เฉินโม่กระอักกระอ่วนเล็กน้อย ถ้าเวินฉิงรู้ว่าเขาเป็นคนสร้างน้ำชีวิตขึ้นมา เธอจะตีเขาไหม!

แต่นี่ถือเป็นเรื่องดี จากเรื่องนี้ดูออกเลยว่าฉู่เหวินสงจัดการเรื่องน้ำชีวิตอย่างเข้มงวดมาก คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ไว้หน้าแม้แต่เหม่ยหวา กรุ๊ป

เฉินโม่มองเวินฉิง ยื่นหน้าออกมาเล็กน้อย แล้วพูดอย่างระแวดระวังว่า “พี่เวินฉิง ถ้าผมบอกว่าผมเป็นคนสร้างน้ำชีวิต พี่จะเชื่อไหม”

เวินฉิงอึ้งไป ดวงตาใสเป็นประกายจ้องเฉินโม่อย่างเหม่อลอย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตกใจกลัว

แต่ไม่นานเวินฉิงก็กลับมาเป็นปกติ เธอยิ้มแล้วดุว่า “ไอ้เด็กดื้อ นายนี่ชอบพูดไร้สาระ ถ้านายสร้างน้ำชีวิตได้ งั้น……”

จู่ๆ เวินฉิงพูดต่อไปไม่ได้อีก เพราะเฉินโม่เอาขวดหยกเล็กๆ วางไว้บนโต๊ะชาแล้ว กลิ่นอ่อนๆ ที่ออกมาจากขวดหยก หลังจากเวินฉิงได้กลิ่นก็รู้สึกจิตใจเบิกบานผ่อนคลาย

“นี่คือ……” เวินฉิงมองเฉินโม่อย่างตกตะลึง

เฉินโม่พอใจกับท่าทางที่เวินฉิงแสดงออกมามาก เขายิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “นี่คือน้ำชีวิตไง! พูดให้ถูกก็คือหัวเชื้อน้ำชีวิต!”

เวินฉิงอึ้งไปอีกครั้ง ครั้งนี้ผ่านไปนานเธอก็ยังตั้งสติไม่ได้ นักธุรกิจสาวแกร่งคนนี้ จ้องขวดหยกบนโต๊ะอย่างเหม่อลอย ไม่พูดอะไรอยู่นาน

เฉินโม่โบกมือไปมาตรงหน้าเวินฉิง แล้วเรียกเบาๆ “พี่เวินฉิง”

เวินฉิงเพิ่งตั้งสติได้ แต่ท่าทางยังดูเชื่องช้า สายตาเธอหันมาทางเฉินโม่ ถามด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างมากว่า “เสี่ยวโม่ นายพูดจริงเหรอ น้ำชีวิตที่สะเทือนไปทั่วประเทศ นายเป็นคนสร้างจริงเหรอ”

เฉินโม่พยักหน้ายืนยัน “จริงสิ เรื่องแบบนี้ผมจะหลอกพี่เวินฉิงได้เหรอ”

เวินฉิงนั่งลงบนโซฟาทันที มองเฉินโม่ด้วยใบหน้าหมดคำพูด “ถ้านายพูดจริง งั้น……”

เวินฉิงไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตัวเองอย่างไร มองเฉินโม่เหมือนเพิ่งรู้จักเขาครั้งแรก

“เสี่ยวโม่ นายยังมีอีกกี่เรื่องที่ปิดบังเราอยู่”

เฉินโม่พูดด้วยรอยยิ้ม “ก็ผมบอกอยู่นี่ไง จากความสามารถของผม สร้างน้ำชีวิตออกมา ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พี่เวินฉิงถึงกับต้องตกใจเหมือนกระต่ายตื่นตูมแบบนี้เลยเหรอ”

เวินฉิงเคยเห็นพละกำลังของเฉินโม่ รู้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าสร้างน้ำชีวิตออกมาได้จริง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ดังนั้นเวินฉิงจึงยอมรับความจริงนี้ แต่ยังรู้สึกไม่ต่างจากฝันเท่าไร เธอนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา

เฉินโม่ไม่ได้รบกวนเวินฉิง เขารู้ว่าจะให้เวินฉิงยอมรับอย่างสมบูรณ์แบบ จำเป็นต้องให้เวลาเธอ

เพราะสิ่งที่ทำลายความรู้ความเข้าใจอย่างกะทันหัน จะให้ยอมรับ จำเป็นต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง

แม้เวินฉิงได้เจอได้เห็นอะไรมาเยอะ แต่เมื่อเผชิญกับเรื่องที่เหนือเหตุผลเช่นนี้ จำเป็นต้องใช้เวลาทำให้ใจเย็นลงสักระยะ

ทั้งสองนั่งเงียบๆ อยู่ในห้อง ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร เวินฉิงตั้งสติได้ เธอมองเฉินโม่แล้วพูดว่า “เสี่ยวโม่ เรื่องนี้นายจะบอกประธานไหม”

เฉินโม่คิดไว้นานแล้ว จู่ๆ เอาเงินจำนวนมหาศาลตั้งห้าหมื่นล้านมาได้ ต้องหาข้ออ้างที่เหมาะสม และน้ำชีวิตก็ใช้เป็นข้ออ้างได้พอดี

“เราเอาเงินเยอะขนาดนี้มาได้อย่างรวดเร็ว ยังไงก็ต้องมีคำอธิบายให้แม่ ไม่งั้นจากนิสัยของแม่ ต้องสืบสาวราวเรื่องแน่นอน”

เวินฉิงพยักหน้า “นายพูดถูก ฉันก็แนะนำให้นายคุยเรื่องนี้กับประธานให้ชัดเจน ไม่งั้นเธอต้องเป็นห่วงนายแน่นอน”

“อืม” เฉินโม่พยักหน้า