ภาคที่ 33 กลับชาติมาเกิด ตอนที่ 58 แมลงพิษประหลาด

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 58 แมลงพิษประหลาด Ink Stone_Fantasy

ระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างที่น่าหวาดหวั่นกวาดออกไปคราหนึ่ง แมลงสามตัวซึ่งมีกลิ่นอายที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงกลับไม่เสียหายเลยแม้แต่น้อย ชั่วขณะที่พวกมันปรากฏขึ้นมานั้น ทำเอาเหล่าองครักษ์หน้าโรงสุรารวมทั้งองค์ชายเจ็ดและบุรุษผู้งามสง่าแฝงแววร้ายกาจที่นั่งอยู่บนเกี้ยวต่างก็สั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุม เกิดความรู้สึกหวาดหวั่นและคร้ามเกรงขึ้นมา

แมลงทั้งสามตัวนี้ ตัวหนึ่งคล้ายจะมีแต่ก็คล้ายไม่มี เป็นแมลงพิษสีเงินที่ดูเหมือนกึ่งโปร่งใส

ส่วนอีกตัวหนึ่งเป็นแมลงสีดำที่ดูแล้วธรรมดามาก

ตัวสุดท้ายจึงจะเป็นแมลงที่ทำให้ผู้บำเพ็ญรอบด้านหวาดหวั่น มันเป็นแมลงสีเขียวเข้มตัวหนึ่งซึ่งแผ่ไอหมอกอันน่าหวาดหวั่นออกมา ไอหมอกเหล่านี้ย่อมแผ่ออกไปยังตงป๋อเสวี่ยอิงและบ่าวรับใช้มังกรมารที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อนเป็นธรรมดา

“ไม่ดีแล้ว”

“เป็นแมลงพิษที่น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้”

บุรุษผู้งามสง่าแฝงแววร้ายกาจสีหน้าเปลี่ยนแปรครั้งใหญ่ ทั้งดินแดนจิตโลกา เคยให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่าไร้ศัตรูผู้หนึ่งซึ่งมีความสามารถด้านการเพาะเลี้ยงแมลง มีนามว่า ‘จักรพรรดิกลืนโลกา’ เขาได้บุกเบิกมิติพิเศษแห่งหนึ่งขึ้นมา และได้แต่งตั้งผู้ใต้บังคับบัญชากลุ่มใหญ่ และได้มอบแมลงพิษที่ร้ายกาจจำนวนหนึ่งให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา แมลงพิษรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ใต้บังคับบัญชา ทำให้พวกผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีฝีมือค่อนข้างอ่อนแอ กลายเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดของฝั่งหนึ่งทันที

นั่นยังเป็นยุคก่อนสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งเสียอีก ดินแดนจิตโลกานั้นวุ่นวายหาใดเปรียบ ยอดฝีมือจำนวนมากกระจัดกระจายกันไปทั่วทุกทิศทุกทาง ประวัติศาสตร์บันทึกเอาไว้อย่างเลือนรางมาก ทว่าถึงอย่างไรจักรพรรดิกลืนโลกาผู้นั้นก็เทียบกับสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูอย่างแท้จริงเช่นบรรพชนฝานได้ บันทึกเกี่ยวกับเขาก็มีมากมายนัก ทั้งบันทึกประวัติศาสตร์ต่างๆ และตำนานก็มากมายนัก จวบจนบัดนี้ก็มีผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนตามหาโบราณสถานของจักรพรรดิกลืนโลกาผู้นี้อยู่

ใช่แล้ว

จักรพรรดิกลืนโลกานั้นสู้จนตัวตายตั้งแต่ก่อนสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งแล้ว! สาเหตุที่สู้จนตัวตายนั้นเลือนรางมาก เบื้องหลังมีเงาของรัฐโบราณสหโลกาอยู่รางๆ เนื่องจากศาสตร์ลับคัมภีร์เขมือบโลกาสำหรับเพาะเลี้ยงและควบคุมแมลงอสูรที่จักรพรรดิกลืนโลกาคิดค้นขึ้นเองนั้นบัดนี้อยู่ในเงื้อมมือของ ‘อ๋องสัตว์โลกา’ หนึ่งในห้าบรรพชนแห่งรัฐโบราณสหโลกา ทุกวันนี้ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการควบคุมแมลงพิษ ก็มาจากรัฐโบราณสหโลกาแทบทั้งหมด

“ยอดฝีมือรัฐโบราณสหโลกา ลงมือกับอิงซานเสวี่ยอิงแห่งสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์รึ” บุรุษผู้งามสง่าแฝงแววร้ายกาจหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ ตอนนี้เขาอยากจะหนีไปให้ไกลจากยอดฝีมือทั้งสองนี้ยิ่งไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

ถึงอย่างไรการต่อสู้ก็รวดเร็วเกินไป สารพิษก็แผ่กระจายออกไปเร็วมาก มิติโดยรอบก็ยังถูกผนึกไปด้วย เขาหนีไม่ทันเอาเสียเลย

……

“แมลงพิษหรือ เป็นของรัฐโบราณสหโลการึ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงยังนั่งอยู่ตรงนั้น ในมือกลับมีพลองสั้นเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ทันใดนั้นพลองสั้นก็ฟาดออกไปโจมตีโจมตีตามอำเภอใจ

แม้จะยังคงนั่งอยู่ที่เดิม แต่หัวพลองกลับเคาะลงบนทุกจุดที่มีแมลงอย่างน่าประหลาด

ปังๆๆ!!!

เสียงเคาะที่ดูเหมือนจะเรื่อยเปื่อยสามครั้ง แต่บริเวณที่ถูกเคาะกลับมีกลิ่นอายเร้นลับสายหนึ่งแผ่ออกมา  แมลงพิษสามตัวนั้นมีเพียงตัวสีเขียวเข้มที่แผ่หมอกพิษออกมาเท่านั้นที่แตกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีไปทันที ส่วนแมลงพิษอีกสองตัว แม้จะถูกกระแทกเสียจนกระเด็นหวือไป แต่กลับไม่เสียหายเลยแม้แต่น้อย

“เอ๊ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงเหลือแสน

เขาดูเหมือนจะเคาะออกไปเรื่อยเปื่อย แต่อันที่จริงแล้วสิ่งที่สำแดงออกไปก็คือ ‘ทลายเวหา’ หนึ่งในเคล็ดสืบทอดลับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า

นี่เป็นกระบวนท่าที่เปี่ยมอานุภาพยิ่งใหญ่และเหิมเกริมโดยแท้

กระบวนท่านี้ผสานกับ ‘บริเวณเมฆาแดง’ เพื่อหลีกเลี่ยงจุดอ่อนที่กระบวนท่านี้สามารถต้านทานได้โดยตรงอย่างง่ายดาย มันปรากฏขึ้นที่บริเวณของศัตรูทันที อานุภาพปะทุออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่กลับสังหารแมลงพิษได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น

“แมลงพิษนี้มีร่างกายแข็งแกร่งนัก วิถีแมลงอสูรช่างน่ากลัวโดยแท้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบตกใจ อย่างผู้บำเพ็ญฝึกฝนร่างกายนั้นก็ต้องระมัดระวังเป็นอันมาก มิให้ทำร้ายร่างกายตนเองได้ หากวิญญาณของตนได้รับบาดเจ็บหรือถึงขั้นแตกสลาย ก็ต้องตายไปแล้ว! แต่ ‘แมลงอสูร’ นั้นไม่เหมือนกัน แมลงอสูรผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นจำนวนมาก แม้แมลงพิษที่เพาะเลี้ยงจนถึงระดับที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งจะหาได้ยากมาก แต่หากตายไปแล้ว ก็แค่สูญเสียวัตถุภายนอกไปบ้างก็เท่านั้นเอง

ดังนั้นทางสายแมลงอสูรจึงสามารถค้นคว้าไปได้อย่างไม่ขาดสาย เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษซึ่งเชี่ยวชาญในด้านที่แตกต่างกันออกมา!

“ทลายเวหาสามารถทำลายกรงของสกุลฝานได้ แต่ข้ากลับสามารถทำลายแมลงพิษได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น คัมภีร์เขมือบโลกาช่างร้ายกาจจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ ‘ห้าบรรพชน’ ผู้สูงส่งแห่งรัฐโบราณสหโลกาแต่ละท่านล้วนน่าเกรงกลัวอย่างยิ่ง แม้แต่รัฐโบราณคิมหันตวายุซึ่งมีท่าทีแข็งแกร่งปานนั้นก็ยังต้องถูกกดดัน

“ตายเสียเถอะ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงกวัดแกว่งพลองสั้นอีกครั้ง

แมลงสองตัวที่ถูก ‘ทลายเวหา’ กระแทกจนหมุนกลิ้งแล้วมึนงงไปหมดนั้นถูกพลองสั้นแทงเข้าไปอีกครั้ง พลองสั้นดูเหมือนจะธรรมดาสามัญ แต่อันที่จริงคือหอกเทพเมฆาแดงแปลงมา! เมื่อเผชิญหน้ากับแมลงพิษพรรค์นี้ เขาก็ยังไม่ถึงกับต้องเข้าต่อสู้ประชิดตัว

“ฟึ่บ” “ฟึ่บ”

พลองสั้นแทงถูกอีกครั้ง

แม้แมลงพิษสีเงินซึ่งคล้ายจะมีแต่ก็คล้ายไม่มีนั้นจะสั่นไหว แต่กลับยังคงมิได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย

ส่วนแมลงสีดำถูกกระแทกเสียจนร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ปากและจมูกของมันมีโลหิตพรั่งพรูออกมา กลิ่นอายอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด

“ข้าเพิ่งจะใช้ ‘ทะลุอากาศ’ ระดับชั้นที่สิบกับศัตรูเป็นครั้งแรก ฆ่าแมลงไม่กี่ตัวช่างยากเย็นถึงเพียงนี้” ดวงตาของตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเปล่งประกายขึ้นมา

ทะลุอากาศเป็นท่าไม้ตายที่ดุเดือดและรับมือได้ยากที่สุดของยุทธวิธีเมฆาแดง ต่อให้เป็นค่ายกลรบ เมื่ออยู่ต่อหน้ามันก็ไร้ประโยชน์ หรือแม้จะสวมสมบัติลับอันแข็งแกร่งคุ้มกายเอาไว้ ทะลุอากาศก็สามารเพิกเฉยต่อสมบัติลับและแทรกซึมเข้าไปในกายเพื่อทำลายล้างได้…

“ปังๆๆ”

พลองสั้นในมือของตงป๋อเสวี่ยอิงกลายเป็นเงาราง ก่อนจะจิ้มลงไปบนร่างของแมลงสีดำสิบเก้าครั้งต่อเนื่องกันแทบจะในชั่วพริบตาเดียว ทำให้แมลงสีดำระเบิดออกในท้ายที่สุด

ส่วนแมลงพิษสีเงินซึ่งคล้ายจะมีแต่ก็คล้ายไม่มีตัวนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงแค่จิ้มลงไปสองครั้ง ทำให้มันมิอาจเข้าใกล้ตัวได้อีกต่อไป และมิอาจหลบหนีไปได้

“ยังมีแมลงวิเศษเช่นนี้ด้วย” นัยน์ตาเปล่งประกายของตงป๋อเสวี่ยอิงจ้องมองแมลงพิษสีเงินซึ่งคล้ายจะมีแต่ก็คล้ายไม่มีตัวนั้น แมลงพิษสีเงินหมายจะบุกโจมตีเข้ามา แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับสกัดกั้นมันเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

“ฟิ้ว”

เขาโบกมือคราหนึ่งก่อน

มิติหนึ่งก็แบนราบลงกลายเป็นภาพแผ่นหนึ่งจนสิ้น แมลงพิษสีเงินก็กลายเป็นภาพแผ่นหนึ่งในนั้น แต่จากนั้นม้วนภาพก็แตกสลายเป็นผุยผง แมลงพิษสีเงินก็บินออกมาอีก

“ฆ่าไม่ตาย จับก็ไม่ได้ ต้องสำแดงเขตลวงออกมาหรือไร” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ เขารู้ว่าเจ้านายของแมลงพิษเหล่านี้สามารถอาศัย ‘แมลงพิษ’ เพื่อให้เข้าใจความเป็นไปของการต่อสู้ได้ หากสำแดงเขตลวงออกไปเมื่อใดความก็จะแตกทันที แม้ครั้งก่อนเขาจะสำแดงออกไปเพื่อรับมืออ๋องชางซู…แต่อ๋องชางซูกลับถูกสังหารทันที จึงไม่มีผู้ใดพบเข้า

ทว่าในเมื่อครั้งก่อนกล้าสำแดงออกมา เขาก็มิได้ใส่ใจสักเท่าใดนัก เพราะถึงอย่างไรบัดนี้เขาก็ฝึกศาสตร์ร่างแยกสำเร็จแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกต่อไป

“เป็นแมลงที่พิเศษเช่นนี้ เพื่อจะจับมัน สำแดงเขตลวงออกไปก็ไม่เป็นไรหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูแมลงพิษสีเงินซึ่งคล้ายจะมีแต่ก็คล้ายไม่มีตรงหน้า นับน์ตาแฝงแววรอคอย เพียงชั่วความคิดเดียวของเขา

วิ้ง

เขตลวงอันไร้รูปร่างแผ่กำจายออกไป

ต่อให้แมลงพิษตัวหนึ่งร้ายกาจยิ่งกว่านี้ ปณิธานก็มิอาจต้านทานเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงได้ มันมึนงงและหยุดชะงักลงกลางท้องฟ้าในทันใด ก่อนจะเริ่มร่วงหล่นลงมา

“สวบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือเบาๆ คราหนึ่งก็คว้าเอาแมลงพิษสีเงินที่ถูกเขาทำลายสติรับรู้ไปเอาไว้ได้

“พิสดารนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูโดยละเอียด ด้วยระดับขั้นทางอากาศของเขา ภายใต้การสำรวจของเขา ร่างกายที่คล้ายจะมีแต่ก็คล้ายไม่มีของแมลงพิษสีเงินขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเหมือนกับผืนดินอันใหญ่โตแห่งหนึ่ง บนแมลงพิษสีเงินนี้มีอักขระลับจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนเวียนอยู่ ซึ่งนี่เป็นอักขระลับที่เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติระหว่างการเพาะเลี้ยงแมลงพิษ ทำให้แมลงพิษสีเงินนี้ผสานกับอนุภาคลูกกลมหมอกดำจำนวนนับไม่ถ้วนของแก่นห้วงอากาศโดยกำเนิด ทุกการกระทำล้วนสามารถทำให้อนุภาคของลูกกลมหมอกดำเหล่านั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทั้งสิ้น

ต่อให้ประสบกับการโจมตี ก็แทบจะสามารถอาศัยแก่นห้วงอากาศถ่ายแรงออกไปได้หมด

แม้มันจะมิได้บรรลุถึง ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุด’ แต่การ ‘ทะลุอากาศ’ อันแปลกประหลาดอย่างยิ่งและยากจะปลดเปลื้องได้ของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถูกแมลงพิษสีเงินนี้ถ่ายอานุภาพออกไปได้ราวเก้าส่วน และส่วนที่เหลืออยู่นั้น ร่างกายที่น่าหวาดหวั่นอยู่แต่เดิมของมันก็สามารถต้านทานเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

“ความสามารถในการการกลายเป็นอากาศธาตุและความสามารถในการผสานและปรับเปลี่ยนแก่นห้วงอากาศระดับนี้ก็ช่างพิสดารจริงๆ” หลายปีมานี้ตงป๋อเสวี่ยอิง พยายามรับรู้ ‘ภาพแก่น’ ของเคล็ดผนึกห้าภาพด้วยความยากลำบากมาโดยตลอด บัดนี้เมื่อได้เห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดชนิดหนึ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนอนุภาคลูกกลมหมอกดำได้ จึงย่อมต้องจับเอาไว้อย่างอดมิได้

แม้การบำเพ็ญจะแปลกพิสดาร

แต่โลกกำเนิดก็แปลกพิสดารเช่นกัน อย่างฝูงมารผลาญทำลายซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาใน ‘อากาศอันสับสนอลหม่าน’ แห่โลกกำเนิด ก็มีคนอย่างแม่ทัพโม่กู่ที่เกิดมาก็บรรลุถึงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดแล้ว

ภายในโลกกำเนิดของดินแดนจิตโลกาแห่งนี้ สามารถเพาะเลี้ยงแมลงอสูรได้น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้!

คิดจะบำเพ็ญให้ตนไปถึงขั้นนี้ได้ก็ยากเสียยิ่งกว่ายาก!

“ไป พวกเราไปกันเถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยืดกายขึ้น เมื่อแมลงพิษสีเงินมาถึงมือ เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจลิ้มรสอาหารชั้นเลิศอีกต่อไป คิดอยากจะเก็บตัวเพื่อค้นคว้าแก่นห้วงอากาศเท่านั้น

“ขอรับ” บ่าวรับใช้มังกรมารก็รับคำ

ว่าไปแล้วก็เหมือนจะเชื่องช้า

แต่อันที่จริงตงป๋อเสวี่ยอิงเพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้น ระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างก็ทำลายองครักษ์สามนายที่ถูกควบคุมเอาไว้ จากนั้นก็หยิบพลองสั้นขึ้นมาฟาดแมลงพิษสามตัว ไม่ว่าแมลงพิษทั้งสามจะบินไปอย่างไร ทุกครั้งพลองสั้นก็จบลงบนร่างของพวกมันได้อย่างน่าประหลาด สองตัวถูกทำลาย อีกตัวหนึ่งถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนหมอกพิษที่หลงเหลืออยู่นั้น เขาก็ควบคุมบริเวณอากาศคราหนึ่งแล้วเคลื่อนย้ายออกไปหลายล้านลี้กลางฟากฟ้า เมื่อไม่มีแมลงพิษต้นกำเนิดคอยควบคุม อานุภาพของหมอกพิษก็ก็ย่อมลดลงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งสลายไปในที่สุด

คนกลุ่มหนึ่งนอกโรงสุราแห่งนั้นต่างก็มองดูชายหนุ่มอาภรณ์ขาวพาบ่าวรับใช้จากไปด้วยความเคารพนบนอบ

 …………………………………………….