ช่างกวนเซียงกล่าวอย่างตกใจ “พี่ชเว เจ้าบอกว่าเจ้าไม่คู่ควรกับนาง คนที่หยิ่งยโสอย่างเจ้ากลับพูดประโยคเช่นนี้ออกมา ผู้หญิงคนนี้มีดีตรงไหนกัน?”
“ใบหน้าธรรมดาเช่นนี้ เจ้าชอบไปได้อย่างไร? ข้าด้อยกว่านางตรงไหน?” นางจ้องมองใบหน้าของมู่เฉียนซีอย่างโกรธเคือง
ซือคงชเวกล่าว “เซียงเอ๋อร์ การชอบใครสักคนหนึ่ง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรูปลักษณ์ภายนอก สำหรับข้า…”
จวินโม่ซีพูกแทรกขึ้นมาว่า “เช่นนั้น จะยังประลองกันหรือไม่? ดูเหมือนว่าการประลองในครั้งนี้ แม้แต่หัวหน้าหุบเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่าย ส่วนนายน้อยหุบเขานั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ”
เขาไม่อาจปล่อยให้ซือคงชเวพูดต่อไปได้ ยิ่งพูดก็ยิ่งน่าสะอิดสะเอียน เขาจะทนไม่ได้เอา
ใบหน้าของซือคงชเวหม่นคล้ำ เขาคิดจะใช้โอกาสนี้สารภาพรักเพื่อให้สาวน้อยเฟิงเยี่ยซีผู้นี้ได้รู้ถึงเจตนารมณ์ของเขา แต่กลับถูกเจ้าเด็กนี่รบกวน
เขา… ต้องจงใจเป็นแน่!
ช่างกวนเซียงกล่าว “ประลอง ต้องประลองอย่างแน่นอน! ข้าขอดูหน่อยสิว่าสาวน้อยนางนี้มีความสามารถอะไรกันแน่ ถึงได้ทําให้พี่ชเวประจบประแจงนางขนาดนี้”
ทุกคนมองจวินโม่ซีด้วยความประหลาดใจ ไม่ใช่ว่าเจ้าหนุ่มนี่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับศิษย์น้องของตนหรอกหรือ?
ตอนนี้กลับผลักไสศิษย์น้องของตนให้ตกอยู่ในอันตราย
ซือคงชเวกล่าว “เจ้าคิดจะสังหารศิษย์น้องเฟิงหรือ? ศิษย์น้องมู่”
จวินโม่ซีตอบ “เปล่า! ก็แค่การประลองเท่านั้น การทะเลาะวิวาทระหว่างผู้หญิงสองคนไม่น่าจะเป็นอันตรายอะไรมากกระมัง?”
ทุกคนกลอกตาขาว แปลกประหลาด!
ตอนนี้เมื่อศิษย์พี่ช่างกวนเห็นศัตรูความรัก นางก็โกรธเป็นอย่างมาก นางจะต้องลงมืออย่างโหดเหี้ยมแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์พี่ช่างกวน…
ซือคงชเวกล่าว “เซียงเอ๋อร์ ข้าขอร้องเจ้าล่ะ ล้มเลิกการประลองครั้งนี้เถอะ ศิษย์น้องเพิ่งจะเข้าสํานักมา พลังไม่อาจเทียบได้กับเจ้า เจ้าเองก็คงอายที่จะต้องรังแกเด็กมิใช่หรือ?”
ยิ่งซือคงชเวอ้อนวอนมากเท่าไหร่ ช่างกวนเซียงก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น
“เจ้า… เจ้าขอร้องข้าเพื่อนาง วันนี้ข้าจะไม่ปล่อยนางไปเด็ดขาด”
มู่เฉียนซีกล่าว “ศิษย์พี่ช่างกวน หยุดพูดไร้สาระกับเขาได้แล้ว ถ้าอยากจะสู้ ก็สู้เถอะ!”
ตอนนี้ทุกคนไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง พวกเขากำลังได้ยินอะไร…
“นายน้อยหุบเขามีความหวังดี แต่นางกลับไม่รับน้ำใจ!”
“ช่างไร้เดียงสายิ่งนัก นางคงไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ช่างกวนอย่างแน่นอน”
“ไม่ใช่หรือ…”
ใบหน้าของซือคงชเวหม่นหมอง ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้สาวน้อยผู้นี้กลับไม่ไว้หน้าเขา
“ศิษย์น้อง ข้าเป็นห่วงเจ้า”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาเป็นห่วง เจ้าห่วงสตรีที่รู้จักกันมาตั้งแต่วัยเด็กของเจ้าเสียดีกว่า!”
มู่เฉียนซีโบกมือไปทางช่างกวนเซียง “ถ้าเจ้าไม่ลงมือ ข้าก็จะลงมือเอง!”
ร่างสีม่วงพุ่งเข้าหาช่างกวนเซียงราวกับสายฟ้าฟาด ในเวลานี้ซือคงชเวคิดจะห้ามปราม แต่ก็สายเกินไปแล้ว
ซือคงชเวมองเงาร่างนั้นพลางคิดในใจว่า ให้สตรีที่วางตัวเช่นนี้ต้องเสียเปรียบบ้างก็ดี จะได้ไม่หยิ่งยโสจนเกินไป เมื่อนางได้รับบาดเจ็บสาหัสเขาก็ค่อยไปเป็นห่วงและคอยปลอบใจอีกที เขาไม่เชื่อว่าจะเอาชนะใจนางไม่ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ไม่กังวลว่ามู่เฉียนซีจะได้รับบาดเจ็บแล้ว
“ความเร็วของนางรวดเร็วมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมนางถึงได้หยิ่งยโสนัก!”
“แต่ความเร็วเพียงอย่างเดียวมันยังไม่เพียงพอ! พลังความแข็งแกร่งระดับจักพรรดิแห่งภูตขั้นที่หก มันยังไม่เพียงพอเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศิษย์พี่ช่างกวน”
“……”
ใบหน้าของช่างกวนเซียงฉายแววดูแคลน “จักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หก ข้าก็คิดว่าสาวน้อยอย่างเจ้าจะเก่งกาจขนาดไหนกัน! แต่ก็เพียงแค่นี้!”
แต่ได้ยินมาว่าเด็กสาวผู้นี้อายุเพียงสิบหกปี พรสวรรค์นี้ช่างน่ากลัวจนทําให้ผู้คนอิจฉา
นางยกมือขึ้น หอกยาวด้ามหนึ่งก็ได้พุ่งออกไปและโจมตีไปที่หัวใจของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีได้ยินเสียงแหวกอากาศ จึงเอียงตัวหลบไปด้านข้างอย่างว่องไว
บึ้ม!
มีเส้นไหมสีเขียวตกลงมา แต่ตัวนางเองไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“จักพรรดิแห่งภูตขั้นที่เจ็ด คิดไม่ถึงเลยว่าศิษย์พี่ซ่างกวนที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปี หลังจากเก็บตัวฝึกตนออกมา ความแข็งแกร่งของนางจะเทียบได้กับศิษย์พี่อวี้”
“ในแง่ของความแข็งแกร่ง ผู้เข้าแข่งขันร้อยอันดับแรก เกรงว่าศิษย์พี่ช่างกวนจะแข็งแกร่งที่สุด แม้ว่าเฟิงเยี่ยซีจะมีพรสวรรค์ที่ดี แต่การต่อสู้กับศิษย์พี่ช่างกวนนั้น เกรงว่านางจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”
“หวังว่าศิษย์พี่ช่างกวนจะลงมืออย่างเมตตา!”
“เจ้าช่างไร้เดียงสานัก ศิษย์พี่ช่างกวนลงมือ แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยออมมือมาก่อน”
ทุกคนมองเห็นเพียงภาพสองเงาที่พร่ามัวมาบรรจบกันกลางอากาศ ความเร็วของทั้งสองฝ่ายรวดเร็วอย่างหาที่เปรียบมิได้
หลังจากต่อสู้กับมู่เฉียนซีอยู่หลายรอบ ในที่สุดช่างกวนเซียงก็ได้มองมู่เฉียนซีอย่างตรงไปตรงมา
นางถึงได้เข้าใจว่าทําไมซือคงชเวถึงได้ชอบมู่เฉียนซี?
ขั้นที่หกในตอนที่อายุสิบหกปีและยังมีพรสวรรค์ที่น่ากลัวเช่นนี้
เมื่อตอนที่นางอายุสิบหกปี นางยังสัมผัสธรณีประตูของระดับจักรพรรดิไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่มู่เฉียนซีกลับมาถึงขั้นนี้ได้
หากพลังความแข็งแกร่งในการหลอมยาของนางน่าตื่นตะลึงไม่แพ้กัน เช่นนั้นเกรงว่านางคงเป็นที่สนใจของท่านผู้เฒ่าและกลายเป็นศิษย์คนสนิทของท่านผู้เฒ่าเป็นแน่
อวี้เหลียนชิงกลายเป็นขยะไปแล้ว ท่านผู้เฒ่าไม่มีศิษย์คนโปรดเลย ดังนั้นเขาจึงเลือกจากผู้เข้าแข่งขันคนรุ่นใหม่หนึ่งร้อยคน
พลังการต่อสู้ของนางคือสูงสุดในบรรดาพวกเขาหนึ่งร้อยคน แต่ความสามารถในการปรุงยากลับไม่ใช่ ท่านผู้เฒ่าไม่แน่ว่าจะชอบนาง
ถ้าสาวน้อยผู้นี้มีทั้งสองอย่างล่ะก็ เกรงว่า…
ดวงตาของช่างกวนเซียงฉายแววเย็นชา นางต้องทําลายสาวน้อยผู้นี้ให้ได้!
ฟึ่บ! จากนั้นช่างกวนเซียงก็ได้ลงมืออย่างไม่มีความปราณีเลยแม้แต่น้อย นางใช้กระบวนท่าสังหาร
ซือคงชเวนั้นรู้จักช่างกวนเซียงมาตั้งแต่วัยเยาว์ จึงย่อมรู้จุดประสงค์ของช่างกวนเซียงดี
เขาตะโกนว่า “เซียงเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้ก่อเรื่อง!”
เพื่อกําจัดภัยคุกคามอย่างมู่เฉียนซี ช่างกวนเซียงหาฟังคำพูดของซือคงชเวไม่
ตอนนี้ช่างกวนเซียงได้เข้ามาใกล้มู่เฉียนซีแล้ว นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าคิดว่า ตอนนี้เจ้าคงเสียใจที่ตกลงจะประลองกับข้า ทำตัวเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดองไปก็คงจะดีเสียกว่า”
หอกยาวกวาดผ่านไปด้วยพลังอันน่าหวาดผวา
มู่เฉียนซีสะบัดแขนพลางยิ้ม และกล่าวว่า “ข้าไม่เคยคิดจะเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง ดังนั้น…”
“การโต้กลับของข้ากําลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”
นางหยิบกระบี่มังกรเพลิงออกมาแล้วเอ่ยว่า “บัวแดง…”
บึ้ม!
ไม่มีทางเลือก ทุกกระบวนท่าของนางมีเพียงกระบวนท่านี้เท่านั้นที่หุบเขาหมอเทวดาไม่รู้
การโจมตีนี้ สามารถสังหารศัตรูในระดับที่สูงขึ้นได้
แต่ในตอนนี้มู่เฉียนซีกลับไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจำกัดพลังเอาไว้!
ยับยั้งเพียงแค่ให้พอกําจัดจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เจ็ดได้ก็พอแล้ว!
เมื่อเปลวเพลิงนั้นเบ่งบานราวกับดอกบัว ช่างกวนเซียงก็รู้สึกถึงอันตรายถึงชีวิต
หอกของนางหมุนอย่างรวดเร็วตรงหน้า และสร้างแรงลมเพื่อต่อต้าน
พลังป้องกันนี้ ภายใต้การโจมตีของบัวเพลิงราวกับกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกเผาจนสลายเป็นผุยผง
บึ้ม! ภายใต้เปลวเพลิง ช่างกวนเซียงกระเด็นออกไป และตกลงมาจนเป็นหลุมขนาดใหญ่บนลานประลอง!
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง ศิษย์น้องผู้นี้ไม่ลงมือก็แล้ว แต่พอลงมือก็เกิดเสียงดังสนั่นจนตื่นตะลึง
กระบวนท่ากระบี่ที่ทรงพลังเช่นนี้ กลับสามารถเอาชนะรุ่นพี่ช่างกวนได้ในกระบวนท่าเดียว นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
เมื่อมองดูกระบี่ในมือของนาง ที่แท้ก็เป็นเพียงกระบี่สนิมเขรอะ
กระบี่สนิมที่ชำรุดทรุดโทรม กลับมีพลังเช่นนั้น!
ซือคงชเวก็ตกใจเช่นกัน นางร้ายกาจถึงเพียงนี้!
ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมตอนนั้นที่ป่าฉงอวี่ถึงสามารถเรียกกองกำลังมาช่วยเขาได้ ช่างคมในฝักเสียจริง!
จวินโม่ซีเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เขารู้อยู่แล้วว่าสาวน้อยผู้นี้ได้ซ่อมกระบี่เล่มนั้นแล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากซ่อมเสร็จ พลังจะน่ากลัวขนาดนี้! หากนางใช้กําลังทั้งหมดเกรงว่าแม้แต่เขาก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง