เวินฉิงมองเฉินโม่ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวโม่ ขอแอบถามหน่อย นายยังมีอีกกี่เรื่องที่ปิดบังเราอยู่”

เฉินโม่มองแววตาแปลกใจของเวินฉิง เขารู้ว่าเรื่องบางเรื่องต้องโดนเวินฉิงสังเกตได้แล้ว รวมถึงแม่ก็ต้องกำลังสงสัยอยู่เช่นกัน การที่พวกเธอไม่ถาม เพราะให้ความเคารพตัวเอง ไม่อยากให้ตัวเองลำบากใจ

ดังนั้นเฉินโม่จึงไม่จำเป็นต้องปิดบัง เขายิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “พี่เวินฉิง เรื่องบางเรื่องไม่ใช่ว่าผมไม่อยากบอก แต่ยังไม่ถึงช่วงที่ให้พวกคุณรู้ รอให้ถึงเวลา ผมจะสารภาพทุกอย่างเลย”

มองสายตาเป็นกังวลของเวินฉิง เฉินโม่พูดเสริมอีก “พวกคุณวางใจได้เลย ทุกอย่างที่ผมทำเปิดเผยถูกต้อง เงินพวกนั้นของผม ก็มีที่มาอย่างถูกต้อง พวกคุณไม่ต้องห่วงความปลอดภัยของผม จากพละกำลังของผม บนโลกนี้มีน้อยคนที่จะทำร้ายผมได้”

เวินฉิงมองเฉินโม่อยู่นาน จึงพยักหน้า “โอเค ฉันเชื่อเสี่ยวโม่ แต่ฉันแนะนำให้นายรีบหาเวลาสารภาพกับประธาน เพราะประธานสงสัยนายนานแล้ว”

“ได้ ผมจะรีบหาเวลาบอกทุกสิ่งกับทุกคน” เฉินโม่พยักหน้า ยังไงเรื่องบางเรื่องก็ปิดได้ไม่นาน เขาก็มีความคิดอยู่ตลอดว่าจะสารภาพทุกอย่าง

“งั้นฉันเอาข่าวดีที่แก้ไขเรื่องเงินได้แล้ว ไปบอกประธานก่อน นายจะไปด้วยกันไหม” เวินฉิงมองเฉินโม่ รอยยิ้มขบขันผุดขึ้นบนใบหน้าสวย

เฉินโม่หัวเราะร่า “ผมไม่ไปแล้ว เผื่อแม่ถามนั่นถามนี่ขึ้นมาอีก”

“รู้อยู่แล้วว่าเด็กดื้ออย่างนายไม่ไปหรอก งั้นฉันไปละ” เวินฉิงยิ้มแล้วดุออกมา จากนั้นก็หันหลังเดินไป มีกลิ่นหอมออกมาด้วย

ในห้องทำงานของหลี่ซู่เฟิน หลังจากฟังรายงานจากเวินฉิง หลี่ซู่เฟินก็เป็นเหมือนเวินฉิง ตกใจไม่พูดอะไรอยู่นาน

“ประธาน เราจะรีบแจ้งเลยไหมคะ เพื่อทำให้ใจของทุกคนมั่นคง” เวินฉิงถามขึ้น

หลี่ซู่เฟินกลับมาใจเย็นเหมือนเดิม เธอมองเวินฉิงแล้วพูดว่า “อย่าทำแบบนี้ อย่าเพิ่งประกาศข่าวนี้ก่อน ให้พวกที่ไม่สามารถร่วมลำบากไปกับเหม่ยหวา กรุ๊ปออกไปให้หมด! อันที่จริงนี่เป็นโอกาสดี เหม่ยหวา กรุ๊ปพัฒนาเร็วเกินไป ใช้โอกาสนี้คัดพวกที่เป็นภัยต่อบริษัทออกให้ไปให้หมด”

เวินฉิงพยักหน้าด้วยใบหน้านับถือ “ประธานฉลาดมาก”

“อีกสามวัน จะถึงกำหนดเวลาที่ธนาคารให้เรา วันนั้นเราค่อยประกาศข่าวนี้ต่อหน้าคนตระกูลหลี่” รอยยิ้มเย็นชาผุดขึ้นบนใบหน้าหลี่ซู่เฟิน

“ค่ะ!” เวินฉิงพยักหน้าอย่างตื่นเต้น

นัยน์ตาหลี่ซู่เฟิน มีความกังวลปรากฏขึ้นมา “เธอว่าเสี่ยวโม่กำลังทำเรื่องอะไรปิดบังเราอยู่ น่าเป็นห่วงจริงๆ!”

เวินฉิงกระอักกระอ่วน เธอก็ไม่กล้าว่าอะไรเฉินโม่ ทำได้เพียงปลอบหลี่ซู่เฟินว่า “ประธานวางใจเถอะ เสี่ยวโม่โตขนาดนี้แล้ว เขาทำอะไรน่าจะยับยั้งชั่งใจได้ คุณต้องเชื่อใจเขานะคะ!”

“อันที่จริงฉันเชื่อใจเขามาก ตั้งแต่งานประชุมสุดยอดของฮ่านหยาง ฉันดูออกว่าทัศนคติในการจัดการเรื่องต่างๆ ของเขาเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก ดังนั้นจึงยอมปล่อยเขา แต่ตอนนี้เรื่องบางเรื่องที่เขาทำ ทำให้ฉันอดทึ่งไม่ได้จริงๆ!”

หลี่ซู่เฟินถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น

“ประธาน แค่เขาไม่ทำเรื่องไม่ดีก็พอแล้ว เสี่ยวโม่ยิ่งเก่ง ก็ยิ่งเป็นผลดีกับเรานะคะ!” เวินฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม

“อืม งั้นไม่ต้องไปสนใจเขาก่อน เธอไปจัดการก่อน อีกสามวันเราจะตอบโต้กลับอย่างรุนแรง เล่นงานให้ตระกูลหลี่ตั้งตัวไม่ทัน” ความตื่นเต้นฉายออกมาทางแววตาหลี่ซู่เฟิน โดนตระกูลหลี่กดขี่เล่นงานมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็ได้ตอบโต้กลับสักที

อีกสามวัน ถึงกำหนดเวลาที่ธนาคารให้เหม่ยหวา กรุ๊ปคืนเงิน

แน่นอนว่ามีตระกูลหลี่คอยขัดขาอยู่ในนั้น ไม่งั้นคงยืดเวลาให้เหม่ยหวา กรุ๊ปได้อีกสักหน่อย

หลี่ลี่เหวินกับผู้รับผิดชอบธนาคาร พาลูกน้องกลุ่มหนึ่ง รวมถึงพวกบริษัทที่พึ่งพาตระกูลหลี่ มายังเหม่ยหวา กรุ๊ป

พนักงานของเหม่ยหวา กรุ๊ปมองคนพวกนี้ แต่ละคนมีความโมโหเต็มหน้า คนที่อยู่ต่อจนถึงตอนนี้ โดยรวมแล้วเป็นพนักงานที่มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อเหม่ยหวา กรุ๊ป เห็นตัวการที่ทำลายเหม่ยหวา กรุ๊ปปรากฏตัวออกมา พวกเขาจะไม่โมโหได้อย่างไร