Ch.17 – ดันเจี้ยนแรก
Translator : O-Minus / Author
“ซุคุนะซังใช่ไหมครับ!? ผมได้ดูไลฟ์สตรีมของคุณเมื่อเช้านี้ด้วย”
“ขอบใจนะ มาพยายามเต็มที่กันเถอะ”
ฉันจับมือกับเด็กชายเอลฟ์ที่สวมใส่ชุดเซ็ตผ้าฝ่ายอยู่ซึ่งนี่ก็เป็นคนที่5แล้ว และฉันก็โบกมือให้เขาหลังจากที่จากกัน
ตอนนี้ฉันกำลังเดินทางบนถนนบนทุ่งราบทิศเหนืออย่างสบายใจ
เพราะว่าตอนนี้เป็นตอนบ่ายของวันหยุดหรือเปล่านะ? พอเทียบกับทุ่งราบทิศใต้แล้ว มีผู้คนอยู่ที่ทิศเหนือมากกว่ากันเยอะเลย
ถ้าเดินตามทางถนนแล้วล่ะก็ ตามปกติแล้วจะไม่โดนมอนสเตอร์จู่โจมเข้ามาหรอกนะ
ซึ่งตอนนี้ฉันเองก็ไม่ได้ต้องการจะล่าหมูป่า ฉันก็โอเคกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้นะ
จริงๆแล้วผู้คนทางทิศเหนือเองก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับการล่าขนาดนั้นแต่แรก
ทุกๆคนดูเหมือนจะเดินไปเรื่อยตามสบายใจ เป็นที่ที่เงียบสงบจนมีคนที่รู้จักฉันมาขอจับมือด้วยเลยยังไงล่ะ
จะว่าไปแล้ว ฉันได้ยินจากรินจังมาว่ามีมอนสเตอร์บอสยูนีคอยู่ที่นี่ชื่อ[หมูป่าปีศาจแห่งความนิ่งเฉย โดลโดร่า] เป็นบอสยูนีคประเภทปาร์ตี้ที่มีเลเวล40
ดูเหมือนว่าจะเป็นมอนสเตอร์คลั่งที่จู่ๆก็จะโผล่มาและทำลายทุกสิ่ง
แต่ว่ามันไม่ได้ปรากฏตัวบ่อยมากนัก มีรายงานการพบเห็น1ครั้งทุกๆ3วัน มีอัตราการปรากฏตัวประมาณนั้นล่ะ
“ได้ยินมาจากรินจังว่ามีโดลโดร่าแถวๆนี้นะ สงสัยจังว่าจะได้เจอไหม”
ฉันพึมพำออกมาเพราะว่าฉันไม่มีอะไรทำเลยระหว่างทางไป[ถ้ำแห่งการทดสอบ] ผู้ชมก็ตอบสนองต่อชื่อนั้น
[โดลโดร่า?]
[ตัวอะไรชื่ออย่างกับมังกรสักอย่างเลย?]
[ได้ยินมาว่าเป็นบอสยูนีคของทิศเหนือนะ]
[หมูป่าตัวใหญ่ยักษ์ประมาณ10เมตรได้]
[ฮี๊]
[สัตว์ประหลาดชัดๆ ฮา]
“อะไรกันล่ะนั่นน่ากลัวจัง”
ไม่เห็นบอกฉันเรื่องนั้นเลยนะรินจัง
หลังจากที่เดินไปคุยไปได้ราวๆชั่วโมงหนึ่ง ฉันก็เห็นถ้ำที่มีทางเข้ากว้างอยู่เบื้องหน้า
ทางเข้ากว้าง10ทำให้ดูเหมืนถ้ำมากกว่าจะรียกว่าดันเจี้ยน ถ้าไม่มีป้ายเก่าๆเขียนบอกไว้ว่าเป็น[ถ้ำแห่งการทดสอบ]ล่ะนะ
“ดันเจี้ยนแรก ลุยกันเลย~”
มีกลุ่มคนอยู่ด้านหน้าทางเข้าประปรายเมื่อเทียบกับบริเวณทุ่งราบแล้ว เดินผ่านพวกเขามาฉันจึงได้เข้ามายังในถ้ำมืดแห่งนี้
ภายในถ้ำเองก็กว้างพอๆกับทางเข้าด้านหน้า ต้องขอบใจแสงที่ลอดผ่านรูบนกำแพงมาทำให้เพียงพอที่จะมองไปรอบๆ
แทนที่จะเรียกว่าถ้ำ ที่นี่เหมือนอุโมงค์มากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่พื้นยังถูกดูแลเป็นอย่างดีให้เหมาะแก่การเดินอีกด้วย
“จากที่รินจังว่าไว้ เลเวลที่แนะนำสำหรับดันเจี้ยนนี้เฉลี่ยที่เลเวล10 ถ้าเป็นสายลุยเดี่ยวล่ะก็เลเวล15พร้อมกับไอเท็มรักษาเยอะๆก็ไม่มีปัญหาแล้ว!”
[โอนิสาวสุดเจ๋ง]
[อย่าปักธงสิ]
[เลเวล21โกงไปแล้ว]
[ของรางวัลจากบอสคืออะไรเหรอ?]
[เหตุจำเป็นนี่นา ช่วยไม่ได้หรอกนะ]
[มีมอนสเตอร์อะไรบ้าง?]
“อ๊ะ มีมอนสเตอร์ค้างคาวแล้วก็พวกก็อบลินน่ะ พวกค้างคาวมีชื่อว่า[ค้างคาว]และก็[ค้างคาวยักษ์]นะถ้าฉันจำไม่ผิด พวกมันบินได้และเคลื่อนไหวไปทั่วเลยทำให้มีหลายคนที่มีปัญหาในการจัดการกับมันล่ะนะ”
ขณะที่ฉันกำลังตอบคำถามของผู้ชมอยู่กมีสัญญาณตอบรับในระยะของตรวจจับเข้า ฉันดึงมีดขวางออกมาจากช่องในเข็มขัดแล้วเล่นกับมัน
พวกมันซ่อนตัวอยู่ในความมืดและมองเห็นได้ยากแต่ฉันเห็นมอนสเตอร์ค้างคาวตัวหนึ่งห้อยอยู่บนเพดาน
“โย๊ะ!”
ดีดมีดที่อยู่ระหว่างนิ้วเหมือนลูกดอก มีดพุ่งเสียบคอของค้างคาวโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ทำอะไร
มอนสเตอรตัวนั้นตายและตกลงมาอย่างน่าเบื่อในขณะที่ฉันรับมีดที่ร่วงลงมาแล้วเก็บใส่เข็มขัดเหมือนเดิม
“ถ้าทำแบบนี้ก็จัดการมันได้ง่ายๆแล้วล่ะ”
[ทำได้ไงกันอ่ะ]
[อย่างเท่เลย]
[ทักษะขว้างอย่างเซียนเลย]
[ฝ่าทุกปัญหาด้วยความสามารถส่วนตัวล้วนๆ ฮา]
[ขออะไรที่เหมาะกับคนธรรมดาได้ไหมอ่ะ]
“จริงๆพวกมันก็ไม่ได้เร็วอะไรหรอกนะ ถ้าชินแล้วก็จัดการมันง่ายๆ เหมือนอย่างนี้”
มีค้างคาวสามตัวที่บินจากกลุ่มคนด้านหน้ามายังทางฉันพอดี ฉันเลยทุบทั้งสามตัวเป็นจังหวะด้วยตะบองเหล็กของฉัน
ด้วยพลังป้องกันที่ทนมีดขว้างไม่ได้ด้วยซ้ำ ค้างคาวพวกนั้นก็ตายไปอย่างง่ายๆ
“อย่างเลวร้ายที่สุดถ้าเหวี่ยงอาวุธไปรอบๆหรือใช้เวทมนตร์วงกว้างก็จัดการพวกมันได้แล้ว แต่ก็เปลืองMPเปล่าๆล่ะนะ”
แต่แรกแล้วพวกค้างคาวเป็นมอนสเตอร์ที่อ่อนแอที่สุดในถ้ำ
อ่อนแอมากถึงขนาดที่ปล่อยให้พวกมันกัดก็ยังทำความเสียหายได้ไม่มากนักแก่ผู้เล่นที่มาที่นี่
พวกมันไม่ได้มีพิษด้วยซ้ำ ถ้าจัดการอย่างใจเย็นล่ะก็พวกมันไม่ใช่มอนสเตอร์ที่น่ากลัวเลย
“ที่น่ากลัวน่ะคือพวกก็อบลินต่างหาก ปกติแล้วพวกมันอ่อนแอกว่าหมาป่าซะอีก แต่พวกมันมีประเภทที่แข็งแกร่งขึ้นมาอีกสามประเภท มีฮ็อบก็อบลิน ก็อบลินเมจ ก็อบลินอาเชอร์ มักจะมีพวกมันปนอยู่หนึ่งตัวต่อกลุ่มก็อบลินหนึ่งกลุ่มน่ะ”
แล้วก็กลุ่มหนึ่งมีก็อบลินประมาณ5-7ตัว ถ้าพวกมันโจมตีระยะไกลได้ล่ะก็ ฉันคิดว่าพวกมันน่ารำคาญน่าดู
“แต่ว่านะ ดูเหมือนผู้เล่นกลุ่มด้านหน้าฉันจะจัดการศัตรูส่วนใหญ่ไปหมดแล้วล่ะ”
[อ่า]
[เพราะงี้ถึงไม่ค่อยมีมอนเลยสินะ]
[ตอนนี้ช่วงผู้เล่นแออัดนี่นา]
[เป็นอะไรที่รีบไปต่อทั้งที่ไม่พร้อมก็ได้เหรอ]
“ถ้าเลเวลยังไม่ถึง20โทษการตายก็น้อยด้วยนี่นา ฉันคิดว่าจะลองดูก่อนก็ไม่เสียหายหรอกถ้าได้เพิ่มเลเวลมาแล้วในระดับหนึ่งล่ะนะ ยังไงเมืองแห่งการเริ่มต้นก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำอยู่แล้วด้วย”
ขณะที่เดินไปอย่างสบายๆ ฉันก็ทุบค้างคาวที่มาทางฉันอยู่เรื่อยไป
พวกมันมีเลเวลแสดงอยู่แค่3 และฉันก็รู้สึกได้ถึงจำนวนEXPอันน่าเศร้าที่ได้รับมา
☆
พอรู้ตัวอีกทีก็มาถึงหน้าห้องบอสโดยที่ไม่ได้เจอกับก็อบลิสักตัวเลย
ดันเจี้ยนนี้จะเรียกว่าดันเจี้ยนได้จริงๆเหรอ ทางที่เดินมาก็แค่ตรงอย่างเดียวเองนะ
ไม่มีอะไรสนุกๆให้ทำอย่างหาไอเท็มลับบ้างเหรอ? ไม่มีล่ะ โอเคก็ได้
“เหมือนว่าคนท่าก่อนหน้ากำลังสู้อยู่นะ มารอกันก่อนดีกว่า”
กลุ่มคนหยาบคายที่แย่งก็อบลินไปจากฉัน ล้อเล่นหรอกนะ พวกเขาทำให้ฉันเดินทางได้ง่ายๆ เลยหรอก
[ซุคุนะ ปกติแล้วเล่นเกมหรือเปล่า?]
“เกมเหรอ ช่วง6ปีก่อนฉันเล่นทุกวันเลยล่ะ รินจังน่ะชอบเล่นเกมใช่ไหมล่ะ? พวกเราเล่นด้วยกันน่ะ แต่ว่าช่วงหลังมานี้พวกเราก็ไม่ค่อยได้เล่นด้วยกันเท่าไหร่แล้วนะ”
ขณะที่ฉันนั่งพักรออยู่หน้าห้องบอส ฉันใช้เวลาไปกับการคุยกับผู้ชม
ถ้าฉันอยู่ตัวคนเดียวฉันคงอยู่เฉยๆแล้วไม่ได้ทำอะไร
[อายุเท่าไหร่เหรอ?]
“เท่ากับรินจังนะ พวกเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่โตมาด้วยกันนี่นา”
[ทำไมถึงขยับร่างกายแบบนั้นได้ล่ะ? เล่นกีฬาหรือทำอะไรหรือเปล่า?]
“นั่นสิ ทำไมกันนะ? ฉันทำได้ก็เพราะว่าฉันทำได้…บอกได้เท่านั้นละมั้ง?”
[ชอบอาวุธไร้คมเหรอ?]
“ใช้ง่ายกว่าดาบนี่นาจริงไหม? ถ้าจะให้พูดถึงเหตุผลอื่นล่ะก็คงต้องบอกว่าชอบความรู้สึกเวลาที่ได้หวดอะไรล่ะมั้ง”
ฉันตอบคำถามต่อไปโดยไม่มีอะไรมากวนใจ
อาจจะเพราะว่าคนส่วนใหญ่กำลังเล่นเกมอยู่หรือดูสตรีมอื่นๆละมั้ง? ตอนนี้มีผู้ชมอยู่ประมาณ300คน ฉันเลยไล่ตอบคำถามได้
ในตอนนั้นเองที่ประตูได้เปิดออกมาด้วยตัวมันเอง
ดูเหมือนวาจะสู้บอสกันเสร็จแล้ว
ไม่ว่าพวกเขาจะชนะหรือแพ้ ยังไงซะตอนนี้ก็เป็นตาของฉันแล้วล่ะ
“ถ้างั้นก็ไปเลย~”
ในขณะที่เตรียมความพร้อมของร่างกายตอนที่เดินเข้ามา ฉันรู้สึกถึงประตูด้านหลังที่ปิดลง
ไม่มีทางให้หนี เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วล่ะนะ
ถึงยังไงเกมนี้ก็มีโทษการตายที่เบาอยู่แล้ว ไม่มีประโยชน์ในการเก็บข้อมูลแล้วหนีออกไปเท่าไหร่หรอก
มีทางเดินยาวประมาณ10เมตรหลังประตูและถัดออกไปเป็นโถ่งกว้าง
ค่อนข้างมีพื้นที่ที่กว้างใหญ่โดยที่กล้างโถ่งนั้นขนาดพอๆกับครึ่งหนึ่งของสนามโรงเรียนเลย มีบอสที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่
ส่วนสูงของมันประมาณสองเมตรครึ่ง กล้ามเนื้อสีแดงก่ำที่ดึงความสนใจของฉัน ตามมาด้วยเขาสองเขาบนหัว
“ยักษ์แดง เลเวล13…”
เอาจริงๆนะ หลังจากที่ได้สู้กับอาเรียมาแล้ว นี่ทำให้ผิดหวังนิดหน่อยอ่ะ
แต่ถึงยังไงมันก็เป็นบอสประจำที่นี่ ฉันไม่ควรจะประมาท
ดึงสุดยอดตะบองเหลกออกมา ฉันวิ่งไปยังยักษ์ที่กำลังกู่ร้อง
จวบจนถึงปัจจุบันนี้ฉันเริ่มชินกับร่างกายนี้มี่มีค่าสถานะเพิ่มมา7เลเวลแล้ว
ในตอนที่ฉันยิ้มให้กับความรู้สึกที่ร่างกายขยับได้คล่องตัวขึ้นเทียบกับตอนที่สู้กับหมาป่าแดงแล้ว ฉันใช้ตะบองเหล็กหวดไปยังตะบองที่ยักษ์แดงฟาดลงมา
“โอ้ว?”
ก๊อง เสียงดังออกมาเมื่ออาวุธของพวกเราปะทะกัน
ถึงแม้ว่าฉันจะเสียเปรียบจากการหวดล่างขึ้นบนแต่ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของพวกเราจะพอๆกัน พอที่จะปะทะกันอย่างสูสี
“แกแข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้ ฉันดูถูกแกไปหน่อยนะ”
แต่ถึงอย่างนั้น ความเร็วของมันยังห่างชั้นไปอย่างมาก
ฉันหลบการโจมตีถัดมาแล้วฟาดไปยังคางของยักษ์ด้วยกำลังที่พอเหมาะ
“ก๊าาาาาาาาาา!!?”
“ถึงจะไม่ใช่เบงเคแต่ค้างก็ยังเป็นจุดอ่อนเหมือนกันอยู่ดีล่ะนะ”
ความเสียหายเมื่อกี้ประมาณ10% ถ้าฉันใช้สกิลด้วยล่ะก็ อีกสัก6-7ครั้งฉันก็คงปราบมันลงได้
ถึงแม้ว่ามันจะเข้าสู่สภาวะคลั่งอย่างที่มีในเกมอื่นๆ ฉันก็ยังสามารถปราบมันได้ง่ายๆอยู่ดี
แล้วหลังจากนั้น10นาที
“ฉันเก่งเกินไปหรือเปล่านะ…?”
ขณะที่ช่องคอมเมนต์พากันพิมพ์ว่า[ก็เห็นๆอยู่] ฉันมองไปยังบอสที่ถูกฉันทุบจนตายแล้วสลายกลายเป็นโพลิกอนไป
—
[มอนสเตอร์บอสประจำดันเจี้ยน : ยักษ์แดง ได้ถูกปราบลงแล้ว]
[ดันเจี้ยน : ถ้ำแห่งการทดสอบ ถูกเคลียร์แล้ว]
[เมืองที่สอง ดูอัลลิส เส้นทางได้ถูกเปิดเผยแล้ว]
[ได้รับค่าสถานะโบนัส]
—
ชี้แจงเล็กน้อย
ชื่อของมอนสเตอร์ตามต้นฉบับใช้คาตาคานะ หมาป่าก็เป็นวูลฟ์ หมูป่าก็บอร์ ค้างคาวก็แบท ค้างคาวยักษ์ก็ไจแอนท์แบท พอแปลไทยแล้วจึงออกมาเป็น มอนสเตอร์หมาป่าชื่อ[หมาป่า] เลยฟังดูแปลกๆ
โอนิ แปลว่า ยักษ์
Ogre = ยักษ์ที่มีขนาดใหญ่
คิจิน = ยักษ์ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์
เผ่าของซุคุนะตามต้นฉบับใช้คำว่าคิจิน หลังจากนี้ถ้ามีการพูดถึงเผ่าโอนิจะใช้คำว่าคิจินแทนเพื่อให้ตรงกับต้นฉบับที่สุด
ยกเว้นกรณีของช่องคอมเมนต์ที่เรียกซุคุนะว่าโอนิโกะ หรือสาวโอนิจะใช้คำว่าโอนิตามเดิมครับ
ยักษ์ที่เป็นบอสดันเจี้ยนในตอนนี้คือRed Ogre ยักษ์ใหญ่ตัวสีแดง