ตอนที่ 151-2 พบหน้ารักใคร่สมัครสมานฉันท์ทั้งครอบครัว

จำนนรักชายาตัวร้าย

เหวินเซินมิได้ตอบคำถามของสุ่ยมี่เอ๋อร์แต่อย่างใด แต่เขากลับนำนางไปทิ้งไว้ที่ครอบครัวๆหนึ่ง 

 

 

“สองเดือน ข้าต้องการให้นางเรียนรู้งานหนักทุกอย่างให้เป็น จำว่า อย่าให้ถึงตาย!” 

 

 

“เจ้าค่ะ!” หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งพยักหน้ารับคำสั่ง 

 

 

อีกฝ่ายให้เงิน ทั้งยังมอบสาวใช้เพื่อให้นางเอาไว้ใช้สอยอีกคน งานสบายเช่นนี้จะไปหาได้ที่ไหนกันล่า! 

 

 

“นี่! เจ้าอย่าทิ้งข้าไว้ที่นี่!” 

 

 

สุ่ยมี่เอ๋อร์เมื่อเห็นว่าเหวินเซินเตรียมจะจากไป ก็รีบเร่งดึงชายเสื้อเขาเอาไว้ทันที 

 

 

เหวินเซินเหลือมองาที่มือของสุ่ยมี่เอ๋อร์ที่รั้งเขาเอาไว้ด้วยสีหน้าขยะแขยง จากนั้นค่อยผลักนางให้ผละออก แล้วหมุนกายจากไปโดยไม่แม้แต่หันกลับมามองด้วยซ้ำ 

 

 

“นังบ้า รีบไปซักผ้าเข้าสิ!” 

 

 

ยังไม่ทันที่สุ่ยมี่เอ๋อร์จะได้ตามออกไป หญิงวัยกลางคนผู้นั้นก็จับนางเอาไว้พร้อมกับฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของสุ่ยมี่เอ๋อร์อย่างแรง 

 

 

“อะไรก็ไม่ทำ คิดจะอยู่ที่นี่ไปวันๆโดยเปล่าประโยชน์หรืออย่างไร?” 

 

 

ด้วยเพราะกินยาประหลาดเข้าไปทำให้วรยุทธืของสุ่ยมี่เอ๋อร์ถูกจำกัดเอาไว้ชั่วคราว ไม่อาจใช้การได้เลย เมื่อถูกตบหน้าเข้าอย่าแรงนางจึงล้มลงไปบนพื้นทันที 

 

 

“เฮอะ คิดว่าตัวเองเป็นลูกคุณหนูผู้ดี หรือว่าอยากจะแอบขี้เกียจ?! ได้ข้าจะให้เจ้าขี้เกียจสมใจ!” หญิงวัยกลางคนหยิบไม้กวาดด้ามใหญ่ขึ้นมาตบตีสุ่ยมี่เอ๋อร์ไม่ยั้ง 

 

 

‘อย่าตีข้า! อย่าตีข้าเลย!’  

 

 

สุ่ยมี่เอ๋อร์นั่งจุมปุกอยุ่ที่พื้นมือกุมศีรษะขณะที่พยายามหลบหลีกไม้กวาดที่ฟาดลงมาอย่างแต็มที่ นางไม่เคยนึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ตนเองจะมีวันที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ได้ 

 

 

หญิงวัยกลางคนผู้นี้ใจเ**้ยมดหดร้ายทารุณ นางใช้ให้สุ่ยมี่เอ๋อร์ทำงานทุกอย่างทั้งวันทั้งคืน หากนางทำได้ไม่ดีไม่เพียงแค่ถูกลงโทษให้อดข้าวซึ่งถือว่าเล็กน้อยเพราะนางยังต้องถูกตบตีอย่างโหดร้ายทารุณอีกด้วย 

 

 

ภายใต้การอบรมที่ป่าเถื่อน สองเดือนให้หลังเมื่อเหวินเซินกลับมาอีกครั้ง จากคุณหนูสี่แห่งตระกูลสุ่ยผู้สูงส่งกลายสภาพเป็นบ่าวรับใช้เต็มตัว เป็นคนรับใช้เต็มขั้น แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ย่อมเป็นเรื่องที่เอาไว้พูดกันทีหลัง 

 

 

เมื่อเหวินเซินกลับไปรายงานให้แก่เหวินเหรินเจี๋ยได้รับทราบ เหวินเหรินเจี๋ยก็เหลือบมองไปยังโรงเตี๊ยมเซียนเค่ออีกครั้ง 

 

 

“เหวินเซิน เจ้าไปที่หลงเหมินด้วยตัวเองสักครั้ง ไปบอกกับตี้อู่หมีเตี๋ยว่าอู๋โยวปรากฏยอดฝีมือที่มีวิชาพิษขั้นสูง ดังเช่นตันซ้ายขึ้นมาแล้ว” 

 

 

“ขอรับ!” จนกระทั่งเหวินเซินเดินออกไป เหวินลั่วก็ยังคงจับตามองมายังเหวินเหรินเจี๋ยไม่เลิก 

 

 

‘จากคำพูดเมื่อครู่ของนายน้อยบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าสนใจใคร่รู้ในตัวอวี้เฟยเยียนยิ่งนัก แล้วเพราะเหตุใดนายน้อยถึงยังต้องไปบอกกล่าวตันวาให้ได้รู้อีก? อีกอย่างเพราะอะไรนายน้อยถึงต้องบอกว่าจื่ออวิ๋นฮูหยินเป็นชาวตันซ้ายด้วยนะ?’ 

 

 

‘หรือว่านายน้อยต้องการจะร่วมมือกับตันขวาต่อกรกับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นและฮูหยินของเขา? ตันซ้ายเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น?’ 

 

 

“คาดเดามั่วซั่วอะไรอยู่!” เหวินเหรินเจี๋ยฉีกยิ้ม หน้าตาใส่ซื่อบริสุทธิ์ราวกับเด็กน้อย  

 

 

“ข้าเพียงแค่อยากจะรู้ว่า ความสามารถของนางมีมากเพียงไหนกันแน่!” 

 

 

น”ายน้อย ข้าน้อยเข้าใจแล้ว นี่ท่านต้องการนั่งชมเสือสองตัวกัดกัน!” เหวินลู่ยกนิ้วให้เหวินเหรินเจี๋ย 

 

 

“ผิดแล้ว! ตันซ้ายเหามะสมที่จะเป็นเหยื่อล่อก็จริง แต่จุดประสงค์ของข้าก็เพื่อต้องการล่อตันขวาออกมา “ 

 

 

เหวินเหรินเจี๋ยส่ายหน้าเบาๆ 

 

 

“สำหรับนาง ข้าคิดว่าหากมีกระดานให้นาง นางย่อมกระโดดได้สูงขึ้น!” 

 

 

เหวินเหรินเจี๋ยกล่าวเช่นนี้ เหวินลู่ยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ว่านายน้อยของตนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ 

 

 

ล่อตันขวาออกมา เพื่อให้พวกเข้ามาเป็นกระดานให้ฮูหยินจื่ออวิ๋นได้กระโดดได้สูงยิ่งขึ้น? หากว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ่นสามารถสยบตันขวาลงได้จริงๆขึ้นมา มิเท่ากับเป็นการสร้างอำนาจให้เขาหรอกหรือ? 

 

 

‘พวกเรากับสกุลจื่ออวิ๋นเกี่ยวข้องกันอย่างไรกันแน่?’ 

 

 

‘พวกเรากับพวกเขามิใช่ศัตรูอยู่ตรงข้ามกันหรอกหรือ?’ 

 

 

เหวินลู่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ  

 

 

“เกิดว่านางพ่ายแพ้ขึ้นมาละขอรับ จะว่าอย่างไร?” 

 

 

“หากนางแพ้ขึ้นมานั่นก็หมายความว่าวิชาของนางไม่กล้าแข็งพอ——”  

 

 

‘เช่นนั้นก็ไม่ใช่คนที่ข้าต้องการจะหา’ 

 

 

ประโยคหลังเหวินเหรินเจี๋ยเอ่ยขึ้นในใจ 

 

 

กลุ่มคนที่มารวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกของโรงเตี๊ยมเซียนเค่อเมื่อได้เห็นน้ำมือเ**้ยมโหดเด็ดขาดของซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนแล้ว ก็ไม่มัวแต่โอ้เอ้อีกต่อไปแต่ละคนรีบสลายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่นานที่ลานด้านนอกของโรงเตี๊ยมก็เงียบสงบลง เมื่อไร้ซึ่งเสียงเสียงจอกแจกจอแจให้รำคาญใจ อวี้เฟยเยียนจึงทอดถอนใจออกมาอย่างสบายใจ 

 

 

เมื่อจดการสถานการณ์ตรงหน้าเสร็จเรียบร้อย พวกของอวี้เฟยเยียนจึงไปเตรียมตัวเพื่อเดินทางไปยังตันซ้าย 

 

 

ทว่า ในช่วงสองสามวันนี้ดูเหมือนว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะยุ่งมากกว่าปกติ เพราะนอกเสียจากในเวลากลางคืนที่เขาจะรายงานตัวกลับเข้ามาตรงต่อเวลาแหลังจากนั้นนางและเขาก็จะได้แสดงความรักต่อกันตามเสียงเรียกร้องของหัวใจแล้ว ในช่วงเวลากลางวันแทบไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลยทีเดียว 

 

 

ครั้งนี้ซย่าโหวฉิงเทียนทำท่าทางราวกับมีลับลมคมนัยยิ่งนัก แม้ว่าจะเป็นอวี้เฟยเยียนซักถาม เขาก็ยังตอบกลับเพียงประโยคสั้นๆประโยคเดียวเท่านั้นว่า ไปเตรียมของขวัญ 

 

 

“ของขวัญ?” เมื่อได้ยินดังนั้นอวี้เฟยเยียนก็ยิ้มออกมา 

 

 

ดูไม่ออกเลยสักนิดว่าซย่าโหวฉิงเทียนที่ปกติออกจะเย็นชาเช่นนั้น แต่หัวใจของเขากลับใส่ใจในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ 

 

 

ญาติของท่านแม่มีมากมายเสียด้วย! 

 

 

ท่านตาท่านยาย ท่านลุงสามคนและท่านป้าอีกสามคน พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของนางอีกหกคน สองในหกนั้นมีพี่ใหญ่และพี่รองที่แต่งงานและมีลูกคนละคนแล้วด้วย พี่สามหมั้นหมายแล้ว มีเพียงพี่สี่พี่ห้าเท่านั้นที่ยังครองตัวเป็นโสด ครอบครัวใหญ่ครอบครัวนี้พำนักอยู่ด้วยกัน 

 

 

สรุปก็คือญาติทางท่านแม่นี้เป็นครอบครัวใหญ่นั่นเอง 

 

 

ซึ่งอวี้เฟยเยียนก็รู้สึกสงสัยใคร่รู้ยิ่งนักกับของขวัญของซย่าโหวฉิงเทียน เพียงแต่ว่าคราวนี้ซย่าโหวฉิงเทียนปิดปากสนิทไม่ยอมเผยอะไรออกมาเลย 

 

 

แม้ว่าอวี้เฟยเยียนจะใช้ทุกวิถีทาง พยายามหลอกล่อทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนเคลิบเคลิ้ม แต่เขาก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำอย่างเดียว สุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายเหน็ดเหนื่อยจนเนื้อตัวอ่อนปวกเปียกหมดเรี่ยวหมดแรงกลับกลายเป็นอวี้เฟยเยียนเสียเอง ซย่าโหวฉิงเทียนสีหน้าสุขสมมีความสุข ทว่านางกลับไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยแม้แต่น้อย 

 

 

ซึ่งเรื่องนี้ทำให้อวี้เฟยเยียนถึงกับหมดคำพูด 

 

 

การจะเดินทางไปยังตันซ้าย อวี้เฟยเยียนเองก็คิดที่จะตระเตรียมของขวัญเมื่อพบหน้าพี่น้องญาติเอาไว้เช่นกัน แต่เมื่อตี้อู่เฮ่ออี้รู้เข้าก็รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธทั้งยังกล่าวอีกว่า การที่นางกลับไปนับเป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว 

 

 

แม้ว่าตี้อู่เฮ่ออี้จะบอกว่าไม่ต้อง แต่จนแล้วจนรอดอวี้เฟยเยียนก็ยังปรุงยาขึ้นมาบางส่วนเพื่อเตรียมมอบให้เป็นของขวัญสำหรับทุกคน 

 

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าประตูโรงเตี๊ยมเซียนเค่อ ทำให้ชื่อเสียงของฮูหยินจื่ออวิ่นในเรื่องของหึงหวงรุนแรงดังขจรไปไกลทั่วทั้งเมืองอู๋โยว ขณะเดียวกันที่แพร่สะพัดออกไปพร้อมๆกันนั่นก็คือเรื่องที่ว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นกลัวภรรยานั่นเอง และข่าวที่ว่าฮูหยินจื่ออวิ่นคือราชาอาวุโส ทั้งยังเป็นหมอก็ถูกเผยแพร่ออกไปเช่นกัน 

 

 

เรื่องนี้ทำให้บรรดาหญิงสาวที่คิดมีใจเกินเลยต่อซย่าโหวฉิงเทียนแทบจะเป็นบ้าไปตามๆกัน แต่ก็ต้องยอมรับในที่สุด แต่ละคนจึงทยอยสงวนท่าทีเก็บหางของตัวเองให้เรียบร้อย