ภาคที่ 33 กลับชาติมาเกิด ตอนที่ 60 ปลีกวิเวก

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 60 ปลีกวิเวก Ink Stone_Fantasy

สกุลฝานจัดอยู่ในสามลำดับแรกของร้านค้าที่จำหน่ายสมบัติล้ำค่าทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา เป็นถึงร้านค้าของตระกูล ความน่าเชื่อถือก็เป็นสิ่งพื้นฐาน

“ใต้เท้าเสวี่ยอิง มีสิ่งใดได้โปรดบัญชามาให้หมด สิ่งล้ำค่าวัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่บนดินแดนจิตโลกานานาชนิด สิ่งที่สกุลฝานของข้าไม่มีนั้นมีน้อยยิ่งกว่าน้อย” ผู้จัดการผู้นั้นเอ่ยอย่างกระตือรือร้น

“อืม”

ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำเสียงหนึ่งแล้วโยนกำไลเก็บวัตถุธรรมดาๆ อันหนึ่งไป ภายในมีอยู่หนึ่งร้อยสามสิบล้านแก้วผลึกจักรวาล

“โหวชวีหมิง คราวนี้ขอบคุณมาก ข้าจะปลีกวิเวก หากไม่มีเรื่องสำคัญก็ห้ามรบกวนข้าล่ะ” หลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่งเสียงหนึ่งแล้วก็รีบร้อนไปปลีกวิเวกในทันที

……

ปึง… ประตูตำหนักปิดผนึกลง

ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่นตามลำพังคนเดียวแล้วเปิดขวดสีเขียวอ่อนออก ซากแมลงอสูรทางสายห้วงอากาศซากแล้วซากเล่าบินลอยออกมา แต่ละตัวล้วนไปถึงขั้นอลวนระดับสุดยอดแล้วทั้งสิ้น รูปลักษณ์ของพวกมันแตกต่างกันไป ขนาดก็แตกต่าง มีตัวที่รูปร่างมหึมาราวกับภูเขาใหญ่ ตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมอากาศ ถึงแม้ว่ามิติภายในโถงตำหนักจะไม่นับว่าใหญ่โตนัก แต่เขาก็ทำการควบคุมอากาศเปิดเป็นมิติอากาศเล็กๆ ขึ้นมา ให้ซากแมลงอสูรขนาดใหญ่อยู่ในนั้น

“สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต่างก็น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ที่บ้านเกิดของข้า วิถีแมลงอสูรก็อ่อนแอกว่าอยู่มากเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง

ที่อากาศอันสับสนอลหม่าน ไม่มีวิถีแมลงอสูรที่สำเร็จเป็นเทพจักรวาลเลย!

ส่วนดินแดนจิตโลกา…วิถีแมลงอสูรของจักรพรรดิกลืนโลกาผู้นั้นเรียกได้ว่าไปถึงระดับไร้เทียมทานของดินแดนจิตโลกาเลยทีเดียว เทียบเคียงได้กับพวกบรรพชนฝาน แต่ก็ตายตกไปเช่นเดียวกัน! จนกระทั่งบัดนี้บุคคลระดับไร้เทียมทานของดินแดนจิตโลกาที่ตายตกไปก็มีหลายคนแล้ว ระดับอย่างนายท่านฉื้ออวิ๋นที่ตายตกไปก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก ช่วยไม่ได้ ที่นี่มีผู้แกร่งกล้ามากมายเหลือเกิน วิธีการก็แตกต่างกัน ระดับสุดยอดอย่างแท้จริงต่อสู้กันอย่างดุเดือดขึ้นมา บุคคลผู้ไร้เทียมทานตายตกไปก็เป็นเรื่องธรรมดา

“หืม”

ตงป๋อเสวี่ยอิงสำรวจอย่างละเอียด

สามสิบเก้าชนิดนี้รวมทั้งแมลงห้วงอากาศด้วย ก็คือสายพันธุ์ขั้นอลวนระดับสุดยอดที่มีอยู่ทั้งหมดในประวัติศาสตร์อันยาวนานของดินแดนจิตโลกาที่วิถีแมลงอสูรบ่มเพาะออกมาแล้ว ทุกชนิดต่างก็เคยผ่านความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วนจึงประสบความสำเร็จได้ในที่สุด แฝงไว้ด้วยภูมิปัญญาของคนรุ่นก่อน

“น่าอัศจรรย์ แต่ละตัวล้วนน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งดูก็ยิ่งหลงใหล สามารถไปถึงขั้นอลวนระดับสุดยอดได้ แมลงอสูรทุกตัวต่างก็มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่งอยู่

อนุภาคทรงกลมหมอกดำที่สามารถเคลื่อนย้ายแก่นห้วงอากาศได้ ก็มีอยู่ถึงยี่สิบห้าชนิด

ส่วนที่เชี่ยวชาญการกลายเป็นอากาศธาตุ กลับมีอยู่มากถึงสามสิบเจ็ดชนิด

ช่วยไม่ได้…เป็นถึงแมลงอสูรประเภทห้วงอากาศ ความเชี่ยวชาญการกลายเป็นอากาศธาตุนั้นดูเหมือนจะเป็นตามธรรมชาติอยู่แล้ว

“การกลายเป็นอากาศธาตุ ที่แท้แล้วมีวิธีการมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงนัยน์ตาเปล่งประกาย

ให้เขาก้มหน้าก้มตาบำเพ็ญไปร้อยล้านปีก็เกรงว่ายังคิดทิศทางมากมายเช่นนี้ไม่ออกเลย แต่ซากแมลงอสูรอยู่ตรงหน้า เมื่อมองแล้วเขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ในทันใด ‘ไม่แตกหัก’ อยากจะตระหนักรู้ก็เป็นเรื่องยากเย็นนัก

ชั่วระยะเวลาหนึ่ง…

ตงป๋อเสวี่ยอิงติดเข้าไปในความบ้าคลั่ง

การบำเพ็ญเข้าสู่จุดคอขวดเป็นเรื่องที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง เพราะว่าขบคิดให้หนักหน่วงเพียงใดก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เกาจนหัวแตกก็ไม่ได้อะไร แต่ความรู้สึกที่แสงทิพย์วิญญาณ์ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ความรู้สึกที่ตระหนักรู้อย่างต่อเนื่องนั้นกลับงดงามเป็นอย่างยิ่ง สามารถสัมผัสรับรู้ได้ถึงความก้าวหน้าของตนเองอยู่ตลอดเวลา ความรู้เกี่ยวกับห้วงอากาศยกระดับขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ต่อให้บำเพ็ญไปนานยิ่งกว่านี้ก็ไม่เหน็ดเหนื่อยเลย

ซากแมลงอสูรห้วงอากาศทุกชนิดแสดงถึงความพิเศษของแต่ละตัว

ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘ภาพแก่น’ ของเคล็ดผนึกห้าภาพก็ค่อยๆ ยกระดับขึ้น

ความเข้าใจเกี่ยวกับการกลายเป็นอากาศธาตุก็กำลังยกระดับขึ้นเช่นเดียวกัน

******

“ประหลาดนัก ปลีกวิเวกเนิ่นนานถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

“เหตุใดจึงมิได้ออกมาเลยเล่า”

“บังคับให้เขาออกมาสิ!”

เหล่ายอดฝีมือของทางฝั่งลัทธิกระบี่สวรรค์ที่ถูกส่งตัวมาก็นับได้ว่ามีความอดทนเป็นอย่างมากแล้ว ถึงอย่างไรด้วยพลังยุทธ์ของพวกเขา ปลีกวิเวกครั้งหนึ่งก็ต้องใช้หน่วยนับเป็นร้อยล้านปี! แต่ตอนนี้ถึงอย่างไรก็เป็นช่วงเวลาวิกฤติของสงครามระหว่างลัทธิกระบี่สวรรค์และสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ในเวลานี้ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ผู้นั้นปลีกวิเวกครั้งหนึ่งก็ผ่านไปนานหลายแสนปีแล้ว…

ก็อาจหาญเกินไปหน่อยแล้วหรือไม่ คิดว่าลัทธิกระบี่สวรรค์จะอดทนไม่ลงมือไปได้ตลอดอย่างนั้นหรือ

ในปีที่เก้าหมื่นที่ตงป๋อเสวี่ยอิงปลีกวิเวก ท่ามกลางสายฝนโหมกระหน่ำกลางราตรีอันมืดมิด กรงเล็บคู่หนึ่งปรากฏขึ้นอย่างน่าประหลาดแล้วตรงเข้าฉีกทึ้งทำลายค่ายกลป้องกันที่กำแพงด้านนอกของตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาแห่งนครหลวงรัฐประกายเพลิง แล้วชิงเอาภาพที่แขวนอยู่ที่นั่นมาโดยตลอดภาพนั้นไปเสียแล้ว! ตำหนักทิพย์แห่งนี้ใหญ่โตกว่าตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาแห่งเมืองอัคคีโชติมากมายนัก ค่ายกลก็ร้ายกาจกว่ามาก การจะทลายเปิดค่ายกลได้นั้นจำเป็นจะต้องให้เทพจักรวาลลงมือ

เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ลอบลงมืออยู่นั้นก็คือเทพจักรวาลคนหนึ่ง

น่าเสียดายที่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงไม่ออกจากการปลีกวิเวกอยู่ดี

ลัทธิกระบี่สวรรค์ค่อยๆ เริ่มยั่วยุสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ การต่อสู้กับสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อย

แต่เป็นเพราะหวาดกลัวตงป๋อเสวี่ยอิง การยั่วยุของลัทธิกระบี่สวรรค์จึงไม่นับว่าใหญ่โตมากนัก ยอดฝีมือที่ร้ายกาจอย่างแท้จริงต่างก็มิปรารถนาจะลงมือ เพราะว่าต่างก็มิได้มีความมั่นใจเพียงพอที่จะต่อกรตัวต่อตัวกับ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ พวกเขาต้องการเพียงแค่กระตุ้นให้ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ปรากฏตัวก็เพียงพอแล้ว พอถึงเวลาก็สามารถล้อมสังหารได้ในคราวเดียว!

โหวชวีหมิงก็ทำตามบัญชาของตงป๋อเสวี่ยอิง…หากไม่มีเรื่องสำคัญก็ห้ามรบกวน

ดังนั้นการปลีกวิเวกของเขาจึงสงบเงียบเป็นอย่างยิ่ง

“ปลีกวิเวกมาก็นานกว่าสามแสนปีแล้ว ยังไม่สำเร็จ ‘ภาพแก่น’ เลย ในทางกลับกันการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดกลับใกล้จะสมบูรณ์แบบเต็มทีแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงถือขวดหยกสีเขียวอ่อนเอาไว้ในมือ ซากแมลงอสูรห้วงอากาศซากแล้วซากเล่านั้นต่างก็ลอยเข้าไปในขวด จากนั้นก็ปิดจุกขวดแล้วเก็บมันลงไป ก่อนจะยืดกายเดินมุ่งออกไปด้านนอก

เอี๊ยด…

ประตูผลักเปิดออก

ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินออกมาแล้วยืนอยู่ภายในลานบ้านพลางจ้องมองท้องฟ้า ขณะนี้เป็นยามดึกสงัด ดินแดนจิตโลกาแห่งนี้กับอากาศอันสับสนอลหม่านนั้นไม่เหมือนกัน ที่นี่ไม่มีดวงอาทิตย์ ทั้งยังไม่มีดวงจันทร์ ในยามราตรี… ขณะนี้ก็มีเพียงแค่รัศมีของค่ายกลรักษาการณ์เหนือท้องฟ้าของนครหลวงรัฐประกายเพลิงเท่านั้นที่ส่องแสงให้กับนครหลวง

“การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดถอนใจเป็นอย่างยิ่ง

แมลงอสูรห้วงอากาศเหล่านี้ให้วิญญาณสัมผัสทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุแก่เขาเป็นอย่างมาก เขามีความก้าวหน้าในด้านนี้เป็นอย่างยิ่ง ทางด้าน ‘การกลายเป็นอากาศธาตุ’ นั้นไปถึงระดับที่เหนือกว่าจะจินตนาการได้แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงประมาณการณ์ว่า…เทียบระหว่างตนเองกับปรมาจารย์กู่ฉี ทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุน่าจะพอๆ กันแล้วกระมัง อยู่ห่างจากความสมบูรณ์สุดยอดที่แท้จริงอีกเพียงแค่ก้าวสุดท้ายก้าวเดียวเท่านั้น

สำหรับความสำเร็จทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุ ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าแมลงอสูรห้วงอากาศที่มีอยู่เกือบทั้งหมด

“ตอนนี้ต้องการเพียงแค่การหยั่งรู้อีกเล็กน้อยเท่านั้น บรรลุขีดจำกัดอันสุดท้ายอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น…” สิ่งที่ในห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงคิดก็คือชุดเกราะของแม่ทัพโม่กู่ เพราะมีเพียงแค่ลวดลายบนชุดเกราะนั้นเท่านั้นที่เป็นระดับขั้นอลวน อีกทั้งยังสูงสุดสมบูรณ์อย่างแท้จริง! กระชับง่ายดายอีกทั้งยังเต็มไปด้วยความรู้สึกงดงามอันน่าอัศจรรย์ กระชับง่ายดายกว่าเคล็ดการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดของจักรพรรดิเก้าเมฆาและศาสตร์ของบรรพชนห้วงอากาศเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ว่าแมลงอสูรห้วงอากาศแต่ละตัวจะมีเอกลักษณ์ ทว่าต่างก็มิได้ไปถึงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด เพียงแค่ให้ทิศทางแนวคิดอ้างอิงที่แตกต่างกับตงป๋อเสวี่ยอิงเท่านั้น

“เหลือเพียงแค่การบรรลุสุดท้ายเท่านั้น”

ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดหนักอยู่ชั่วครู่ แล้วทิ้งไปจากสมองในทันที

“ภาพแก่นเล่า”

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็จนใจ

การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดเป็นเรื่องยากโดยแท้! กระทั่งพวกประมุขรัฐเมฆทักษิณาและจักรพรรดิเก้าเมฆาต่างก็ไม่สามารถสำเร็จการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดตั้งแต่ยังเป็นขั้นอลวนได้ แน่นอนว่าพวกเขามิได้มีโชคเช่นป๋อเสวี่ยอิงนี้ สามารถสำรวจเกราะของแม่ทัพโม่กู่ได้ วันเวลาที่บรรพชนห้วงอากาศสำรวจยาวนานพอสมควร บางทีอาจสามารถสำรวจสำเร็จได้ น่าเสียดายที่ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีทางกลับไปได้อีกแล้ว

แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ‘ภาพแก่น’ ก็ง่ายดายกว่า

ถึงอย่างไรก็ต้องการเพียงแค่ความสำเร็จเล็กๆ เท่านั้น! ไม่จำเป็นต้องเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แล้วยิ่งไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ!

“แมลงอสูรห้วงอากาศที่ข้าสำรวจมากมายเหลือเกิน ทิศทางการขัดเกลาก็มีมากมายเหลือเกิน ทั้งยังคอยกวนใจข้า ถึงอย่างไรข้าก็ต้องการเพียงแค่ความสำเร็จเล็กๆ เท่านั้นเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “สงบจิตสงบใจเสีย ตามทิศทางที่ข้ามีความมั่นใจมากที่สุดไปแล้วสำรวจศึกษาไปอีกก็น่าจะสามารถสำเร็จได้แล้ว”

“พี่เสวี่ยอิง”

โหวชวีหมิงเข้ามาหา เขารับสัมผัสได้ว่าประตูตำหนักที่ตงป๋อเสวี่ยอิงปลีกวิเวกเปิดออก

“โหวชวีหมิง ข้าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “สบายใจได้”

“ท่านต้องระวังตัวหน่อยนะ อยู่ภายในตำหนักทิพย์ก็ยังพอไหว แต่ข้างนอกนั้นไม่แน่ว่าลัทธิกระบี่สวรรค์อาจมีวิธีการลอบจัดการท่านอยู่ก็เป็นได้” โหวชวีหมิงเอ่ยเตือน

“วางใจเถิด”

ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขามิได้ใส่ใจกับสิ่งนี้เลย

ถึงขนาดที่ในใจของเขายังแอบรอคอยสงคราม การต่อสู้ที่ทำให้ตนมีแรงกดดันอย่างเพียงพอ บางทีอาจสามารถทำให้ตนเกิดการบรรลุขึ้นก็ได้!

……

ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงไปจากตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง เดินตามลำพังภายใต้ราตรีอันมืดมิดบนท้องถนนของนครหลวงรัฐประกายเพลิง ถึงแม้ว่าจะเป็นราตรีกาล แต่ร้านรวงจำนวนมากมายบนท้องถนนก็ยังคงเปิดอยู่เช่นเดิม โรงสุราแต่ละแห่งก็ยังคงคึกคัก ถึงอย่างไรสำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว… กลางวันและกลางคืนก็มิได้แตกต่างกันมากนัก

และบริเวณรอบๆ ก็ย่อมมีสายสืบที่ลัทธิกระบี่สวรรค์จัดเตรียมเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว

“พบตัวอิงซานเสวี่ยอิงแล้ว”

“อิงซานเสวี่ยอิงปรากฏตัวแล้ว”

“เขาออกจากตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาตามลำพังคนเดียว”

ข่าวสารถูกรายงานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

……………………………………….