Ch.23 – วิธีใช้งานพื้นที่ว่าง กับวิธีเชิญชวนเผ่าพันธุ์หนึ่ง

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

“คนไม่พอจริงๆด้วยนะ”

“ก็คนของ[หมู่บ้านฮาซามะ]มีแค่ประมาณ100คนกว่าๆเองนี่นะคะ”

“ไม่พอที่จะส่งไป[วังนาคารชุนะ]เลยสินะ…”

 

“““…เฮ้อ”””

 

ผม ริเซ็ต และฮารุกะถอนหายใจอยู่ในคฤหาสน์ผู้ใหญ่บ้าน

ด้วยการกางเขตแดนทำให้ป่าที่อยู่ระหว่าง[หมู่บ้านฮาซามะ]กับ[วังนาคารชุนะ]กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัย

การบุกเบิกที่ดินรอบๆ[หมู่บ้านฮาซามะ]ก็เป็นไปได้ด้วยดี แต่ว่าส่วนอื่นก็ได้แต่ปล่อยไว้เปล่าๆ

 

ปัญหาก็คือ ที[วังนาคารชุนะ]นั้นไม่มีคนดูแล

ตอนนี้แค่การทำสวนรอบหมู่บ้านทุกคนก็เต็มที่สุดๆแล้ว

แต่ก็จะปล่อย[วังนาคารชุนะ]ให้ว่างไร้คนต่อไปก็ไม่ได้ ถึงไม่มีอสูรมา แต่ในพื้นที่ชายแดนก็ยังมีอมนุษย์อื่นอยู่ แถมบางครั้งก็มีมนุษย์มา

ถ้ามีใครไปตั้งถิ่นฐานที่นั่น จะเป็นปัญหาเอาอีก

 

“ถ้าอย่างนั้นคิดว่าทางนี้คงต้องไปขอเผ่าที่ไว้วางใจได้ให้ไปอาศัยอยู่แล้วล่ะ”

 

ผมพูดออกไป

 

“ทำสัญญากับเผ่าอมนุษย์พันธมิตรว่าจะ[ไม่มีการต่อสู้กัน]แล้วให้ย้ายไปอาศัยแถว[วังนาคารชุนะ] ที่นั่นไม่มีอสูรอยู่แล้วดังนั้นสามารถอาศัยอยู่ได้ ทางนี้เองก็จะได้ฝากเรื่องการดูแลวังนาคารชุนะ แล้วเราก็จะได้ข้อมูลของฝั่งนั้นด้วย? เป็นการพึ่งพาอาศัยกัน คิดว่ายังไงบ้างล่ะ”

 

แน่นอนว่าถ้าอีกฝ่ายไม่เชื่อใจฝั่งนี้ แผนนี้ก็จะไม่สำเร็จ

ก็ทางฝั่งนี้ก็สามารถปิดเขตแดนของ[วังนาคารชุนะ]ให้อสูรเข้ามาโจมตีอีกฝ่ายได้ตลอดเวลานี่นะ ต้องอธิบายเรื่องนี้ให้เข้าใจแล้วยอมรับซะก่อน

 

“เรื่องนั้น…คิดว่าเข้าท่าดีค่ะ”

 

ริเซ็ตเอามือแตะคางแล้วพยักหน้า

 

“ใช้งานทั้งผู้คนและที่ดินให้เป็นประโยชน์สูงสุด…ราวกับ ราชาในอุดมคติเลยค่ะ พอได้อยู่กับท่านพี่โชมะ ก็รู้สึกราวกับได้เรียนศาสตร์การปกครองเลยค่ะ”

“เรื่องนั้นน่าจะคิดไปเองนะ…”

“ริเซ็ตเห็นด้วยทุกอย่างค่ะ ฮารุกะล่ะ?”

“คิดว่าดีค่ะ ปัญหาก็คือ จะขอเผ่าไหนดีนี่ล่ะ”

 

ฮารุกะนั่งหลังติดเก้าอี้แล้วกอดอก

 

“[หมู่บ้านฮาซามะ]นั้นไม่ค่อยสุงสิงกับเผ่าอื่น เพราะว่าอมนุษย์น่ะมีเผ่าที่เกลียดมนุษย์เข้าไส้อยู่ ดังนั้นก็เลยคิดว่าเผ่ายักษ์ที่ค้าขายกับมนุษย์เป็นพวกนอกคอก”

“ถ้ารู้ว่าท่านพี่โชมะเป็น[ผู้สืบทอดของจักรพรรดิมังกร]ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ…แต่มันก็แล้วแต่เผ่าค่ะ”

 

จากที่ทั้ง2คนบอกมา นอกจากที่ผมรู้แล้ว–ดูเหมือนที่ชายแดนยังมี[เผ่าเงือก][เผ่ามนุษย์หมาป่า][เผ่าหูยาว]อยู่ด้วย แต่ละเผ่าก็มีลักษณะเฉพาะตัว วิชาการ และวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง

…พอคิดว่าสามารถรวบรวมอมนุษย์ทั้งหมดได้แล้ว ก็เข้าใจความสุดยอดของ[จักรพรรดิมังกร]เลย

 

แต่ว่าผมไม่มีความสามารถขนาดนั้น ไม่เลียนแบบจะดีกว่า

ดังนั้นก่อนอื่นก็เริ่มจากการรวบรวมข้อมูล

 

“ก่อนอื่นก็ไปถามเผ่าที่มีขอบเขตการเคลื่อนที่กว้างแล้วก็รู้อะไรหลายๆอย่างกันเถอะ”

 

ผมบอกแบบนั้นกับริเซ็ตกับฮารุกะ

 

 

 

 

 

 

 

 

“สรุปก็คือพอจะรู้เผ่าที่จะมาอาศัยในเขตของเราได้บ้างไหมน่ะ?”

 

วันต่อมา

ผมกับริเซ็ตก็มาที่ที่อยู่ของฮาร์ปี้

 

จะให้เดินก็น่ารำคาญก็เลยใช้[ปลุกเผ่าปักษา]บินมา

แล้วก็ให้ริเซ็ตมาด้วยเพื่อนำทาง

 

พวกฮาร์ปี้อาศัยอยู่ในป่าใกล่ๆภูเขาทางใต้ของ[หมู่บ้านฮาซามะ]

เพราะว่าโดยพื้นฐานเป็นเผ่าที่อยู่ไม่เป็นที่ การสร้างหมู่บ้านก็เลยเป็นแบบง่ายๆ

เป็นบ้านแบบง่ายๆที่สร้างขึ้นจากกิ่งไม้–เรียกว่ารังจะใกล้เคียงกว่า สร้างอยู่บนต้นไม้ขนาดใหญ่

 

พอเจอพวกฮาร์ปี้ที่มาที่หมู่บ้านฮาซามะก่อนหน้า ก็เลยเข้าไปถามดูแต่ก็–

 

““มู๊~””

 

ไม่รู้ทำไมพวกฮาร์ปี้ถึงทำแก้มป่อง

ไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้โกรธสักหน่อย…?

 

“อธิบายแย่ไปเหรอ…?
ก็คือว่านะ กำลังหาเผ่าที่จะมาอาศัยอยู่ที่[ปราสาทร้าง]–ไม่สิ [วังนาคารชุนะ]ที่พวกเราเป็นเจ้าของอยู่น่ะ ถ้าปล่อยเอาไว้ ก็จะเกิดปัญหาขึ้นอีก อุตส่าห์กลายเป็นที่ดินที่ไม่มีอสูรแล้วแท้ๆ ก็ไม่อยากให้มันอยู่อย่างเปล่าประโยชน์ล่ะนะ”

 

ผมอธิบายไปอีกครั้ง

 

“ที่มาที่นี่ก็เพราะเห็นว่าฮาร์ปี้เคลื่อนที่ได้กว้าง ก็เลยคิดว่าน่าจะมีข้อมูลเยอะ มีรางวัลตอบแทนให้แน่นอน ถ้ารู้ก็ช่วยบอกหน่อยได้ไหม?”

““โหดร้ายค่ะองค์ราชา!!””

 

ถูกโกรธซะแล้ว

 

“ทำไมถึงต้องให้แนะนำเผ่าอื่นล่ะคะ!?”

“ถ้าเป็นที่ดินที่ไม่มีอสูร พวกฮาร์ปี้ก็อยากจะไปอยู่ค่ะ!!”

 

ฮาร์ปี้ทั้งสองคนตะโกนออกมาพร้อมกัน

…อ๊ะ อย่างนั้นเองเหรอ

 

“แต่ก่อนหน้านี้ พูดเอาไว้ว่า[ถ้าอสูรมาก็บินหนีไปก็พอดังนั้นอยู่ได้สบาย]ไม่ใช่เหรอ?”

“ถึงจะพูดจริงๆก็เถอะ แต่่อสูรมันก็น่ากลัวนี่คะ องค์ราชา!”

“คิดว่านั่นหมายความว่า[พวกเราคือผู้ที่ร่อนเร่ไปกับสายลม ผู้ที่จะพันธนาการพวกเราได้ มีเพียงโชคชะตากับความรักเท่านั้น]ซะอีก”

“ผิดแล้วค่ะ! แต่เท่ดีขอเอาไปใช้คราวหน้านะคะ!!

“ขอบคุณค่ะ องค์ราชา”

 

ยังไงล่ะนั่น

 

“แล้วจะดีเหรอ? ถ้าย้ายมา ถึงจะแค่ในนามแต่ก็ต้องให้ผมเป็นราชา แล้วริเซ็ตเป็นเจ้าเมืองนะ”

“คือว่านะคะ องค์ราชา” “พวกเรา ก็เรียกองค์ราชาว่าองค์ราชามาตลอดนี่คะ?”

 

ก็จริง

…งั้นก็ได้สินะ

 

“แต่ว่า อย่างน้อยก็ควรจะถามความเห็นของฮาร์ปี้ผู้ใหญ่ก่อนหรือเปล่า?”

““?””

 

พอผมพูดออกไป ทั้ง2คนก็เอียงคออย่างแปลกใจ

 

“?”

 

ทำไมริเซ็ตก็เอียงคอสงสัยด้วยล่ะ

 

“คือว่า ท่านพี่ เด็กพวกนี้ก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะ?”

“เอ๊ะ?”

 

ผมมองไปที่พวกฮาร์ปี้ตรงหน้า

…ตามมาตรฐานของโลกเดินแล้ว ก็อยู่ที่ประมาณเด็กประถมปลาย

 

“ฮาร์ปี้ ตัวไม่ใหญ่หรอกค่ะ” “ถ้าตัวโต มันจะหนักตอนบินค่ะ”

“ดังนั้น พวกเราเป็นผู้ใหญ่แล้วค่ะ” “ให้กำเนิดเด็กได้แล้วค่ะ?”

“จะคนละเผ่าก็ทำได้ค่ะ” “ในประวัติศาสตร์ของฮาร์ปี้ ก็มีเลือดผสมอยู่เยอะแยะค่ะ”

 

เรื่องลูกผสมต่างเผ่าพันธ์น่ะจะยังไงก็ช่าง…แต่ว่าอย่างนี้นี่เอง

…ดูเหมือนผมจะพึ่งความคิดจากโลกเดิมมากจนเกินไป

ก็จริงที่ถ้าจะบินบนฟ้าตัวเบาๆมันก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว ยิ่งตัวเล็กยิ่งดี

 

“ถ้าอย่างนั้นทั้งสองคนก็มีสิทธิในการตัดสินใจสินะ? จะว่าไป ชื่อล่ะ–”

“รุรุยค่ะ!” “โรโรยค่ะ!”

 

ฮาร์ปี้ทั้งสองส่งเสียงออกมาว่า รุรุยและโระโรย

 

“เป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นก็เลยมีสิทธิในการตัดสินใจระดับหนึ่งค่ะ” “แต่ว่าไปถามท่านผู้เฒ่าน่าจะดีกว่านะคะ”

 

““มาด้วยกันเถอะค่ะ องค์ราชา””

 

ทั้งสองพูดแบบนั้นแล้วพาผมกับริเซ็ตไปยังส่วนในของหมู่บ้าน

 

 

 

 

 

 

“ยืนดีที่ได้รู้จัง ข้าผู้เฒ่าเผ่าฮาร์ปี้ นามว่าราไนร่า”

 

ด้านในสุดของหมู่บ้านของฮาร์ปี้

ในรังที่ใหญ่ที่สุดบนต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุด ก็มีฮาร์ปี้ผมขาวออกมาต้อนรับพวกเรา

 

“อายุมากขึ้นมันก็ขยับตัวลำบาก ต้องขอเสียมารยาทที่มาในสภาพนี้ด้วย ท่าน[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ คิริวโอ โชมะ]”

“ไม่หรอก ทางนี้เป็นฝ่ายมาหาเอง ดังนั้นอย่างนี้ดีแล้วครับ”

 

แล้วถ้าเป็นไปได้ช่วยหยุดเรียกชื่อนั้นทีเถอะ

 

“การย้ายหมู่บ้านไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

 

ผู้เฒ่าเผ่าฮาร์ปี้พูดออกมา

ทุกครั้งที่พูดผมยาวสีขาวก็ไหวไปมา ปีกนั้นมีขนาดที่ใหญ่กว่าฮาร์ปี้คนอื่นมาก ถ้ากางแล้วก็น่าจะกว้างสัก4-5เมตร ผู้เฒ่าเผ่าฮาร์ปี้หุบปีกแล้วมองมาที่ผมกับริเซ็ต

 

“พวกเราฮาร์ปี้ต่างก็ถูก[อัศวินดำเมเซโทรัท]กับลูกน้องไล่ล่าหลายต่อหลายครั้ง การที่จัดการมันลงไปให้ ดังนั้นจะขึ้นเป็นราชาที่เป็นรายของพวกเราก็ไม่มีปัญหาอะไร ถึงจะเป็นฮาณ์ปี้ที่ร่อนเร่อยู่บ่อยๆ แต่การที่ในยุคมืดนี้–สามารถหาแหล่งที่ตั้งหลักได้ก็ถือเป็นการดีมาก”

“ขอบคุณ”

“ขอบคุณมากค่ะ”

 

ผมกับริเซ็ตก้มหัวให้พร้อมกัน

 

“ริเซ็ตเอง ก็ดีใจที่ได้พวกฮาร์ปี้เป็นพวกค่ะ”

“ถึงจะน่าเบื่อที่ไม่ได้แกล้งเจ้าแล้วก็เถอะ ลูกหลานของจักรพรรดิมังกรเอ๋ย”

 

ผู้เฒ่าฮาร์ปี้นาไนร่า หัวเราะออกมาด้วยใบหน้าราวกับเด็ก

 

“การเล่นน้่ำข้างๆน้ำตกที่เจ้ากำลังอาบน้ำ ก็เป็นความบันเทิงของพวกฮาร์ปี้เลยล่ะ”

“เอ๊ะ ตั้งใจเหรอคะ!?”

“สบายใจเถอะ ไม่ให้ฮาร์ปี้ผู้ชายเข้าไปใกล้หรอก”

 

นาไนร่าใช้ปีกจับคอแล้วหัวเราะออกมา

ท่าทางจะสนุกมาก

 

บางที…พวกฮาร์ปี้คงจะถูกใจริเซ็ตสินะ?

เพราะว่าริเซ็ตมีนิสัยจริงจังมาก ก็เลยแกล้งสนุกสินะ

 

“เอาล่ะ องค์ราชา ในเมื่อเป็นลูกน้องของคุณแล้ว ช่วยฟังคำขอร้องหน่อยได้ไหม?”

“คำขอร้อง?”

“ยังไงคุณเองก็จะออกไปยังโลกของมนุษย์อยู่แล้ว ตอนนั้น…ถ้ายังไง อยากจะให้ช่วยหาคนหน่อย”

 

ฮาร์ปี้นาไนร่ามองมาที่ผมด้วยดวงตาแดงก่ำ

 

“แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องออกเคลื่อนไหวเพื่อเรื่องนั้นหรอก แค่ถ้าเกิดรู้ข่าวคราวของคนคนนั้น ก็อยากให้มาบอกข้าหน่อย แค่นั้นก็พอแล้ว”

“ได้สิ ถ้าแค่นั้นล่ะก็”

 

ผมพยักหน้า

 

“ผมเองก็อาจจะไปที่ดินแดนของมนุษย์เร็วๆนี้ล่ะ แล้วคนที่อยากให้หาคือ?”

“หลานของข้าน่ะ ชื่อว่า[พริม] ชื่อจริงๆนั้น…เอามาจากชื่อของบรรพบุรุษของนกในตำนานของพวกเรา–[พริมเทียร์ เบบี้ฟินิกส์] ก็จะใช้ชื่อในหมู่มนุษย์ว่าพริมน่ะ”

“หลานของคุณ…ถ้าอย่างนั้นคิดว่าไม่นานก็น่าจะเจอ”

 

ถ้าเป็นหลานของนาไนร่าก็แสดงว่าเด็กคนนั้นก็เป็นฮาร์ปี้

ถ้าอยู่กับมนุษย์ก็ต้องเด่นอยู่แล้ว…

 

“พริมเป็นเด็กที่เกิดจากมนุษย์กับฮาร์ปี้น่ะ”

 

ไม่รู้ทำไมนาไนร่าถึงก้มหน้าลง แล้วเธอก็พูดต่อ

 

“ดูเหมือนว่าเลือดของพ่อจะเข้มข้น เธอก็เลยเกิดมาในรูปลักษณ์ของมนุษย์ แต่จิตใจก็ยังคงเหมือนกับฮษร์ปี้ ก็เลยอยากรู้อยากเห็นไปหมด เด็กสาวที่มีความอยากรู้ของฮาร์ปี้กับภูมิปัญญาของมนุษย์…ก็เลยออกเดินทางไปยังดินแดนของมนุษย์เพราะว่าอยากจะเรียนรู้โลกกว้างน่ะ”

“ลูกครึ่งมนุษย์กับฮาร์ปี้เหรอ”

“ไม่ต้องพากลับมาก็ได้ แต่อยากจะรู้ว่ายังอยู่ดีไหม ในฐานะยายน่ะ”

“เข้าใจแล้ว จะรับเรื่องไว้ให้”

“ขอบคุณ”

 

นาไนร่ากางปีกสีขาวบริสุทธิออก

 

“ถ้าอย่างนั้น…ในฐานะผู้เฒ่าของเผ่าฮาร์ปี้ ขอสัญญา ณ ที่ตรงนี้ ว่าพวกเราจะเป็นประชากรของคุณ ปีกคู่นี้จะเป็นพลังให้กับราชา สิ่งที่พวกเรารับรู้ทั้งหมด จะเป็นข้อมูลให้กับราชา”

“…ไม่ต้องพูดใหญ่โตขนาดนั้นก็ได้นะ”

“เอาเถอะ ยังไงซะ พวกเราก็สนใจในตัวคุณอยู่นะ”

 

นาไนร่าพูดแบบนั้นแล้วหลับตาข้างหนึ่ง

 

“พริมอาจจะเป็นพลังให้คุณได้ก็ได้ เพราะว่าเป็นเด็กที่รอบรู้แล้วก็ฉลาดมาก”

“เด็กสาวที่มีความอยากรู้ของฮาร์ปี้กับภูมิปัญญาของมนุษย์เหรอ…”

“ถ้าพริมสามารถมาเป็นแหล่งความรู้ให้คุณได้ การหาตัวเธอก็เป็นการเพิ่มพลังให้คุณใช่ไหมล่ะ?”

“…ก็อาจจะ”

 

ถ้าได้คนที่รู้เรื่องดินแดนของมนุษย์ในโลกนี้มาเป็นพวก ก็ช่วยได้เยอะจริงๆ

ทั้งริเซ็ตทั้งฮารุกะ ต่างก็ใช้ชีวิตอยู่ที่ชายแดนมาตลอด ที่ได้สัมผัสด้วยก็มีแค่พวกคนที่อยู่ใกล้ๆชายแดน…สำหรับกองทัพของผม–ไม่สิ ถึงจะไม่ได้คิดทำสงครามอะไรก็เถอะ–แต่ก็อาจจะเป็นแอดไวซ์เซอร์ให้ผมได้ก็ได้

 

“จะว่าไปแล้วมีเรื่องอยากจะถามพวกฮาร์ปี้หน่อยน่ะ”

 

ลืมไปเลย

เป้าหมายของผมในตอนนี้ก็คือการหาฐานที่สามารถใช้[ชีพจรมังกร]ได้อีกสักที่หนึ่ง

ถ้าสามารถสร้างเส้นพลังเวทเป็นสามเหลี่ยมได้ล่ะก็ จะได้มีพื้นที่ปลอดภัยที่กว้างยิ่งขึ้น

ถ้าทำแบบนั้น…บางที อาจจะทำให้ได้พวกอมนุษย์ทั้งหมดเป็นพรรคพวกก็ได้

 

“เพราะว่าพวกฮาร์ปี้สามารถเคลื่อนที่ได้กว้างก็เลยคิดว่าน่าจะรู้ภูมิประเทศอย่างละเอียด ก็เลยขอถามหน่อย…แถวๆนี้มีปราสาทหรือป้อมปราการเก่าๆบ้างไหม?”

“ปราสาทหรือป้อมปราการเก่าๆ…สินะ?”

 

นาไนร่าทำท่าคิดเล็กน้อย–

 

“อืม ก็มีอยู่หลายที่หรอก”

“จริงเหรอ?”

“แถวๆภูเขาระหว่างชายแดนกับเขตของมนุษย์ เคยเจอป้อมปราการเก่าๆอยู่ เพียงแต่ที่นั่น…ตอนนี้ถูกลัทธิแปลกๆยึดเป็นฐานแล้วนี่สิ?”

“ลัทธิแปลกๆ?”

“ลัทธิที่ใช้เวทมนตร์ดำค่ะ”

 

ริเซ็ตพูดเสริมคำพูดของนาไนร่า

 

“ช่วงนี้ มีลัทธิที่ได้ยินชื่อมาบ่อยๆ–ถ้าจำไม่ผิดก็ชื่อว่า[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]ค่ะ มีคำสอนที่ว่าประเทศของจักรพรรดิมังกร–อาริเชียได้จบสิ้นลงไปแล้ว แล้วก็จะทำการก่อกบฎเพื่อก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ค่ะ”

“แถมยังทำการอย่างใช้เวทมนตร์ดำควบคุมแมลง โจมตีหมู่บ้านต่างๆ เพื่อบังคับให้พวกชาวบ้านมาเป็นลูกน้องด้วย”

“…อย่างนี้นี่เอง”

 

ริเซ็ตเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเพราะอำนาจของราชวงศ์ของอาริเชียอ่อนแอลง ทำให้มีลัทธิแปลกๆมีกำลังเพิ่มขึ้น

เจ้าพวกนั้นยึดป้อมปราการใกล้ชายแดนเป็นฐาน…เหรอ

 

“นั่นคือ การยึดแบบผิดกฎหมายสินะ”

“เอ๊ะ? อ๊ะ ค่ะ ใช่แล้วค่ะ”

“รวบรวมกำลังคนตามใจชอบ แล้วยึดปราการเก่าเอาไว้นี่ล่ะนะ”

 

ริเซ็ตกับนาไนร่าพยักหน้าพร้อมกัน

เป็นการยึดแบบผิดกฎหมายไม่ผิดแน่

 

“ถ้าอย่างนั้น มีเรื่องจะขอริเซ็ตกับพวกฮาร์ปี้หน่อย”

 

ผมพูดออกไป

 

“โทษทีนะแต่ทุกคนช่วยตามไปสำรวจหน่อยได้ไหม?”