บทที่ 834 การคุกคามอย่างโจ่งแจ้ง

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 831 การคุกคามอย่างโจ่งแจ้ง

ห้องอยู่ไฟร้อนมาก เจ้าห้าสวมใส่ชุดแขนขาสั้น มองแล้วซูบผอมมาก ขาวใสละมุนแต่ทว่ามองแล้วน่ารักมาก

ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มลูกน้อยมาไว้ในอ้อมแขน เจ้าห้าลืมตามองฉีเฟยอวิ๋น เท้าอันน้อยๆเริ่มกวัดแกว่ง อย่างเชื่องช้า ซนเสียเหลือเกิน

จื่อฮว่าลืมตาขึ้น พลิกตัวมอง

ไป๋หลิงกล่าวอย่างตลกขบขันว่า“ที่จริงไม่มีสิ่งใดที่ไม่ดี เจ้าห้าอยู่ ข้าก็วางใจอย่างมาก ตระกูลไป๋ของพวกเรา แม้จะมีผู้หญิงเป็นผู้มีอำนาจในครอบครัว อีกอย่างมันยังต้องเผชิญกับเรื่องโหดร้ายอีกด้วย การเอาตัวรอดของจุนจู่แต่ละรุ่นไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เพียงแต่จะต้องอยู่ร่วมกับแมลงตั้งแต่เด็ก แต่ยังกินแมลง นอนกับแมลง และจนกระทั่งปล่อยให้แมลงเข้าไปในร่างกาย

มีหลายเรื่องที่พวกท่านไม่เคยได้ยิน แต่ข้ามีประสบการณ์ผ่านมา

อวิ๋นเฟิงไม่ใช่สามีคนแรก สามีคนแรกของข้าจริงๆคือพี่ชายของอวิ๋นเฟิง อวิ๋นไห่

อวิ๋นไห่กับข้าเป็นคนที่มีใจให้กันตั้งแต่เด็ก อวิ๋นไห่ช่วยข้า เลยตายอยู่ในฝูงแมลง

ต่อมาอวิ๋นเฟิงทำเพื่อที่จะช่วยข้า เลยคบหากันข้า

บดทดสอบสุดท้ายของพวกเรา ก็คือตั้งครรภ์ลูกสาว

ใช้ชีวิตสามคนยังเป็นความโหดร้าย

เด็กผู้หญิงหลายคนอยากจะเป็นจุนจู่ ตอนที่รู้ว่าตั้งครรภ์ครั้งแรกเป็นเด็กผู้ชาย ก็จะต้องนั่งฌานละสังขาร

เกี่ยวกับการนั่งฌานละสังขาร ก็คือการใช้การฝึกฝน เป็นเวลาเจ็ดถึงสี่สิบเก้าวัน ไม่กินหรือดื่ม อยู่ร่วมกับแมลงหนอน และเพื่อฝึกฝนหลักกฎเกณฑ์หนอนพิษกู่

นี่คือวิธีฝึกจิตใจ อันที่จริงมันยากมากที่หลังจากไม่ลูกแล้ว คนจะมีชีวิตที่ตกยากลำบาก นี่มันโหดร้าย แต่ทุกคนต่างก็นั่งฌานละสังขาร

ข้ากับอวิ๋นเฟิงโชคดีมาก คนแรกก็เป็นลูกสาวเลย

และเขาทุ่มเทเพื่อข้า ตอนที่ข้ามีเรื่อง เขาก็จะขวางช่วยข้า

บรรพบุรุษของตระกูลเจียงล้วนเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องของตระกูลไป๋ ในบรรดาจุนจู่ที่เคารพนับถือของตระกูลไป๋ แต่ละรุ่น ลูกหลานหลายคนของตระกูลเจียงจะได้รับเลือกให้เป็นผู้ช่วยปกครอง

รุ่นนี้ตระกูลเจียงมีลูกชายสองคน อวิ๋นไห่ไม่อยู่แล้ว ข้าสูญเสียโอกาสที่จะเป็นจุนจู่ไป จากนั้นเป็นอวิ๋นเฟิงที่ยืนกรานที่จะอยู่คบหากับข้า เพื่อที่บุคคลในวงศ์ตระกูลเดียวกันจะก้มหัวหมอบศิโรราบให้ข้า

แม้แต่พี่สาวของข้า ก็ล้วนอยากทำร้ายข้า นำอวิ๋นเฟิงเข้าไปพัวพันด้วย

เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ให้กำเนิดก็รีบร้อนอยากจะมีอยากจะให้กำเนิด พอหลังจากที่มีแล้วมันกลับกลายเป็นความกังวลใจ

แต่ตอนนี้ ข้ารู้สึกว่ามีเจ้าห้าอยู่ มันเป็นปกปักรักษาคุ้มครองอยู่

ข้าต้องการลูกเขยที่แข็งแกร่ง จื่อฮว่าก็ต้องการ”

ฉีเฟยอวิ๋นตบเจ้าห้าเบาๆ แล้ววางลูกลง เจ้าห้าลุกขึ้นเดินไปดูจื่อฮว่า ทั้งสองจึงนอนเคียงคู่กัน

“ไป๋จุนจู่ ข้าเข้าใจความหมายของท่าน เจ้าห้าหลักแหลมอย่างนี้ พอโตแล้วจะต้องเป็นบุคคลที่มีความสามารถ จุดเล็กน้อยนี้ราวกับว่าไม่ต้องมีข้อสงสัยเลย”

“จริง”

ไป๋หลิงก็คิดเช่นนี้

ฉีเฟยอวิ๋นจับที่ขาแน่งน้อยของเจ้าห้า เจ้าห้าอยากจะถีบเล่น ผลสรุปกลับถูกฉีเฟยอวิ๋นดึงไว้ ถีบไม่ได้ เจ้าห้าเลยมองฉีเฟยอวิ๋น

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“เจ้าห้าเก่งมีพลังแค่ไหนกัน สามารถวิ่งได้ทีทั่วทุกสารทิศ แต่เท้าเขาเล็ก แล้วยังถูกข้าจับไว้ จนปัญญามาก!”

ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้ามองไป๋หลิง กล่าวว่า“ ภูผาสูงยังมีภูผาที่สูงกว่า ข้าไม่รู้สึกว่าลูกน้อยมีความแข็งแกร่งจะมีประโยชน์ และมันก็ไม่จำเป็นด้วย

ข้าหวังว่าเจ้าห้าจะมีความสุข

เจ้าได้เป็นจุนจู่ที่เจ้าต้องการ เจ้ามีความสุขหรือไม่?

สูญเสียคนที่รัก เจ้าไม่ทุกข์ทรมานหรือ?

ไม่ได้กังวลว่าเจ้าห้าจะเกิดเรื่องราวโดยเฉพาะนะ แต่จากมุมมองของคนที่มาดูเรื่องราวนี้ คือการรักใครสักคนเพื่อยอมตายแทนเขาถือเป็นเรื่องดี และมันก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าความรักนี้สามารถอยู่เหนือชีวิตได้

แต่หากคนหนึ่งสามารถมีชีวิตเพื่อคนคนหนึ่งได้ จนกระทั่งมีชีวิตด้วยกันมันจะยิ่งดี เช่นนั้นมันถึงจะมีความหมาย”

ไป๋หลิงไม่ได้พูด ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ข้าหวังว่าเจ้าห้าจะมีความสุขสุขภาพแข็งแรง ข้าสนับสนุนเจ้าห้า หากเจ้าห้าโตแล้วต้องการไปช่วยเหลือจื่อฮว่า ข้าก็จะช่วยสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่

แต่ในใจของพวกเจ้าถามแค่ความสุขของเจ้าใช่หรือไม่?”

ไป๋หลิงไม่พูด ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองเจ้าห้าที่จริงจังขึ้น กล่าวว่า“ข้าไม่รู้ว่าอนาคตเจ้าห้าจะทำสิ่งใด แต่สำหรับข้า หากลูกของข้าไปทำเรื่องที่ไม่มีความสุข ข้าไม่มีทางยอมหรอกนะ

ข้าคิดว่าเจ้าต้องได้รับคำสั่งจากพ่อแม่ของเจ้า และพวกเขาคิดว่าเจ้าจะต้องไปเป็นจุนจู่อะไรนั่นอย่างแน่นอน เจ้าถึงได้พยายามไปทางด้านของการเป็นจุนจู่

เจ้าก็กลัว เจ้าก็ไม่ยินยอม เด็กผู้หญิงนะ ใครพอเกิดมาแล้วชอบแมลงเลยล่ะ?

เป็นพ่อแม่เจ้าพูดบอกกับเจ้า เจ้าคือจุนจู่ เจ้าต้องชนะทุกสิ่ง เจ้าต้องกลายเป็นจุนจู่ที่ดีที่สุด เป็นพวกเขาที่เปลี่ยนแปลงเจ้า เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จอมปลอม ความจอมปลอมเป็นพวกเขาที่มอบแก่เจ้า”

ไป๋หลิงเงียบอึมครึม มองไปทางจื่อฮว่า เป็นเวลานานถึงได้พูดว่า“แต่นางเป็นลูกสาวของครอบครัวเรา เกิดมาก็มีภาระที่หนักอึ้ง”

“ภาระอันหนักอึ้งเป็นความสุขของนาง ไม่ใช่การทุ่มเท”ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงเจ้าของร่างเดิม สูดหายใจเข้าลึกๆกล่าวว่า“อย่าคิดว่าทุกคนยอดเยี่ยมนัก พวกเจ้าไม่มีใครสามารถตัดสินชะตากรรมของคนอื่นได้ แต่พวกเจ้าสามารถให้โอกาสพวกเขานั้นมีความสุขได้

จื่อฮว่ายังเด็ก พ่อแม่ของนางเป็นผู้ให้โลกของนาง ถ้าพวกเจ้าทำกรงเหล็กให้นางและบอกนางว่านี่เป็นห้องส่วนตัวสูง ๆ ที่สวยงามที่สุด นางจะคิดว่ามันเป็นห้องส่วนตัวสูงที่สวยงามที่สุดเมื่อนางเติบโตขึ้น

แต่ถ้าพวกเจ้าให้ความคิดที่เปิดกว้างสวยงามกับนาง บอกนางว่านี่คือความสุข นางก็จะมีความสุข!”

ไป๋หลิงพยักหน้า กล่าวว่า“ใช่ สิ่งที่ท่านกล่าวข้าเชื่อ แต่พวกเรา…..”

“หากพวกเจ้ากังวล สามารถให้จื่อฮว่าอยู่ได้ หลังจากนี้ไม่กี่ปีค่อยแยกจากไป เจ้าห้าจะต้องปกป้องจื่อฮว่าได้แน่นอน”

“ไม่ได้หรอก ข้าทำใจไม่ได้”

ไป๋หลิงรีบกล่าวปฏิเสธ พอได้ได้สติเข้าใจถ่องแท้ขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นอยากจะหลอกนาง

นางไม่มีทางยอมถูกหลอกหรอกนะ

ฉีเฟยอวิ๋นหมดคำจะพูด เลยเดินออกไปด้านนอก จึงถูกไป๋หลิงเรียกไว้

“พระชายา ท่านคิดอย่างไร?”

“ข้าอยากให้พวกเขามีความสุข หากว่าเป็นบุพเพสันนิวาส จีบอยู่นานยากลำบากถึงได้เป็นเนื้อคู่กัน วันนี้มาถึงสถานที่นี้ มันเป็นเพราะความคิดของผู้ใหญ่ ไม่มีความสุข ทำให้เกิดเรื่องราวอย่างนั้นอย่างนี้ขึ้นมา มันเศร้าใจ”

ไป๋หลิงถามว่า“หากว่านางไม่ใช่จุนจู่ ฐานะก็ต่ำแล้ว เช่นนั้นไม่ใช่ว่าไม่คู่ควรกับเจ้าห้าหรือ?”

“เจ้าห้าเป็นคู่หมั้นของนางแล้ว มีสิ่งใดที่ไม่คู่ควรอีก รูปโฉมของจื่อฮว่า พอโตแล้วยังต้องกังวลว่าจะไม่มีคนชอบหรือ?

ไม่ต้องพูดเลยว่าเจ้าห้าไม่ชอบ ต่อให้เขาไม่ชอบนะ จื่อฮว่าก็มีคนมาชอบมากมาย คนเหล่านั้นอาจจะไม่แย่ไปกว่าเจ้าห้าเลยเมื่อเทียบกัน”

“ก็จริง!”

เจ้าลุกขึ้นนั่งมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างไม่สบอารมณ์ทันที

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าจะมีคนแย่งชิง อย่างนั้นก็ต้องขยันแล้ว อย่าคิดว่าตอนนี้เจ้าเป็นคู่หมายของจื่อฮว่าแล้ว ต่อไปอย่าคิดว่าเจ้ามีที่พึ่งพิงแล้วจะไม่กลัว

เมื่อสมัยนั้นพ่อกับแม่นะ อย่างไรแม่ก็จะเอาพ่อของเจ้า ตอนแต่งงานพ่อของเจ้าเกือบจะบีบแม่ตายเชียว”

“เลอะเทอะ เจ้ากล่าววาจาเลอะเทอะอีกแล้ว”หนานกงเย่เจ็บแปลบ ประโยคไหนไม่ควรพูด ก็พูดอันนั้นออกมาเสียแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน มองเจ้าห้าแล้วกล่าวว่า“ถ้าเจ้าเติบโตขึ้นมาไม่ดีไม่เก่ง แต่มีคนอื่นที่ดีกว่าเก่งกว่าเจ้า อย่างนั้นเจ้าควรจะยินดีและยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่ได้ดีอย่างเขา ก็ต้องถอนถอยออกมาเองนะ”

“เชอะ!”เจ้าห้าทำเสียงหึในลำคอ ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้วกล่าวว่า”ทำเสียงเชอะใส่ผู้ใดกัน?เชื่อหรือไม่ แม่สามารถทำให้เจ้ากับจื่อฮว่าอยู่ด้วยกันจนผมหงอกได้ และก็ทำให้ชาตินี้เจ้าไม่สามารถเจอจื่อฮว่าได้ด้วย?”

เจ้าห้ามองฉีเฟยอวิ๋น กล่าวว่า“ผิด!”

“เจ้าผิดหรือ?”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถาม คนอื่นฟังไม่เข้าใจ แต่เจ้าห้านั้นฟังเข้าใจ

“ผิด!”เจ้าห้าพยายามจะพูดออกมา

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ครั้งนี้ยกเว้น ครั้งหน้าเจ้าจะไม่เจอจื่อฮว่าแล้ว”

เจ้าห้าเม้มปากแน่น ไม่กล่าวอะไร

ฉีเฟยอวิ๋นอยากจะสั่งสอนลูกชาย ถึงได้หมุนตัวเดินไป