้รับคำตอบมาว่า “เปลี่ยนใจแล้วก็มาได้เสมอนะ” แล้วก็ปล่อยไป ทุกคนเป็นคนดีจริงๆ

 

“จะว่าไปแล้ว…[สุสานจักรพรรดิมังกร] ก็ไม่ได้เรื่องอะไรสินะ”

 

ผม ริเซ็ตและก็ฮารุกะแวะไปที่[สุสานจักรพรรดิมังกร]ระหว่างทางกลับ

เพื่อทดสอบว่าริเซ็ตจะได้สกิลของจักรพรรดิมังกรหรือเปล่า

แต่ว่าริเซ็ตก็เข้าไปข้างในไม่ได้ ถึงผมจะเปิดประตูไว้แต่ก็เหมือนจะมีกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่เลยไม่สามารถเข้ามาได้

 

“ถึงริเซ็ตจะมีสายเลือดมังกรก็เถอะ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีภาชนะแห่งราชาก็ได้ค่ะ”

 

ริเซ็ตพูดออกมาแบบนั้น

ถึงเจ้าตัวจะทำเป็นไม่สนใจก็เถอะ แต่ยังไงผมก็คิดว่าริเซ็ตควรจะมีสกิลของจักรพรรดิมังกร ไว้คิดวิธีมอบคุณสมบัติของราชาให้เธอละกัน

 

“…ขอมอบตำแหน่งจักรพรรดิให้กับริเซ็ต…ไม่ได้สินะ”

 

ยังไงก็ตาม ดูเหมือนสกิลของจักรพรรดมังกร ผมคงต้องเก็บเอาไว้ก่อนสักพัก

จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็ศึกษาวิธีใช้ก่อนละกัน มีเรื่องที่ติดใจอยู่ด้วย

 

“ใช้งาน[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]”

 

พูดออกไป แล้วก็มีหน้าต่างลอยขึ้นมาตรงหน้า

สล็อตที่เอนชานต์เรียบร้อยแล้วมี3อัน

 

[ดาบยาว]–[โคตรแข็ง]

[กระบอง]–[กระบองโลหะ]

[หมัดตรง]–[ดาบศักดิ์สิทธิ์]

 

แล้วก็มีสล็อตว่างเพิ่มขึ้นมา3อัน

ดูเหมือนเลเวลจะเพิ่มขึ้น

ผลของมันทำให้เกจพลังเวทของ[ยักษ์・มังกร・ราชา・ปักษา・มาร]ยาวขึ้น

ดูเหมือนจะสามารถดูดรับพลังเวทได้มากขึ้นไปอีก

 

เงื่อนไขการเพิ่มเลเวลคือ–

 

(1) จัดการ[อัศวินดำ]

(2) แต่งตั้ง[เจ้าปราสาท]

 

–อย่างไหนกันนะ เรื่องนี้เองก็ต้องตรวจสอบทีหลัง

 

“พี่โชมะ!” “เอาน้ำชามาให้ค่า!”

 

พวกเด็กๆมานั่งข้างผม

ในมือถือถ้วยชาอยู่ แต่เพราะว่ารีบถือมาให้ก็เลยหกไปซะเยอะ

 

“ขอบคุณ”

“วันนี้งานเลี้ยงคึกครื้นนะคะ” “พี่โชมะ ทำอะไรอยู่เหรอครับ?”

“นั่งเล่นน่ะ”

 

ก็เหนื่อยนี่นะ

คนวัยสามสิบแบบผม ตามแรงกายของเผ่ายักษ์ไม่ไหวหรอก…

 

“ริเซ็ตกับฮารุกะทำอะไรอยู่ล่ะ?”

“ทั้งสองคนกำลังคุยกับท่านกัลลุงก้าอยู่ค่ะ เกี่ยวกับเรื่องต่อจากนี้” “แล้วก็จะตอบแทนพี่โชมะยังไงดี”

“…ตอบแทนเหรอ”

 

สำหรับผมแค่ให้พักอยู่ที่นี่ก็เพียงพอแล้ว

ถ้าพูดถึงของตอบแทน…นั่นสินะ

 

“นั่นสินะ ช่วยไปบอกว่า หลังจากนี้อยากจะให้มาทดสอบสกิลด้วยกันน่ะ ที”

“ทดสอบสกิล?” “ทำอะไรเหรอ?”

“ทำให้หมู่บ้านนี้เปล่งแสงออกมาน่ะ”

 

ผมพูดออกไป

 

“ไม่เข้าใจ” “แต่ว่าเข้าใจแล้วค่ะ”

 

พวกเด็กๆ จับมือกันวิ่งออกไปทางทุกคน

เอาล่ะ ผมก็ไปนอนคนเดียวในห้องดีกว่า

 

วันต่อมา

ผมหันหน้าเข้าหาคุณกัลลุงก้าลุงของฮารุกะที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน

 

“มีข้อเสนอครับ”

“ข้อเสนอเหรอครับ?”

 

ที่นี่คือห้องรับแขกของบ้านผู้ใหญ่บ้าน

แต่ถึงจะเป็นห้องกว้างที่มีโต๊ะขนาดใหญ่ แต่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รอบๆก็มีแค่ผม ริเซ็ต ฮารุกะ และคุณกัลลุงก้าเท่านั้น

ริเซ็ตกับฮารุกะทำหน้าตึงเครียด

เพราะว่าทั้งสองคนต้องมาฟังว่าต่อจากนี้ผมจะยื่นข้อเสนอแบบไหนออกไป

 

“ถึงจะตรวจสอบกับทั้ง2คนมาแล้วก็เถอะครับ แต่หมู่บ้านนี้เอง ก็ใช้งานกำแพงปราสาทในสมัยจักรพรรดิมังกรอยู่สินะครับ?”

“นะ นั่นสินะครับ ก็มีตำนานว่ากันว่าที่นี่คือปราสาทเล็กๆที่มีไว้เพื่อปกป้อง[ปราสาทร้าง]อยู่น่ะครับ”

 

คุณกัลกุงก้าขยับไหล่ขึ้นลงพยักหน้า

 

“ได้ยินมาว่าตอนที่บรรพบุรุษของเราถูกไล่มาจากใจกลางของทวีปก็ได้มาเจอที่นี่ซึ่งเหลือกำแพงปราสาทกับบ้านอีกหลายหลังน่ะครับ”

“ที่พวกคนเผ่ายักษ์เลือกอาศัยที่นี่ไม่ใช่ที่[ปราสาทร้าง]เป็นเพราะว่าที่นี่ใกล้เขตแดนของมนุษย์ใช่ไหมครับ?”

“ใช่แล้วครับ แล้วที่มาอยู่ที่กำแพงปราสาทก็มีอีกเหตุผลหนึ่งครับ [ปราสาทร้าง]นั้นถึงแม้จะกางเขตแดนได้ แต่ถ้าผลึกเวทหมดก็โล่งโจ้งครับ แถม พอคิดว่าถ้ามีพวกแบบอัศวินดำโผล่มา…ยังไงก็ไม่ไหวหรอก”

 

ก็นะ นั่นสินะ ถ้าอยู่แบบไม่มีเขตแดน ประมาทแปปเดียวก็จบสิ้นกันหมดเลย

 

“หมู่บ้านนี้ถูกคุ้มกันด้วยกำแพงปราสาท…ไม่มีเขตแดนสินะครับ”

“ใช่แล้วครับ”

“แต่ว่า…ถ้าหมู่บ้านนี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ซากปรักหักพังล่ะก็”

 

ผมคิดเล็กน้อยแล้วพูดออกมา

 

“บางทีอาจจะสามารถกางเขตแดนได้เหมือนกับ[วังนาคารชุนะ]ก็ได้นะครับ”

“โอ้!”

 

คุณกัลลุงก้ายื่นตัวขึ้นมาเหนือโต๊ะ

 

“…ถึงจะไม่มั่นใจก็เถอะครับ”

 

แต่ว่า ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

[ชีพจรมังกร]ของผมแสดงพารามอเตอร์ของ[วังนาคารชุนะ]อยู่

ที่นั่นมีตัวอักษรว่า[จุดเชื่อม:ไม่มี]อยู่ สกิลของคุณจักรพรรดิมังกรเป็นแบบที่ใช้คำพูด ดังนั้นคิดว่าคำพูดนี้คงมีความหมายอะไรสักอย่าง

 

แต่ว่าถ้า[หมู่บ้านฮาซามะ]แห่งนี้คือประสาทเล็กๆที่มีไว้เพื่อปกป้อง[ปราสาทร้าง]ล่ะก็–

การที่เขตแดนของ[ประสาทร้าง]ทำงานก็อาจจะมีปฏิกิริยาอะไรก็ได้

 

“แต่ว่าเพื่อการนั้นผมจำเป็นต้องอยู่บนจุดสูงสุดของหมู่บ้านนี้ครับ”

 

ผมอธิบายเรื่องราวตอนที่ใช้งานวงเวทที่[ปราสาทร้าง]ให้ฟัง

 

“สกิล[ชีพจรมังกร]คือการแต่งตั้ง[เจ้าปราสาท]ทำให้สามารถผลุกพลังเวทที่หลับไหลอยู่ในพื้นดินได้ครับ ถ้าใช้งานพลังเวทนั้นก็จะสามารถกางเขตแดนไล่อสูรที่แข็งแกร่งมากขึ้นได้อีกครับ”

“แบบเดียวกับ[ปราสาทร้าง]…[วังนาคารชุนะ]น่ะเหรอครับ”

“ใช่แล้วครับ เพียงแต่การจะเสริมความแข็งแกร่งวงเวท ผมจำเป็นต้องทำให้หมู่บ้านนี้กลายเป็นปราสาทแล้วแต่งตั้งเจ้าปราสาทครับ หรือก็คือ ผมจะกลายเป็นราชาในนามของหมู่บ้านนี้ แล้วก็ใช้คำสั่งทำให้เจ้าปราสาทกางเขตแดน ก็ประมาณนี้ครับ”

“ท่านโชมะ จะเป็นองค์ราชา!?”

“แน่นอนว่าแค่ใครนาม ไม่ได้คิดจะยึดอำนาจอะไรหรอกครับ”

 

ผมรีบส่ายมือปฏิเสธ

 

“ไม่ได้คิดจะปกครองหมู่บ้านนี้ครับ เรื่องนี้ขอสาบานในฐานะครอบครัวของริเซ็ตกับฮารุกะเลยครับ เพียงแต่ผมค่อยากจะอยู่อย่างสบายๆเท่านั้นเองครับ”

 

ผมอธิบายต่อไป

เขตแดนที่กางอยู่ที่[วังนาคารชุนะ]ในตอนนี้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณครึ่งป่า

ภายในเขตแดนนั้นปลอดภัย แต่ระหว่างทางจาก[หมู่บ้านฮาซามะ]ไปที่นั่นก็ต้องผ่านป่าในส่วนที่ไม่มีเขตแดน เขตแดนไล่อสูรของ[หมู่บ้านฮาซามะ]นั้นไม่ได้ครอบคลุมไปถึงนอกกำแพงปราสาท

 

ถ้าให้พูดก็จะพาทุกคนย้ายไปที่[ปราสาทร้าง]ก็ไม่ได้ด้วยสิ

ที่นั่นไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ไม่มีสวน จะพาปศุสัตว์ย้ายไปก็ลำบาก

นอกเหนือจากนั้นถ้าปล่อยให้[หมู่บ้านฮาซามะ]ว่างเปล่า รอบนี้ก็คงจะมีอสูรมาอาศัยอยู่ที่นี่แทน ถ้าเป็นแบบนั้นเส้นทางระหว่างเขตแดนมนุษย์ก็จะถูกตัดขาด

เขตแดนของปราสาทเอง ก็ค่อนข้างใช้ได้ยาก

 

“แต่ว่า ถ้าเกิด[หมู่บ้านฮาซามะ]สามารถกางเขตแดนระดับเดียวกันได้ล่ะก็–เส้นทางระหว่างปราสาทกับหมู่บ้านก็จะเป็นเขตแดนปลอดภัยครับ”

 

เพราะว่าเขตแดนทั้งสองจะเชื่อมเข้าด้วยกัน

ระหว่างทางปราสาทกับหมู่บ้านจะสามารถไปมาได้อย่างอิสระ สามารถถางป่าได้ สามารถออกไปล่าหรือเก็บเกี่ยวได้ พวกเด็กๆก็จะไม่โดนอสูรโจมตี

 

“ถ้าไปได้สวย ล่ะนะครับ”

 

ต้องพูดต่อไปอีกหน่อย

ให้ความหวังไปแล้วถ้าต้องมาพูด “ไม่ได้แฮะ” จะทำให้รู้สึกแย่เปล่าๆ

 

“อืมมม…”

 

คุณกัลลุงก้ากอดอกแล้วมองขึ้นไปบนเพดาน

 

“ขอฟังความเห็นของท่านริเซ็ตกับฮารุกะหน่อยได้ไหม?”

 

ไม่รู้ทำไมคุณกัลลุงก้าถึงยิ้มเจื่อนๆออกมา

พูดเรื่องแปลกขนาดนั้นออกไปเลยเหรอ ผมน่ะ

 

“ในฐานะน้องสาวแล้ว ริเซ็ตเชื่อท่านพี่สนิทใจค่ะ”

 

ไม่รู้ทำไมริเซ็ตถึงทำสีหน้าเหมือนกลั้นหัวเราะแล้วพูดออกไป

 

“สำหรับการปกป้องหมู่บ้านแล้ว คิดว่าข้อเสนอของท่านพี่สุดยอดมากค่ะ”

“เราเองก็เห็นด้วย ท่านพี่ไม่มีทางพูดเรื่องที่ไร้เหตุผลกับทุกคนหรอก? ขนาดตอนที่ท่านพี่เอาอาวุุธไปให้ทุกคน ยังไม่ขออะไรเลยนี่นา”

 

ฮารุกะชูมือแล้วพูดออกมา

ริเซ็ตทำท่าพอใจ–

 

“ตัวเก็งเจ้าปราสาทพูดออกมาแบบนั้นล่ะค่ะ ริเซ็ตเองก็เห็นด้วยนะคะ ท่านกัลลุงก้า”

“เอ๊ะ? ตัวเก็งเจ้าปราสาท? ใครเหรอ?”

“ก็ต้องฮารุกะอยู่แล้วสิ?”

“คนอื่นก็มีไม่ใช่เหรอ?”

“…หรือว่า จะไม่รู้เหรอ?”

 

ถูกสายตาของริเซ็ต คุณกัลลุงก้าแล้วก็ผมจ้องมอง ฮารุกะก็ถึงกับอึ้งกิมกี่

จากนั้น–

 

“ไม่ไหวหรอกไม่ไหวหรอกไม่ไหวหรอกไม่ไหวหรอกไม่ไหวหรอก!”

 

ฮารุกะส่ายหน้าอย่างแรง

 

“มะ ไม่ไหวหรอก! ให้เราเป็นเจ้าปราสาทเนี่ย ทำไม่ได้หรอก! ให้พี่ริสดีกว่าไม่ใช่เหรอ!”

“แบบนั้นสายสั่งการมันก็ยุ่งหมดยอมแพ้ซะเถอะ”

 

ผมพูดออกไป

เรื่องมันจะค่อยข้างยุ่งยากหน่อย เพราะว่าเป็น[หมู่บ้าน]ที่เจ้าปราสาทกับองค์ราชาอาศัยอยู่

ถ้าไม่ใช่คนเดียวกับผู้ใหญ่บ้าน สายการสั่งการมันจะยุ่งเหยิงไปหมด

 

“เนื่องในโอกาสที่ได้[วังนาคารชุนะ]มาทำให้[หมู่บ้านฮาซามะ]กลายเป็นปราสาทได้ ดังนั้นให้ฮารุกะเป็นเจ้าปราสาทจะดีกว่าไม่ใช่เหรอไง?”

“…ท่านพี่คิดว่าเราจะทำได้เหรอ?”

“ทำได้สิ”

“งั้นก็จะทำ!”

 

ฮารุกะกำหมัด

 

“กลับกันจะขอเรียกท่านพี่ว่า[องค์ราชา]ได้ไหม?”

“…พูดอะไรออกมาอีก”

“เรากับพี่ริส…สำหรับพวกเราทั้ง2ที่เป็นเจ้าปราสาทแล้ว ท่านพี่ก็เป็นนายเหนือหัว ตามตัวอักษรค่ะ”

 

พูดแบบนั้น แล้วฮารุกะก็คุกเข่าลงตรงหน้าผม

ริเซ็ตเองก็ลุกจากเก้าอี้มาทำแบบเดียวกัน

 

“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นขอร้องในฐานะผู้ถือครอง[ภาชนะแห่งราชา] ฮารุกะช่วยมาเป็นเจ้าปราสาทของ[หมู่บ้านฮาซามะ]ทีนะ”

“ผิดแล้วล่ะ ท่านพี่”

“…ผิดเหรอ?”

“ผิดแล้วค่ะ ท่านพี่โชมะ”

 

ทั้งฮารุกะและริเซ็ตต่างก็ยิ้มออกมาแล้วส่ายหน้า

 

““การแต่งตั้งเจ้าปราสาท ต้องพูดให้ดูแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เป็นไปได้สิคะ””

 

…ไม่รู้ทำไม ถึงเข้าใจ

งั้นเหรอ ต่อหน้าสองคนนี้ก็ใช้วิธีพูดแบบนั้นไปหลายครั้งแล้วนี่นะ

ช่วยไม่ได้นะ

 

“…ขอสั่งการในนามของราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ คิริวโอ โชมะ”

 

ผมเอามือวางลงบนไหล่ของฮารุกะแล้วพูดออกมา

 

“ขอมอบพลังแห่ง[ชีพจรมังกร]ให้กับฮารุกะ คัลมิเรียน้องสาวของข้า กลายเป็นเจ้าปราสาท จะไม่มีการยอมรับการขัดขืนคำสั่งของข้าใดๆ จงใช้พลังเพื่อหมู่บ้าน และราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ผู้นี้เสียเถิด!”

“รับทราบค่ะ! นายเหนือหัวของข้า ท่านคิริวโอ โชมะ!!”

 

ฮารุกะเอาเขามาถูกับแขนของผม แล้วก็ตอบออกมาด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า

ทางนี้เขินจะแย่แล้วเนี่ย

 

หลังจากนั้นผม ริเซ็ต และฮารุกะก็ลองสำรวจหมู่บ้าน

พอลองตรวจสอบที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน ก็เจอในทันที

ที่หลังห้องเก็บของมีกระท่อมเล็กๆอยู่–แล้วตรงนั้น–

 

“…ส่องแสงล่ะ”

“…ส่องแสงสินะคะ”

“…ส่องแสงด้วยล่ะ”

 

ไม่รู้ทำไมวงเวทถึงส่องแสงอยู่

 

“ได้รับผลจากเขตแดนทางนั้นจริงๆสินะ”

 

ตัวชีพจรมังกรจริงๆทำงานอยู่ที่[ปราสาทร้าง] ทางนีเองก็เลยตื่น–ไม่สิ ถูกปลุกให้ตื่นสินะ

ถ้าพูดถึง[ชีพจรมังกร]–หรือก็คือ[ชีพจร] ก็จำเป็นต้องทำงานไปเป็นลำดับ

น่ารำคาญสุดๆ แต่ช่วยไม่ได้

 

ด้วยเหตุนั้นผมจึงต้องใช้เวลาประมาณ3ชั่วโมงในการวาดวงเวทขึ้นมาใหม่–

 

“ฮารุกะ คัลมิเรีย ขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นเจ้าปราสาทของ[วังราชันยักษา]!”

 

ผมให้ฮารุกะนั่งตรงใจกลางของวงเวทแล้วพูดออกมา

 

เสริมให้ว่าชื่อ[วังราชันยักษา]นั้นฮารุกะเป็นคนรีเควส ดูเหมือนจะเป็นการเอาชื่อริวออกมาจากคิริวโอ

 

“เจ้าจะสามารถใช้พลังเวทของแผ่นดินนี้ที่หลับไหลอยู่ได้ จงใช้สิ่งนั้นปกป้องเหล่าผู้ที่เชื่อในตัวเจ้าเถอะ จงตื่น–[ชีพจรมังกร]!!”

 

จากนั้นก็มีแสงพุ่งออกมาจากวงเวทอีกครั้ง จนร่างของฮารุกะเปล่งแสง

ครั้งที่สองแล้วสินะ รอบนี้ริเซ็ตนั่งอยู่ด้วยก็เลยพอจะมองไปที่อื่นได้ ไม่สิ ยังพอเห็น…อยู่มุมสายตาอยู่ดี

 

“…ฮ๊า”

 

หลังพิธีจบลง ฮารุกะก็นั่งด้วยใบหน้าแดงก่ำ

แล้วพึมพำ“…รู้สึกราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับท่านพี่เลย”ออกมาเบาๆ

ยังการแต่งตั้งเจ้าปราสาทก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว เขตแดนก็กางออกมาได้ด้วยดี

 

เพื่อตรวจสอบ พวกเราเลยออกไปข้างนอก

 

“…ท่านพี่โชมะ!” “ท่านพี่!”

 

มีแสงขยายออกไปรอบๆหมู่บ้าน

บนฟ้าราวกับว่ามีหิมะสีขาวลอยขึ้นไป ขอบเขตของเขตแดนกินไปประมาณครึ่งป่า ซ้อนทับเข้ากับขอบเขตของ[วังนาคารชุนะ] สำเร็จอย่างสวยงาม

 

[เจ้าเมืองของราชา[วังราชันยักษา]

เจ้าปราสาท:ฮารุกะ คัลมิเรีย
ความสัมพันธ์:น้องสาวร่วมสาบาน (เผ่า:สายเลือดยักษ์)
ผลของเขตแดน:ไล่อสูร (ส่วนที่เขตแดนทับซ้อนกันแม้แต่อสูรระดับสูงก็จะไม่สามารถขยับได้)
ผลเพิ่มเติม:เพิ่มพลังกล้ามเนื้อ15%
จุดเชื่อม:1]

เท่านี้ป่านี้ก็เป็นเขตแดนของพวกเราแล้ว ถ้าไม่ใช่อสูรที่ทรงพลังอย่างมากก็ไม่สามารถเข้ามาได้ แล้วดูเหมือนในส่วนที่เขตแดนซ้อนกันแม้แต่อสูรระดับสูงก็ไม่สามารถขยับตัวได้
แล้วความหมายของ[จุดเชื่อม]ก็คือ–

“มีเส้นแสงออกไปจากหมู่บ้านด้วย…”

พุ่งตรงไปยัง[วังนาคารชุนะ]
นี่คือ[จุดเชื่อม]เหรอ
พอลองตรวจสอบสกิล ดูเหมือนถนนนี้เองก็จะกลายเป็น[เขตแดน]

“หรือก็คือถ้าได้ปราสาทมา3ที่ก็จะกลายเป็นถนนรูปสามเหลี่ยม–”

ช่องว่างระหว่างนั้น ก็จะปิดล้อมอสูรได้โดยสมบูรณ์
กลายเป็นเขตแดนปลอดภัยที่สามารถล่าได้ตามสบาย

“อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้วว่าจักรพรรดิมังกรไล่อสูรออกไปได้ยังไง”
“บางทีคงจะเชื่อปราสาทจำนวนมากเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นเขตแดนที่ปกคลุมทั้งประเทศสินะคะ”

ริเซ็ตที่อยู่ข้างๆผมพยักหน้า
ดูเหมือนฮารุกะจะยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็จับมือผมกระโดดไปมา

“ถึงจะไม่ได้อยากปกครองทวีปก็เถอะ…แต่อยากจะได้ปราสาทอีกสักแห่งจังเลยนะ”

ถ้าสร้างสามเหลี่ยมขึ้นมาได้ พื้นที่ระหว่างนั้นก็สามารถให้คนอาศัยอยู่ได้
ถ้าทำแบบนั้นกำลังของหมู่บ้านก็จะขยายใหญ่ขึ้น สามารถทำการเกษตรได้มากขึ้น

“ลองดูกันไหม หาปราสาทว่างๆอีกสักที่หนึ่ง”

และผมก็เริ่มคิดอะไรแบบนั้นขึ้นมา