ภาคที่ 33 กลับชาติมาเกิด ตอนที่ 59 คลื่นใต้น้ำ

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 59 คลื่นใต้น้ำ Ink Stone_Fantasy

ณ เคหาสน์แห่งหนึ่งภายในตำหนักลัทธิกระบี่สวรรค์

ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำกำลังนั่งขัดสมาธิ ภายใต้อาภรณ์ดำล้วนเต็มไปด้วยไอหมอก ภายในไอหมอกมีแมลงพิษบินอยู่

ทว่านัยน์ตาทั้งคู่ที่ประกอบขึ้นจากแมลงสีแดงมารวมตัวกันนั้นกลับสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง

“เผชิญหน้าครั้งเดียวก็ผลาญ ‘แมลงพิษโน้มวิญญาณ’ ตัวหนึ่งได้แล้วอย่างนั้นหรือ พลังคุกคามเช่นนี้ จะต้องบำเพ็ญวิชาทลายเวหาสำเร็จแล้วอย่างแน่นอน! เคล็ดสืบทอดลับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าก็ฝึกสำเร็จทั้งสองศาสตร์แล้ว ดูท่าทางเขาก็น่าจะบำเพ็ญเคล็ดร่างแยกสำเร็จแล้วเช่นกัน ยากจะไปยุ่มย่ามด้วย บำเพ็ญเคล็ดร่างแยกสำเร็จแล้ว ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่ฆ่าไม่ไหวโดยแท้”

อย่างเช่น ‘กงเหลียงอี้’ ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือแห่งสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ กระบี่เล่มเดียวสะท้านทั่วสี่ทิศ ฝากผลงานและแต้มความดีความชอบเอาไว้ในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ แต่ก็เคยตกต่ำมาก่อนถึงสองครั้ง สองครั้งนั้นล้วนเป็นเพราะประมุขรัฐเมฆทักษิณาไปช่วยเหลือได้ไม่ทันการณ์!

ทว่าถึงแม้จะตกต่ำ แต่ก็เป็นเพราะมีร่างแยก จึงสามารถพลิกหน้าดินกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

“แมลงมารพลังก็ตายแล้ว รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ยุทธวิธีเมฆาแดงก็บำเพ็ญไปได้ไม่น้อยแล้วอย่างนั้นหรือ” ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำม่านตาหดเล็กลง แมลงมารพลังได้ชื่อมาจาก ‘พลังมาร’ เป็นแมลงอสูรที่กำเริบเสิบสานเป็นที่สุด ก็เป็นแมลงพิษที่เจ้านายเขาเพาะเลี้ยงเช่นกัน หนึ่งในสามส่วนของแมลงพิษชั้นยอดที่สุดต่างก็เป็นแมลงมารพลังทั้งสิ้น! แมลงอสูรพรรค์นี้มีร่างกายที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบ ยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบก็ยังยากที่จะสังหารผลาญพวกมันได้ นอกจากนี้การโจมตีก็ยังบ้าคลั่งเป็นที่สุดอีกด้วย

ทว่ายุทธวิธีเมฆาแดงก็ร้ายกาจเปี่ยมพิษสงเป็นอย่างยิ่ง ร่างกายแข็งแกร่ง หรือแม้กระทั่งสมบัติลับล้ำค่าแข็งแกร่ง โดยทั่วไปก็ยังยากจะต้านทานได้

“เขามิได้มีศาสตร์ลับยุทธวิธีเมฆาแดง มีเพียงหอกยาวเล่มเดียวเท่านั้น ก็ตระหนักรู้เสียแล้ว” ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำส่ายศีรษะน้อยๆ

“แมลงห้วงอากาศก็ตายแล้ว เขตลวงเล่า”

สติรับรู้สายหนึ่งที่ยึดโยงกับแมลงสามตัวของผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำก็สูญสลายไปพร้อมกัน แต่เขาก็ย่อมมิได้สนใจความสูญเสียเล็กน้อยนี้อยู่แล้ว

“เคล็ดสืบทอดลับสองศาสตร์ก็บำเพ็ญสำเร็จหมดแล้ว ยุทธวิธีเมฆาแดงก็ดูเหมือนว่าจะตระหนักรู้จนหมดสิ้นแล้วเช่นกัน ยังมีเคล็ดเขตลวงที่อย่างน้อยก็เป็นขั้นอลวนชั้นที่แปดอีกด้วยอย่างนั้นหรือ” ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำลอบคิดประเมิน กำจัดแมลงพิษตัวหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่จำเป็นต้องเทหมดหน้าตักอยู่แล้ว เพียงแค่สำแดงเขตลวงระดับชั้นที่แปดก็ผลาญทำลายสติรับรู้ของแมลงพิษได้แล้ว

“ที่ข้าทำไปก็พอใช้ได้แล้ว สูญเสียแมลงพิษที่ร้ายกาจไปสามตัว แล้วเกือบจะค้นพบวิธีการของอิงซานเสวี่ยอิง ในภายหน้าก็ควรจะให้พวกเขาลงมือแล้วกระมัง” ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง ความสูญเสียเล็กน้อยนี้ ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดใจอยู่บ้าง แต่การใช้สมบัติล้ำค่าบางอย่างเพื่อฟูมฟักออกมาใหม่ก็มิใข่เรื่องยากแต่อย่างใด

ค้นพบรายละเอียดของศัตรู

ในภายหน้าก็จะมุ่งตรงไปยังจุดอ่อนของตงป๋อเสวี่ยอิง จัดการวางแผนลอบสังหาร

คู่ค่อสู้ที่น่าจัดการคนหนึ่ง เพียงแค่จัดการกับมันอย่างตรงไปตรงมา ก็ยังสามารถประกาศก้องนามของลัทธิกระบี่สวรรค์ได้

แต่อิงซานเสวี่ยอิงนี้ช่างยากจะไปยุ่มย่ามด้วย…ลอบจัดการอย่างลับๆ เสียจะดีกว่า! คราวนี้ลัทธิกระบี่สวรรค์ยกพลไปยังสี่รัฐมารทมิฬ เบื้องหลังยังมีสองรัฐโบราณคอยหนุนอยู่ ก็ย่อมเตรียมตัวมาอย่างเพียงพออยู่แล้ว

……

“ลอบจัดการเขาอย่างลับๆ”

“สิ่งเดียวที่ต้องระวังก็คือเคล็ดวิชาเขตลวงของเขา! แต่ระยะเวลาในการบำเพ็ญของเขาช่างแสนสั้น และศาสตร์ลับเขตลวงโลกเทียมที่มิได้ร้ายกาจของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ คาดว่าคงมิได้แข็งแกร่งสักเท่าใดนักหรอก และนับตั้งแต่อิงซานเสวี่ยอิงเกิดมาจนกระทั่งบัดนี้ สมบัติลับล้ำค่าระดับชั้นที่สิบของเขตลวงโลกเทียมที่ซื้อขายสู่ภายนอกของดินแดนจิตโลกา ก็มิได้มีการขายออกไปเลยแม้แต่ชิ้นเดียว คาดว่าเขตลวงของเขายังไปไม่ถึงชั้นที่เก้าเลยเสียด้วยซ้ำ! ถ้าหากถึงแล้วตาเฒ่าประมุขรัฐเมฆทักษิณาผู้นั้นก็น่าจะให้ศิษย์ของเขาซื้อหาสมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมไปแล้วล่ะ”

“สามารถจัดการอ๋องชางซูได้ หากเขตลวงมิได้เป็นชั้นที่เก้าก็คงต้องเป็นชั้นที่แปดขั้นสุดยอด”

ยอดฝีมือทางฝั่งลัทธิกระบี่สวรรค์เริ่มต้นหารือวางแผนกัน

ถึงแม้ว่ายุทธวิธีเมฆาแดงและเคล็ดสืบทอดลับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าจะร้ายกาจ แต่พวกเขาก็มิได้หวั่นเกรง แม้กระทั่งนายท่านฉื้ออวิ๋นในตอนนั้นก็ยังถูกสังหารได้ ยอดฝีมือระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบคนหนึ่ง ลัทธิกระบี่สวรรค์ที่เป็นถึงหนึ่งในสิบสำนักใหญ่ตั้งใจมุ่งเป้าหมายจริงๆ ก็ย่อมสามารถจัดการได้อยู่แล้ว

สิ่งเดียวที่น่าปวดหัวก็คือเขตลวง

หากเป็นเขตลวงระดับชั้นที่สิบ…เช่นนั้นก็น่ากลัวอย่างแท้จริงแล้ว! ภายใต้การปกคลุมของเขตลวง หากต้านรับเอาไว้ได้ก็รอดชีวิต! ต้านรับไม่ไหวก็ตาย!

โชคดีที่ศาสตร์ลับเขตลวงชั้นที่สิบนั้นล้ำค่าเหลือเกิน ต่างก็ไม่มีทางเผยแพร่ออกสู่ภายนอก อิงซานเสวี่ยอิงย่อมมิอาจศึกษาได้อย่างแน่นอน มีเพียงการอาศัยสมบัติลับล้ำค่าเท่านั้นจึงจะมีหวังที่จะสำเร็จระดับชั้นที่สิบได้ สมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมระดับชั้นที่สิบที่หลายพันล้านปีก็ยังมิได้ขายออกไปสู่ภายนอกเลย ดังนั้นทุกคนจึงได้วางใจ

ถ้าหากเคยมีการขายสมบัติลับล้ำค่าออกสู่ภายนอกมาก่อน

เกรงว่าพวกเขาก็คงต้องไปสืบหารายละเอียดกันอีกครั้งแล้ว ถ้าหากแน่ใจจริงๆ ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงมีเคล็ดวิชาเขตลวงระดับชั้นที่สิบ เกรงว่าคงได้แต่ต้องละทิ้งแผนการยกทัพในคราวนี้ไปเสียแล้ว!

ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ทางด้านเขตลวงระดับชั้นที่สิบ หากกวาดขั้นอลวนชั้นที่สิบมาจนเกือบหมด ทุกคนต่างก็เป็นบุคคลที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องหน้าถอดสีด้วยกันทั้งสิ้น! เกรงว่าลัทธิกระบี่สวรรค์และสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์คงจะต้องเปิดการเจรจากันอีกครั้ง

“กำหนดแผนการเรียบร้อยแล้ว ยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบทั้งหมดห้าคนร่วมมือกัน”

“หลายท่านก็มาถึงกันแล้ว สามารถเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา”

“อิงซานเสวี่ยอิงปลีกวิเวกอยู่ภายในตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา รอก่อนเถิด รอให้เขาออกมาจากตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาก่อนแล้วค่อยลงมือ! ถึงอย่างไรภายในตำหนักทิพย์ก็มีค่ายกลแน่นหนา การลงมือที่นั่นไม่เป็นประโยชน์กับพวกเราเลย”

ทางฝั่งลัทธิกระบี่สวรรค์มีความอดทนเป็นอย่างยิ่ง

ยอดฝีมือห้าคน

คนหนึ่งมาจากรัฐโบราณสหโลกา สองคนมาจากสกุลฝาน ส่วนอีกสองคนมาจากลัทธิกระบี่สวรรค์ พวกเขาล้วนถูกส่งตัวมาเพื่อ ‘แผนลอบสังหาร’ นี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นสกุลฝาน หรือว่ารัฐโบราณสหโลกา ผู้ใต้บังคับบัญชาล้วนเป็นยอดฝีมือผู้ล้ำเลิศ สิ่งที่ยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบจำนวนมากบำเพ็ญล้วนเป็นเคล็ดสืบทอดลับที่น่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด

ช่วยไม่ได้ มีภูเขาใหญ่หนุนหลัง!

พลังยุทธ์ยิ่งยกระดับ อิทธิพลของรัฐโบราณก็ยิ่งทวีความยิ่งใหญ่ เพราะพวกเขามีเคล็ดสืบทอดลับที่ร้ายกาจเป็นจำนวนมาก เทพจักรวาลในระดับขั้นเดียวกันที่มาจากรัฐโบราณคนหนึ่งต่างก็สามารถจัดการกับผู้มาจากภายนอกได้หลายคน นี่ก็เป็นเหตุผลที่ในหกรัฐโบราณมีผู้แกร่งกล้ามากมายที่ต่างก็มิใคร่จะเห็นผู้มาจากภายนอกอยู่ในสายตากันสักเท่าใดนัก

……

ภายในห้องเงียบแห่งหนึ่งในตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา

ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังปลีกวิเวกบำเพ็ญอยู่ที่นี่

“อ้างอิงจากรายละเอียดที่บันทึกเอาไว้ แมลงอสูรชนิดนี้น่าจะเรียกว่าแมลงห้วงอากาศ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพินิจดูซากแมลงพิษสีเงินวับๆ แวมๆ ที่ล่องลอยอยู่ตรงหน้า เพื่อการค้นคว้า เขาก็รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแมลงอสูรผ่านทางระบบข้อมูลของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ศาสตร์การเพราะเลี้ยงแมลงพิษนั้นล้ำค่าหาตัวจับยาก แต่เพียงแค่บันทึกความรู้พื้นฐานจำนวนหนึ่งเกี่ยวกับแมลงพิษนั้น ข้อมูลนี้กลับหามาได้อย่างง่ายดาย

แมลงอสูรประเภทห้วงอากาศ ในบันทึกมีอยู่ถึงสามสิบเก้าชนิด

‘แมลงห้วงอากาศ’ เป็นเพียงแค่ชนิดหนึ่งในนั้นเท่านั้น

“น่าสนใจ”

“มันถึงกับสามารถเคลื่อนไหวส่งผลกระทบต่ออนุภาคทรงกลมหมอกดำ ทำให้ความสามารถในการกลายเป็นอากาศธาตุไปถึงระดับขั้นเช่นนี้ได้ พูดถึงการกลายเป็นอากาศธาตุก็มิได้ด้อยไปกว่าข้าเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง การกลายเป็นอากาศธาตุของเขา เกรงว่ายังเหนือกว่าศิษย์พี่กงเหลียงอี้และท่านหญิงกุ่ยลี่ผู้เป็นศิษย์พี่เสียอีก

อีกด้านหนึ่งก็คือร่างเมฆทักษิณาทิพย์ระดับชั้นที่สิบอันสมบูรณ์

ส่วนอีกด้านหนึ่งตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้ค้นคว้าสั่งสมการกลายเป็นอากาศธาตุอย่างล้ำลึกเหลือเกิน วิชาลับผู้ท่องเชี่ยวชาญการกลายเป็นอากาศธาตุ สี่ภาพวาดของจักรพรรดิเก้าเมฆาก็มีแม้กระทั่งวิชาสืบทอดการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด แล้วเขายังหยั่งรู้ชุดเกราะของแม่ทัพโม่กู่ ก็เพื่อต้องการที่จะสำเร็จ ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ ตั้งแต่เป็นขั้นอลวน ถึงแม้ว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังทำมิได้ แต่ระดับขั้นการกลายเป็นอากาศธาตุของเขาก็สูงส่งยิ่ง อาศัยร่างเมฆทักษิณาทิพย์มาสำแดงเคล็ดการกลายเป็นอากาศธาตุ… ก็มิได้ด้อยไปกว่าแมลงห้วงอากาศนี้เลยจริงๆ

“แต่ว่าทิศทางของข้าคือการแทรกซึมเข้าไปในแก่นห้วงอากาศ เป็นหนึ่งเดียวกันกับแก่นห้วงอากาศ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “ทว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเคลื่อนแก่นห้วงอากาศมาก่อนเลย”

“เคลื่อนไหว? ควบคุม?”

ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดใคร่ครวญ นี่ก็คืออีกทิศทางหนึ่ง

เขาจะศึกษาทิศทางที่แตกต่างกันของห้วงอากาศทั้งหมด ถึงอย่างไรเส้นทางที่แตกต่างก็นำไปสู่เป้าหมายเดียว จุดประสงค์ของเขามิใช่เพียงแค่สำเร็จเป็นเทพจักรวาลเท่านั้น แต่ยังอยากจะสังหารจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตด้วย ไม่ว่าจะเพื่อล้างแค้นให้กับปรมาจารย์ หรือเพื่อผู้บำเพ็ญในอากาศอันสับสนอลหม่านจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกทำร้าย แน่นอนว่าหากตนไม่มี ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ ก็คงตายภายใต้เงื้อมมือของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วเช่นกัน จะต้องสังหารคนผู้นี้ให้ได้

สิ่งที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไล่ตามนั้นก็คือการควบคุมวิญญาณสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั้งมวล ผู้บำเพ็ญที่มุ่งไปสู่การหลุดพ้นอันยิ่งใหญ่ทุกคนต่างก็มิอาจทนรับได้

เป็นตายก็มิได้ขึ้นอยู่กับตนเอง จอมเทพศักดิ์สิทธิ์บัญชาคำหนึ่ง ตนก็สามารถสังหารแม้กระทั่งญาติสนิทมิตรสหายได้อย่างเย็นชา…ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าการมีชีวิตเช่นนี้ก็มิได้ดีไปกว่าตายสักเท่าใดนัก

ทำร้ายผู้บำเพ็ญทั้งหมดเพียงเพื่อตัวเอง

ผู้ที่นึกอยากจะสังหารจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มีอยู่มากมาย แต่น่าเสียดายที่เขาก็ยังคงเป็นผู้แกร่งกล้าที่สุดในอากาศอันสับสนอลหม่านอยู่ดี

“ข้ามาถึงดินแดนจิตโลกา นี่ก็คือโอกาส ต้องยืนหยัดปักหลักกับการยกระดับพลังยุทธ์อย่างต่อเนื่อง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ ทันใดนั้นก็ไม่คิดอะไรมากอีก พลังยุทธ์ของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์น่ากลัวเหลือเกิน ตนเองยังห่างชั้นกับเขาอีกไกลโข

……

สำรวจซากของแมลงห้วงอากาศ สำรวจครั้งหนึ่งเวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว ทางฝั่งลัทธิกระบี่สวรรค์นั้นก็เงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง มีความอดทนเป็นอย่างมาก ความอดทนของเหล่าผู้บำเพ็ญช่างมากมายนัก พวกเขาส่งยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบห้าคนไปจัดการตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นพิเศษ ก็ย่อมมีความอดทนอยู่แล้ว! พวกเขาอยากจะสังหารอิงซานเสวี่ยอิงในคราวเดียว ให้สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ได้รู้สึกถึง ‘ความเจ็บปวด’

ถึงแม้ว่าจะสูญสลายไป อิงซานเสวี่ยอิงมีร่างแยกก็ยังสามารถบำเพ็ญกลับมาใหม่ได้ แต่ร่างเมฆทักษิณาทิพย์จะสำเร็จอย่างสมบูรณ์ได้นั้นก็จำเป็นต้องใช้สมบัติล้ำค่าจำนวนไม่น้อย! ยังมี ‘หอกเทพเมฆาแดง’ ที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง เมื่อใดที่สู้จนตายก็ต้องถูกช่วงชิงไป

สิ่งเหล่านี้ย่อมทำให้สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์และตงป๋อเสวี่ยอิง ‘เจ็บปวดใจ’

“หืม” สำรวจมาครึ่งเดือน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้รับประสบการณ์มากมาย

“ไม่พอ แมลงห้วงอากาศเพียงตัวเดียวยังไม่เพียงพอหรอก”

ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้ถึงการยกระดับความรู้เกี่ยวกับแก่นห้วงอากาศของตนแล้วมีคำสั่งลงไปในทันที สั่งตรงไปยังร้านรวงของ ‘สกุลฝาน’ ที่นครหลวงรัฐประกายเพลิงผ่านสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์

“ข้าต้องการแมลงอสูร ‘ทางสายห้วงอากาศ’ ต้องการซากแมลงอสูรอื่นๆ อีกสามสิบแปดชนิดนอกจาก ‘แมลงห้วงอากาศ’ ชนิดละหนึ่งตัว ต้องการซากแมลงอสูรขั้นอลวนระดับสุดยอดทั้งหมด” ตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่ง

สกุลฝาน…

เป็นถึงขุมอำนาจที่มีรากฐานอันแข็งแกร่งยิ่งกว่ารัฐโบราณจันทร์บุปผาและรัฐโบราณเสียดฟ้า ภายในนั้นยังแบ่งออกเป็นสำนักอีกมากมาย มีเขี้ยวเล็บจำนวนนับไม่ถ้วน พวกเขาให้ความช่วยเหลือลัทธิกระบี่สวรรค์ เค้นเอาผลประโยชน์จำนวนนับไม่ถ้วนจากลัทธิกระบี่สวรรค์ ทั้งยังมีไมตรีอันดีกับประมุขรัฐเมฆทักษิณา ทั้งยังมี ‘มือสังหาร’ และมีพ่อค้าในมือกลุ่มใหญ่… ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีความแค้นกับยอดฝีมือสกุลฝานบางคน ก็ยังเป็นสหายที่ดีต่อยอดฝีมือสกุลฝานคนอื่นๆ ได้อยู่ดี

ถึงอย่างไรเมื่อต้นไม้เติบใหญ่แล้ว ‘นก’ ชนิดใดๆ ก็ล้วนมีทั้งสิ้น

ต้นไม้สกุลฝานต้นนี้ใหญ่โตยิ่งนัก! ยอดฝีมือก็มีอยู่มากมายเหลือคณา สำนักวิชาก็มีมากมายเหลือแสน มีมากกว่ายอดฝีมือของทั้งทะเลสาบมารทมิฬเสียอีก หากมิใช่เจ้าลัทธิทั้งสามแห่งทะเลสาบมารทมิฬอาศัยสิ่งแวดล้อมอันแสนพิเศษของทะเลสาบมารทมิฬ เกรงว่าคงถูกสกุลฝานล่าสังหารอย่างน่าอนาถนัก!

“พี่เสวี่ยอิง ข้าเพิ่งจะถามไปว่าร้านค้าสกุลฝานทางฝั่งนครหลวงรัฐประกายเพลิงนี้ไม่มีซากแมลงอสูรขั้นอลวนทางสายห้วงอากาศอยู่เลย เพราะว่าทางนี้มีความต้องการน้อย จำเป็นต้องขนย้ายมาจากรัฐโบราณคิมหันตวายุ ต้องใช้เวลาครึ่งวันในการขนส่ง ซากแมลงอสูรทางสายห้วงอากาศขั้นอลวนระดับสุดยอดสามสิบแปดชนิด แต่ละตัวนั้นต้องใช้ทั้งสิ้นหนึ่งร้อยสามสิบล้านแก้วผลึกจักรวาล” โหวชวีหมิงส่งสาร

“อืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

การซื้อขายซากแมลงอสูรนั้นพบเห็นได้บ่อยยิ่งนัก

เพราะการยกระดับแมลงอสูรเหล่านั้น รูปแบบที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดก็คือการกลืนกินซากแมลงอสูรอื่นๆ! ดังนั้นจึงมีข้อตกลงซื้อขายซากแมลงอสูรกันอยู่บ่อยครั้ง

แมลงพิษขั้นอลวนระดับสุดยอดที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นราคาสูงลิบลิ่ว ส่วนที่ตายแล้วนั้นมีราคาถูกกว่ามาก ทว่าสามสิบแปดชนิด ชนิดละหนึ่งตัวล้วนต้องการหนึ่งร้อยสามสิบล้าน… แค่คิดดูก็รู้แล้วว่าวิถีแมลงอสูรจำเป็นจะต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล

เพียงแค่ครึ่งวันให้หลัง

“พี่เสวี่ยอิง”

โหวชวีหมิงพาตัวผู้จัดการคนหนึ่งของสกุลฝานที่นครหลวงรัฐประกายเพลิงมาเพื่อส่งสินค้าโดยเฉพาะ

“ใต้เท้าเสวี่ยอิง” ผู้จัดการคนนี้เสนอขวดสีเขียวอ่อนใบหนึ่งให้อย่างกระตือรือร้น

ตงป๋อเสวี่ยอิงรับขวดมาแล้วดึงจุกขวดก่อนจะรับสัมผัสเล็กน้อย ภายในมีซากแมลงอสูรที่ต่างชนิดกันอยู่สามสิบแปดตัว แต่ละตัวต่างก็ไปถึงขั้นอลวนระดับสุดยอดแล้ว สำหรับชื่อเสียงของร้านค้าสกุลฝานนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงไม่คลางแคลงใจเลยแม้แต่น้อย

…………………………………….