Ch.26 – ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ สเก๊าท์ตัวผู้ที่ถูกอัญเชิญมา(น่าจะนะ)

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

“…ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ”

 

หลังจากกินข้าวกล่องหมดเด็กสาวยูกิโนะก็พูดแบบนั้นแล้วประกบมือ

 

ผมกับฮารุกะพาเด็กสาวมาที่ลานกว้างของเมือง

จนกว่าริเซ็ตจะมายังมีเวลาอยู่

ในระหว่างนั้นก็ให้ยูกิโนะกินข้าวแล้วก็ถามเรื่องราว

 

ว่าเธอ–ยูกิโนะ คลาวดี้ ดราก้อนไชนด์เป็นมนุษย์ที่ถูกอัญเชิญมาจริงๆหรือเปล่า

ที่เมืองหลวงสถานการณ์เป็นยังไง

ไม่ว่าจะข้อมูลไหน ก็สำคัญสำหรับพวกเราที่อยู่ชายแดน

 

“…อยากจะถามเรื่องเมืองหลวงน่ะ…?”

 

หลังจากดื่มน้ำจากกระติกไม้ยูกิโนะก็พูดออกมา

 

“ได้ค่ะ ที่นั่นก็เริ่มสงบลงมานิดหน่อยแล้วค่ะ ดูเหมือนตั้งแต่เริ่มรวบรวมเจ้าเมืองกับทหารมาจากที่ต่างๆเพื่อรับมือกับ[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]พวกโจรก็น้อยลงไปด้วยค่ะ ถนนที่เดินมาจนถึงที่นี่ก็ค่อนข้างปลอดภัยค่ะ”

“การเมืองค่อยๆฟื้นฟูแล้วสินะ”

“นั่นสินะคะ จากนี้อาจจะค่อยๆดีขึ้นก็ได้ค่ะ”

“ที่นั่นมีท่านจักรพรรดิมังกร กับสิบปราชญ์อยู่ด้วยสินะ”

“…เรื่องของคนใหญ่โตไม่รู้หรอกค่ะ”

 

ยูกิโนะทำท่าคิดเล็กน้อย

 

“ยุคมืดได้จบลงแล้ว–ก็มีข่าวลือแบบนั้นอยู่หรอกค่ะ! แต่ฉันก็ไม่ได้เจอกับคนที่ใหญ่โตหรือท่านเจ้าเมืองหรอกนะคะ!”

“ไม่ต้องตะโกนออกมาแบบนั้นก็ได้…”

“…อู๊”

 

พูดเกิดไปหรือเปล่านะ ยูกิโนะถึงได้หน้าแดงแล้วก้มหัวลงไป

จากคำพูดแต่ละคำของเธอทำให้ผมสงสัยว่ายูกิโนะน่าจะเป็นคนที่มาจากต่างโลก แต่ว่ายูกิโนะก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าผมคิดแบบนั้นอยู่ เดิมทีเรื่องที่มีคนที่กลับชาติมาเกิดคนบนโลกนี้ก็ไม่ได้รู้สักหน่อยนี่นะ

 

“เดิมทีที่ถามเรื่องเมืองหลวงก็เพราะสนใจอยู่หรอก แต่พวกเราที่อยู่ชายแดนเองปัญหาเรื่อง[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]ก็เป็นปัญหาที่ต้องสนใจกว่าล่ะนะ”

 

ผมเปลี่ยนประเด็น

 

“เรื่องของ[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]ที่ทางนี้ก็คงได้แต่ต้องฝากให้ท่านเจ้าเมืองจัดการอย่างเดียว”

“นั่นสินะคะ ฉันเองก็อุตส่าห์จะมาช่วยแท้ๆ.

“จะว่าไปยูกินโนะบอกว่า[มีแผน]สินะ”

“ค่ะ”

 

เด็กสาวยูกิโนะพยักหน้าอย่างแรง

สะบัดผมสีฟ้าอย่างเท่ แล้วก็ยืดอก–

 

“ถึงจะเห็นฉันอย่างนี้ก็สามารถใช้เวทมนตร์น้ำกับน้ำแข็งได้ค่ะ จะโจมตีหรือสนับสนุนก็ทำได้ทั้งนั้น การสร้างความปั่นป่วนให้ศัตรูก็ทำได้ค่ะ เพราะว่าป้อมปราการของ[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]อยู่บนภูเขา–”

“ถ้าปิดทางบนภูเขาก็จะแยกศัตรูได้สินะ”

“ละ แล้วก็ใช้เวทมนตร์ของฉันปิดบังสายตาของศัตรู–”
“ระหว่างนั้นก็เข้าล้อมแล้วก็ล่อให้สู้กันเองได้ด้วยสินะ”

“……”

“ถ้าเกิดสร้างก้อนน้ำแข็งได้ก็สามารถที่จะปิดถนนบนภูเขาได้ ปัญหาก็คือหลังจากนั้น ตัวเราเองก็จะหนียังไง ไม่สิ ยังสามารถใช้เวทมนตร์น้ำสร้างความสับสนด้วยการสร้างหมอกได้สินะ ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งง่าย ระหว่างที่หนี ก็ให้พวกเดียวกันโจมตีใส่ศัตรูที่ถูกแยกออกมาจากกัน…”

“คนบนโลกนี้สุดยอดไปแล้วค่ะ!”

 

สะดุ้งเลย

ก็นะ ความคิดแบบนี้ ก็เป็นของที่ศึกษามาสมัยจูนิเบียว

 

ในเซ็ตติ้งของ[คิริวโอ โชมะ]นั้นเมื่อเข้าสู่ยุคของราศีกุมภ์ [กองทัพมารแห่งความมืด]ก็ฟื้นคืนชีพกลับมาจากนรภภูมิขุมที่แปด

ดังนั้น–ก็เลยศึกษาอ่านหนังสือกลยุทธและบันทึกสงคราม ว่าจะตอบโต้ยังไง

แล้วก็ทำการจำลองสงครามโดยใช้อสูรแทนการสู้จริง ก็เลยรู้เรื่องพื้นฐานอยู่

 

ก็เลยใช้มันเป็นพื้นฐานในการคิดแผนจัดการป้อมปราการของลัทธิ–

 

“…ถ้ามียูกิโนะ อะไรหลายๆอย่างก็ง่ายขึ้นเยอะเลยนะ”

 

ถ้าเด็กสาวคนนี้เป็นคนที่ถูกอัญเชิญจริงๆ ก็ต้องมีสกิลที่ทรงพลังแน่ๆ

สำหรับผมแล้วเป็นทรัพยากรบุคคลที่ต้องการตัวอย่างมาก

 

“แผนการของฉันเทียบกับของคนบนโลกนี้ไม่ได้เลยสินะคะ…”

 

แต่ว่าเด็กสาวยูกิโนะก็ก้มหน้าซึม

 

“ท่านเจ้าเมืองของโลกนี้ก็ไม่จ้าง…ความรู้ก็แพ้คนของโลกนี้…ทั้งๆที่คิดว่าฉันเป็นตัวตนที่โกงสำหรับโลกนี้แท้ๆ…

“ไม่ต้องจิตตกหรอก ก็ท่านพี่เป็นคนที่พิเศษนี่นา”

 

ฮารุกะตบไหล่ของเด็กสาวยูกิโนะ

 

“คงจะไม่รู้สินะ ท่านพี่น่ะ–”

“ฮารุกะ”

“(ย่อ) ดังนั้นก็เลยทั้งสุดยอดทั้งแข็งแกร่งแล้วก็เท่ๆมากเลยล่ะ!”
“ถึงจะไม่เข้าใจก็เถอะแต่ก็เข้าใจแล้วว่าสุดยอดมากค่ะ!”

 

เด็กสาวยูกิโนะเบิกตากว้าง

อันตรายละ

 

ฮารุกะ ไอ้จุดที่ใสซื่อมันก็ดีหรอก แต่ก็ไม่ค่อยคิดอะไรเลย

…ผมไม่อยากให้ตำนานของ[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ คิริวโอ โชมะ]มันเผยแพร่ในโลกนี้ไปมากกว่านี้นะ

 

“…ถามหน่อยได้ไหม”

 

ผมเปลี่ยนบทสนทนา

เอาล่ะ ต่อจากนี้คือประเด็นหลัก

 

เธอ–ยูกิโนะเป็นผู้ที่ถูกอัญเชิญจริงๆเหรอ

–ผู้ที่ถูกอัญเชิญคนอื่นอยู่ที่ไหน

–ไอ้การที่ถ้าทำผลงานได้จะได้กลับไปคืนชีพที่โลกเดิมมันเป็นระบบแบบไหน

–มีเทพธิดาองค์อื่นนอกจาก[รูเคีย]ที่ผมพบไหม

 

มีเรื่องที่อยากจะถามเต็มไปหมด…

 

“ต่อจากนี้ มีที่จะไปไหมล่ะ?”

 

เรื่องพวกนั้นน่ะช่างมันไว้ก่อน แล้วผมก็ถามอย่างนั้นออกไป

 

“…ไม่ค่ะ”

 

เด็กสาวยูกิโนะส่ายหน้า

 

“ฉันปฏิเสธที่จะรับใช้นายที่ถูกกำหนดมาให้ ดังนั้นก็เลยทำได้แค่ตามหา[นายที่แท้จริง]ค่ะ”

“[นายที่แท้จริง]?”

“ตอนแรกที่มายังโลกนี้–ไม่สิ ประเทศนี้ ก็มีคนคนหนึ่งบอกมาค่ะ ว่า จงเลือกเจ้านายที่สมควรรับใช้ซะ แล้วก็บอกว่า จะแนะนำคนคนนั้นให้ ถึงจะไม่ได้บอกรายละเอียดก็เถอะค่ะ”

“…งั้นเหรอ”

 

นั่นคือระบบของผู้ถูกอัญเชิญที่ถูกต้องงั้นเหรอ

ตอนที่ถูกอัญเชิญดูเหมือนจะมีกำหนดตัวแทนขึ้นมาแล้วให้เลือกรับใช้จากในนั้นสักคน

 

“แล้วเธอตอบไปว่าอะไรล่ะ?”

“เจ้านายที่ควรรับใช้ ก็ต้องเลือกด้วยตัวเองค่ะ”

 

เท่จริงนะ

 

“ก็เลยถูกปล่อยทิ้งไว้ที่เมืองหลวงค่ะ”

 

–แต่ว่า คิดตื้นไป

…นี่คือความอ่อนเยาว์เหรอ สุดยอดไปเลยนะ

 

“หลังจากนั้นก็ได้เจอกับคนใจดี แล้วก็ทำนายเส้นทางของฉันให้ค่ะ บอกมาว่า นายที่แท้จริงของฉันอยู่ที่ไหน จากนั้นคำทำนายก็บอกมาว่าอยู่ที่ชายแดนค่ะ”

“คำทำนายเหรอ”

“…ก็ไม่มีอย่างอื่นให้พึ่งแล้วนี่คะ”

“ก็ถ้าเป็นนักทำนายฝีมือดี ก็อาจจะเป็นไปได้นะ”

 

ฮารุกะพยักหน้า

งั้นเหรอ จะว่าไปนี่คือโลกที่มีเวทมนตร์นี่นา

คำทำนายเอง ถ้าเป็นอะไรแบบนั้น ก็น่าจะถูกในระดับหนึ่งล่ะ

 

“แล้วพอถูกบอกว่า[คนที่ตามหาอยู่ที่ชายแดน]ฉันก็เลยมาที่นี่ค่ะ”

 

เด็กสาวยูกิโนะพูดแบบนั้นแล้วก็เงียบ

…ถ้าเป็นแบบนั้น

 

“อยากจะถามอีกเรื่อง ชอบมังกรหรือเปล่า?”

“ชอบมากค่ะ เท่ดีนี่คะ”

“คิดยังไงกับยักษ์?”

“คิดว่าเขาก็เป็นอุปกรณ์เสริมที่ดีค่ะ”

“แล้วเผ่าที่มีปีกล่ะ?”

“อยากจะได้เป็นเพื่อนแล้วช่วยพาบินหน่อยค่ะ”

 

ยูกิโนะตอบอย่างรวดเร็ว

แล้วผมก็ตัดสินใจได้

 

“ถ้าอย่างนั้นจะมาที่หมู่บ้านของพวกเราไหม?”

 

ถ้า[เจ้าเมืองคิโทล]ไม่ต้องการ ผมก็ขอคนนี้ละกัน

ผู้ถูกอัญเชิญที่ใช้เวทมนตร์ได้และรู้เรื่องเมืองหลวง

ในการเอาตัวรอดจากยุคมืด คนที่มีดีขนาดนี้ไม่มีอีกแล้ว

ต้องขอบคุณคุณทหารที่ไม่รู้คุณค่าของยูกิโนะ คนคนนั้นต้องได้เสียใจภายหลังแน่ๆ

 

“เรื่องโดยละเอียดไว้คุยกันทีหลัง แต่ผมกำลังหาคนอยู่ คนที่ต่อสู้ได้ คนที่ใช้งานคนได้ คนที่ทำเกษตรได้ คนที่สามารถล่าได้–จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรคนมากมายเพื่อเอาตัวรอดจากยุคมืดนี้
ถ้า[เจ้าเมืองคิโทล]ไม่ต้องการเธอ ผมก็ขอละกัน อาหารเสื้อผ้าของใช้จำเป็นมีให้พร้อม เรื่องอันตรายนั้น–ก็มีบ้าง แต่ถ้าหนักจริงๆผมจะจัดการให้เอง ถ้าเธอเจอ[นายที่แท้จริง]แล้วจะออกไปเมื่อไหร่ก็ไม่ว่า ในฐานะ[ราชาผู้พิชิตแห่ง…]ไม่สิพนักงานบริษัทคนหนึ่ง ขอสัญญาไว้เลย เงื่อนไขของผมก็มีเท่านี้ล่ะ”

“…คะ”

 

เด็กสาวอ้าปากค้างแล้วมองมาที่ผม

 

“จ จะดีเหรอคะ? ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าฉันมาจากโล–ไม่สิ ฉันเป็นใครแท้ๆ”

“ช่างมันสิ แค่ข้อมูลเมื่อกี้ก็มีค่าเพียงพอแล้ว”

 

แล้วถ้าเธอเป็นคนที่ถูกอัญเชิญมา ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นมนุษย์จากโลกที่ผมเคยอยู่

ถ้าหลงไปในชายแดนแล้วถูกอสูรโจมตีหรือลัทธิชั่วร้ายฆ่าเอา…คงจะไม่ดีแน่

แถมยังน่าเสียดายมากด้วย เป็นทรัพยากรบุคคลที่ดีแท้ๆ

 

ผมนั้นมี[ภาชนะแห่งราชา]อยู่

ราชาน่ะไม่มีทางมองข้ามคนที่น่าจะใช้ได้หรอก

 

“จะให้เธอมาเป็น[แขก]ของผม”

 

ผมมองไปที่ฮารุกะ

 

“หรือว่า[ผู้ติดตาม]ดีนะ แต่ผมจะตามใจตัวเองไปหรือเปล่านะ ฮารุกะมีอะไรจะแย้งไหม?”

“จะไปมีได้ไงคะ”

 

ฮารุกะเอามืดปิดปากแล้วหัวเราะออกมา

 

“ยังไงซะไม่เห็นจำเป็นต้องถามความเห็นพวกเราเลยนี่? ท่านพี่เป็นองค์–นี่นา”」

“ช่วยไม่ได้นี่นา ผมเป็นคนจากประเทศประชาธิปไตยนะ”

“ส่วนนั้นของท่านพี่เราก็ชอบนะ? อืม ชอบมากเลยล่ะ”

“คะ คือว่า…”

 

เด็กสาวยูกิโนะตั้งมือไว้ที่หัวเข่าแล้วมองมาที่พวกเรา

 

“ขอยืนยันเรื่องหนึ่งได้ไหมคะ?”

“ได้สิ”

“พวกคุณเป็นฝ่ายที่จะทำให้ยุคมืดนี้จบลง? หรือเป็นฝ่ายสร้างความวุ่นวายคะ?”

“ทำไมล่ะ?”

“ฉันไม่อาจจะเป็นพรรคพวกกับคนที่สร้างปัญหาให้โลกได้ค่ะ เพราะตัดสินใจแบบนั้นไว้แล้ว…ค่ะ”

“นั่นสินะ…พวกเรา”

 

อย่างน้อยก็ไม่ใช่ฝ่ายที่สร้างความปั่นป่วนให้โลก อสูรก็กำจัด แถมยังตั้งตัวเป็นศัตรูกับลัทธิชั่วร้ายอีก

แต่ว่าก็ไม่ใช่ฝ่ายที่จะจบยุคมืด

ถ้าให้พูดให้ชัดเจน–

 

“พวกเรา–คือฝ่ายที่จะมุดหัวอยู่บ้าน”

“มุดหัวอยู่บ้าน?”

“ก็คือจะอยู่แต่ที่ชายแดนเอาตัวรอดจนกว่ายุคมืดจะจบลง”

“จะบุกโจมตีเจ้าเมืองอื่นไหม?”

“ถ้าไม่ถูกโจมตี ก็ไม่ทำอะไร”

“…รักสงบ?”

“ถ้าไม่น่าสนใจก็ไม่ทำ เรื่องที่เสียผลประโยชน์ก็จะไม่ทำ แล้วถ้าต้องมีผู้เสียสละเยอะก็ไม่ทำ”

“เข้าใจแล้วค่ะ”

 

เด็กสาวยูกิโนะพยักหน้า

 

“ไม่ว่าจะทางไหน ก็จะขอชดใช้บุญคุณที่ช่วยเหลือแน่นอนค่ะ”

 

เธอยืนขึ้นแล้วก้มหัวให้พวกเรา

จากนั้นก็วางสัมภาระข้างหลังลงแล้วหยิบหอกออกมาจากถุง เป็นหอกที่สร้างขึ้นอย่างปราณีตจากไม้ แล้วเด็กสาวยูกิโนะก็หมุนหอกหนึ่งรอบแล้วเอามาตั้งไว้ข้างหน้า

 

“จนกว่าจะพบ[นายที่แท้จริง]จะให้ยืมพลังและเวทมนตร์ของฉันค่ะ คือว่า…ชื่อของพวกคุณ…?”

“ผมชื่อโชมะ ทางนี้คือฮารุกะ แล้วก็มีเด็กสาวที่ชื่อริเซ็ตอีกคนที่มาเมืองนี้ด้วยกัน อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านที่อยู่ชายแดนกว่าที่นี่น่ะ”

“ขอทักทายอีกครั้งนะ เราคือน้องสาวของท่านพี่ชื่อว่าฮารุกะล่ะ”

 

ฮารุกะโบกมือให้เด็กสาวยูกิโนะ

 

“เรื่องที่จะมาพักที่หมู่บ้านของพวกเราหรือเปล่าไว้มาแล้วตัดสินใจก็ได้ ท่านพี่ก็บอกเอาไว้แบบนั้นนี่นะ”

“ค่ะ…คือว่า”

 

เด็กสาวยูกิโนะทำท่าคิดเล็กน้อย

 

“ไหนๆก็เป็นเพื่อนกันแล้วจะบอกชื่อตามทะเบียนบ้านของฉันให้ค่ะ”

“[ชื่อตามทะเบียนบ้าน]?”

“ที่กล่าวไปเมื่อกี้คือนามที่แท้จริงของฉันค่ะ…”

 

ชื่อที่แท้จริง

เป็นคำที่ทำให้จั๊กจี้หลังชอบกล

 

“ชื่อตามทะเบียนบ้านของฉันก็คือ[มุราคุโมะ ยูกิโนะ] เรียกว่ายูกิโนะก็ได้ค่ะ”

“…แล้วทำไมถึงกลายเป็น[คลาวดี้][ดราก้อนไชนด์]ล่ะ?”

“[คลาวดี้]มาจากเมฆ(คุโมะ) ส่วน[ดราก้อนไชนด์]–มาจากที่นายที่แท้จริงของฉันเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับมังกรค่ะ”

“[นายที่แท้จริง]คนนั้นเป็นคนที่สุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ?”

 

ผมถามออกไป

เธอ–ยูกิโนะ คนที่เธอเคารพจากก้นบึ้งของหัวใจเป็นคนแบบไหนกันนะ รู้สึกสนใจจริงๆ

 

“คนคนนั้นเป็นคนที่เปลี่ยนชีวิตของฉันค่ะ”

 

ยูกิโนะตอบมาด้วยสายตาเป็นประกาย

ราวกับเด็กสาวตัวน้อยๆ–ถึงเดิมทีก็ตัวเล็กอยู่แล้วก็เถอะ–ที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของความฝัน

 

“ในสถานที่ที่เคยอยู่–ฉันที่ใช้ชีวิตอย่างมืดหม่นไปวันๆไร้ซึ่งความหวัง ก็ได้คนคนนั้นช่วยเอาไว้ค่ะ ที่ฉันสามารถยิ้มได้ก็เป็นเพราะคนคนนั้น ดังนั้นสำหรับฉันเขาจึงเป็นนายเหนื่อหัวที่เคารพจากก้นบึ้งของหัวใจ–[นายที่แท้จริง]ค่ะ

ถ้าคนคนนั้นอยู่ที่โลกนี้ ก็คงจะอายุใกล้เคียงกับฉันค่ะ  ถ้าเป็นคนคนนั้นก็ต้องเข้ามาพัวพันกับโลกกลียุคนี้แน่นอนค่ะ ดังนั้น…ถ้าเกิดได้พบกัน ฉันก็ขอสาบานว่าจะซื่อตรงต่อเขาตลอดไปค่ะ”

 

พูดแบบนั้นแล้วยูกิโนะก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง–

 

“ก็เพราะว่าได้เขาคนนั้น ฉันในชาติก่อนถึงได้ตายไปทั้งรอยยิ้มได้ค่ะ”

 

–พูดแบบนั้นออกมาโดยไม่ลังเลสักนิด