อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่759 อี้เฉินเฟยตายแล้ว
ผู้อาวุโสหกเห็นแล้ว หัวใจก็แทบจะตกไปอยู่ตาตุ่ม “อาเฉิน เจ้าไปยืนอยู่บนเบ้าหลอมยาทำไม รีบลงมา เบ้าหลอมยานั้นเป็นของโบราณนะ ถ้าทำเสียงขึ้นมาจะหลอมมุกมังกรได้ยังไง”

ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรองเหมือนเข้าใจอะไรบ้างแล้ว จึงไม่ได้พูดอะไร

เวินเส้าหยีครุ่นคิด ก็รู้อะไรแล้วบ้าง มองดูแผ่นหลังที่เศร้าสลดของกู้ชูหน่วน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี จึงรู้สึกเสียใจแทนกู้ชูหน่วนในใจ

“พี่สาว ไม่เกี่ยวกับข้านะ เจ้าลากข้ามาที่นี่เอง”

จอมมารโยนความผิดทันที เขาไม่อยากให้กู้ชูหน่วนเข้าใจเขาผิดหรอกนะ

กู้ชูหน่วนไม่ได้มองจอมมาร และไม่ได้ตอบจอมมารด้วย

ดวงตาที่มีน้ำตาคลอขึ้นมา จ้องอี้เฉินเฟยไว้ไม่ละสายตา

อี้เฉินเฟยในคืนนี้สีหน้าซีดเซียวลงไปเยอะมาก ยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน มีรอยยิ้มอบอุ่นที่มุมปาก ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปตามธรรมชาติ และมีความสง่างามและสูงส่งอยู่ทุกหนแห่ง

เขายืนอยู่บนเบ้าหลอมยา ลมร้อนจากในเบ้าหลอมยาพัดออกมา พัดเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของเขาจนพลิ้วไหว เปลวไฟทำให้เขาไม่เหมือนชายหนุ่มธรรมดาทั่วไป แต่เหมือนกับเทวดาที่กำลังจะลอยกลับขึ้นไปบนสวรรค์

กู้ชูหน่วนกุมหน้าอกไว้ แสยะยิ้มอย่างเสียใจ “ที่แท้……เจ้าก็รู้นานแล้ว……”

นางช่างโง่เสียจริง

เชื่อเขาได้ยังไง……

ร่างกายของพี่เฉินเฟย ถูกกัดกร่อนจนว่างเปล่าแล้ว

ถ้าถอนคำสาปเลือดได้เร็วๆ เขาอาจจะมีโอกาสรอดชีวิตก็ได้

ตอนนี้เป็นระยะสุดท้ายแล้ว อย่าว่าแต่ยังไม่ได้ถอนคำสาปเลือดเลย ถึงจะถอนได้แล้ว ก็อาจจะรักษาเขาไม่ได้ก็ได้

และ……

การกระทำทุกอย่างของเขา เห็นได้ชัดว่าอยากจะใช้ลมหายใจสุดท้ายนี้ ทำอะไรเพื่อนาง

เขาคิดแผนการมาตลอด

จนกระทั่งตาย เขายังคิดว่าจะทำอะไรเพื่อนางได้บ้าง

“คนโง่……เจ้ามันโง่ที่สุดเลย……ข้าไม่ต้องการให้เจ้าสังเวย จะต้องมีวิธีอื่นหลอมมุกมังกรแน่นอน”

อี้เฉินเฟยหัวเราะ รอยยิ้มของเขามีความโศกเศร้าเล็กน้อย เขากะพริบดวงตาที่อบอุ่นของเขา มองดูกู้ชูหน่วนไม่ละสายตา ราวกับว่าอยากจะฝังกู้ชูหน่วนลงไปยังก้นบึ้งของหัวใจ

“นอกจากการสังเวยคนที่มีพลังหยางบริสุทธิ์และหยินบริสุทธิ์แล้ว ก็ไม่มีทางอื่นอีกเลย……”

“เจ้าลงมาก่อน มีอะไรพวกเราค่อยๆพูดค่อยๆจากกัน”

แต่ละก้าวที่กู้ชูหน่วนเดินเข้าไป อี้เฉินเฟยก็ต้องขยับเข้าไปในเบ้าหลอมยาทีละก้าว

การกระทำของเขาแสดงให้เห็นว่า ขอแค่กู้ชูหน่วนเดินเข้ามาอีกก้าว เขาก็จะกระโดดลงไปทันที

กู้ชูหน่วนถูกบังคับจนไม่กล้าเดินต่อ จึงต้องพูดปลอบทั้งน้ำตาว่า “เจ้าตกลงกับข้าก่อน ว่าจะมีชีวิตต่อไป”

“เรื่องอื่นข้าตกลงเจ้าได้ มีเพียงเรื่องนี้ พี่เฉินเฟยทำไม่ได้จริงๆ”

ผู้อาวุโสหกตบหัวตัวเอง

วันนี้เขาไม่ได้เมา

หรือว่าเขาจะฟังผิดไป?

การหลอมมุกมังกรทำไมต้องให้อี้เฉินเฟยสังเวยด้วย?

แล้วมองสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ เขาก็ถึงรู้ตัวทีหลังว่า ที่จริงแล้วการหลอมมุกมังกรจะต้องสังเวยคนด้วย?

“ข้ารู้ว่าร่างกายตัวเองดี ข้าใกล้จะหมดไฟในตัวแล้ว ถึงจะไม่สังเวย ก็ต้องตายอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็……”

ผู้อาวุโสหกรับพูดว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านก็ช่วยเกลี้ยกล่อมด้วยสิ การหลอมมุกมังกรจะต้องมีวิธีอื่นใช่ไหม? อาเฉินเป็นเด็กดีขนาดนั้น พวกเราจะเสียสละเขาไม่ได้นะ”

ผู้อาวุโสใหญ่ถอนหายใจ แล้วถอยไปข้างๆ

เขาก็ไม่อยากให้อี้เฉินเฟยตายเหมือนกัน

แต่ว่า……

บางทีโชคชะตาก็โหดร้ายเช่นนี้แหละ

ผู้อาวุโสรองพูด “เขามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เป็นเรื่องยากที่เขาจะคิดถึงเผ่าหยก ยอมเสียสละเพื่อเผ่าหยก ทุกคนของเผ่าหยกจะจำความดีของเขาไว้แน่นอน”

“เจ้าพูดอะไรออกมา ใคร ใครบอกว่าต้องใช้อาเฉินสังเวย เจ้าไปเรียกมันออกมา ข้าจะลองถามคนผู้นั้นสิ”

“เจ้าหก ถ้าเจ้าเมาก็ไปนอนข้างๆเถอะ อย่ามายุ่งเรื่องนี้เลย การเสียสละคนส่วนน้อยเพื่อช่วยถอนคำสาปเลือดของเผ่าหยก เป็นความโชคดีของคนผู้นั้น”

“บ้าไปกันใหญ่แล้ว ไร้สาระ ความโชคดีอะไรกัน ถ้าโชคดีจริง ทำไมเจ้าไม่โดดลงไปสังเวยเองล่ะ ทำไมต้องให้พ่อหนุ่มคนนั้นโดดด้วย”

ผู้อาวุโสหกโมโห ด่าออกไปอย่างไม่เกรงใจ ไม่ไว้หน้าผู้อาวุโสรองเลย

ผู้อาวุโสรองโกรธจนหน้าดำหน้าแดง

เมื่อก่อนตอนอยู่กันสองคนไม่ไว้หน้าเขาก็ช่างเถอะ ตอนนี้ยังด่าเขาต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้อีก

เขาพูดอย่างโมโหว่า “เจ้าพูดให้มันดีหน่อยนะ ถ้าช่วยเผ่าหยกได้ เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากสังเวยหรือไง? แต่ข้าไม่ได้มีหยางบริสุทธิ์ ข้าจะสังเวยได้ยังไง?”

“ใครมันบอกว่าจะต้องใช้คนหยางบริสุทธิ์และหยินบริสุทธิ์มาสังเวย ถ้าเจ้าแน่จริงก็เรียกมันออกมา ข้าจะถามมันหน่อยสิ สองชีวิตทำไมถึงต้องยอมเสียสละเพียงเพราะคำพูดเดียวของมันด้วย”

“เจ้าเป็นบ้าอะไรกัน นั่นมันสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ บรรพบุรุษจะโกหกพวกเราเหรอ อีกอย่าง อี้เฉินเฟยก็ต้องตายอยู่แล้ว ก็เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น”

“เพี๊ยะ……”

ผู้อาวุโสหกเงื้อมือขึ้นตบหน้าผู้อาวุโสรองแรงๆ ปากก็ด่าคำหยาบออกมาไม่หยุด แถมยังกดผู้อาวุโสรองลงพื้นและตบตีไม่ยั้งมือ

ถูกตบตีอย่างไม่ทราบสาเหตุ บวกกับที่คืนนี้มีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้น ผู้อาวุโสรองก็โกรธมากเหมือนกัน

จึงทะเลาะและต่อยกับผู้อาวุโสหกขึ้นมา

ยังไงเขาก็เสียหน้าอยู่แล้ว เขามีอะไรต้องกลัวอีก

ผู้อาวุโสคนอื่นเห็นแล้วก็เข้ามาเกลี้ยกล่อมกัน

กู้ชูหน่วนไม่อยากสนใจเรื่องบาดหมางระหว่างพวกเขา แค่ขอร้องอย่างน่าสงสารต่อไปว่า “พี่เฉินเฟย พี่ลงมาก่อนได้ไหม?”

“ยัยหนู ยังจำที่พี่เฉินเฟยเคยบอกได้ไหม? ความหวังทั้งชีวิตนี้ของพี่เฉินเฟยคือการถอนคำสาปเลือดให้ได้ และหวังว่าเจ้าจะมีความสุขตลอดไป”

“เจ้าอย่าเสียใจไปเลยนะ ถึงแม้พี่เฉินเฟยจะตายไป แต่วิญญาณของพี่ก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไปนะ เจ้าจะไม่มีทางเสียพี่ไปเลย”

“พี่จะพูดเรื่องนี้กับข้าทำไม ข้าบอกให้พี่ลงมาไง พี่รีบลงมาเถอะนะ……”

กู้ชูหน่วนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว นางขาอ่อนทรุดลงไปกับพื้น ตะโกนออกมาสุดเสียง น้ำตาที่กลั้นไว้นานก็ไหลพรากออกมาไม่หยุดเหมือนสายฝน

เวินเส้าหยีกับจอมมารไม่เคยเห็นกู้ชูหน่วนร้องไห้อย่างหมดหนทางแบบนี้มาก่อน

พออยากจะเข้าไปพยุงนางขึ้นมา กลับถูกคนของเผ่าหยกกดตัวลงไป

พออยากเข้าไปปลอบนาง กลับถูกผู้อาวุโสใหญ่ห้ามไว้

อำนาจที่เป็นของจอมมารก็ระเบิดออกมา แรงอาฆาตแผ่ซ่านไปทั่ว “ปล่อยนะ ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้”

“ตอนนี้เจ้าไปแล้วจะทำอะไรได้?”

“อย่ามายุ่ง”

จอมมารสะบัดแขนเสื้อ ผู้อาวุโสใหญ่ก็กระเด็นไปหลายก้าวแล้ว อวัยวะภายในยังสั่นไหวไปตามๆกัน

“อี้เฉินเฟยไม่ตาย หัวหน้าเผ่าก็ต้องตาย เจ้าอยากให้เป็นแบบนี้เหรอ?” ผู้อาวุโสใหญ่พูด

เท้าของจอมมารชะงักอยู่กับที่ ขยับต่อไปไม่ไหว

ใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ของเขาก็มีความลังเลประกายออกมา

เพียงแค่ลังเลชั่วครู่ ทุกอย่างก็มาไม่ทันแล้ว

ทันใดนั้นก็เห็นอี้เฉินเฟยฉีกยิ้ม มองดูกู้ชูหน่วนอย่างคิดถึง และยังคงพูดอย่างเอ็นดูว่า “รักตัวเองให้มากๆนะ ความสุขของเจ้า คือความสุขของข้า”

พูดจบ อี้เฉินเฟยก็กางมือออก สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกระโดดลงไปยังเบ้าหลอมยา

ก่อนเขาตาย แววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและน้ำตาของเขาประทับไปยังสายตาที่หวาดกลัวของกู้ชูหน่วน

จนถึงตายก็ไม่อาจละสายตาได้

“ไม่นะ……”

กู้ชูหน่วนรีบพุ่งเข้าไป

แต่กลับต้องถอยกลับเพราะไฟที่ปะทุแรง