ตอนที่ 133

The Great Worm Lich

ขณะที่เขากำลังใช้ความคิดเพื่อควบคุมสัตว์อาคมเป็นครั้งแรกอยู่นั้นเมานท์โทดก็กระโดดเข้าห้องน้ำมาตามความต้องการของเขาอย่างเชื่อฟัง ด้วยความพึงพอใจจางลี่เฉินพึมพำกับตัวเอง “แม้การบุกทะลวงมายังระดับ 5 ได้นั้นจะไม่ได้รับพลังที่ทรงพลังอะไรแต่สิ่งที่ได้รับมาก็สามารถนำมาใช้งานได้จริง ๆ … ถึงอย่างนั้นก็ยังน่าสงสัยอยู่ดีกว่าเราสามารถท่องคาถาผ่านความคิดได้แค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นหรืออย่างไร…”

 

ในตอนนั้นเองเลือดสีแดงที่เป็นคำว่า “ลดความซับซ้อน” ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของเขาก่อนจะจางหายไปในทันที มันกลายเป็นหมอกเปื้อนเลือดที่กระจายอยู่ทั่วอากาศก่อนจะลอยไปทางเมานท์โทดที่อยู่บนพื้นก่อนจะปกคลุมไปทั่วร่างของมันไม่นานหลังจากนั้น

 

หลังจากได้รับการบำรุงด้วยเลือดของจางลี่เฉินและส่วนสำคัญแล้ว หนามบนผิวด้านนอกของมันก็ถูกสร้างขึ้นในทันใด มันกลายเป็นหนามแหลมที่ทั้งหนาและยาวเกือบสองเท่าในขณะที่ขนาดร่างกายของมันยังคงขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่ามันจะได้รับการขัดเกลาอีกครั้ง

 

“ถ้าเมานท์โทดยังเติบโตแบบนี้มันจะไม่สามารถใส่กระเป๋าเป้ได้อีกต่อไปเมื่อขึ้นไปถึงระดับ 6” พลางจ้องมองไปที่เมานท์โทดซึ่งตอนนี้มีขนาดตัวเทียบได้กับสุนัขขนาดกลาง “ลดความซับซ้อน” ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของจางลี่เฉินอีกครั้ง

 

คำว่า “ลดความซับซ้อน” ทั้ง 2 คำนี้ได้หายไปท่ามกลางหมอกเลือดทันทีที่มันปรากฏ ไม่กี่วินาทีต่อมาชายหนุ่มก็สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสัตว์อาคมทั้ง 2 ตัวของเขาซึ่งก็คือเกาะมังกรและโครโคดราก้อนได้รับการขัดเกลาเป็นครั้งที่ 4 “เท่ากับว่าตอนนี้เรามีคำสาปที่ขะช่วยทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นได้…”

 

การพัฒนาที่จะเกิดขึ้นต่อไปหลังระดับ 5 นั้นจะเป็นการเปลี่ยนของคาถาเป็นครั้งแรกซึ่งจะเปลี่ยนทุก ๆ 6 ระดับ ถึงแม้ว่ามันจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือโบราณว่าการเดินทางจากระดับ 5 ไปยังระดับ 6 นั้นจะเต็มไปด้วยอันตรายทว่าจางลี่เฉินผู้ซึ่งสามารถฝ่าฟันระดับ 5 จากการเป็นพ่อมดระดับ 1 มาได้โดยใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งปี ได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนั้นแล้ว

 

เขาหัวเราะเบา ๆ อย่างเงียบ ๆ ขณะลุกออกจากอ่างอาบน้ำและทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียง “ดิงดอง” ดังขึ้นที่ด้านนอกประตูห้องพัก

 

“ที่รัก เสียงกริ่งหน้าประตูดังน่ะ ช่วยไปเปิดประตูให้หน่อยจะได้ไหมเผื่อมีใครจะมาเจาะเลือดพวกเรา ฉันจะ…” เมื่อได้ยินเสียงกริ่งประตู ทีน่าก็รีบตื่นขึ้นจากความฝันและคลานออกมาจากเตียงอย่างเร่งรีบก่อนที่จะรีบเข้าห้องน้ำและเพราะแบบนั้นเธอถึงได้เดินมาชนเข้ากับชายหนุ่มที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ “โอ้ ตื่นแล้วหรอกเหรอ! แล้วหนีมาอาบน้ำก่อนแล้วด้วย! เดี๋ยวนะ ถ้างั้น…”

 

“ทีน่า คุณเพิ่งจะบอกผมไปเองไม่ใช่หรอว่าตอนนี้อลิเซาเบธ ฮอลลิเดย์เป็นเขตควบคุมของกองทัพและเราต้องร่วมมือกับพวกเขาอย่างเต็มที่ เดี๋ยวผมจะไปเปิดประตูก่อน” จางลี่เฉินที่กำลังพูดอยู่เหลือบมองไปที่เนินหน้าอกของหญิงสาวที่มีรอยช้ำจากการจูบเต็มไปหมดก่อนจะรีบเดินออกจากห้องน้ำอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขากำลังหลบหนีอะไรบางอย่าง

 

“โอ้ ไม่ต้องห่วงนะที่รัก ฉันรักในความหยาบนี้ของนายนะ เราสามารถลองกันได้ใหม่ในภายหลัง” ทีน่าหัวเราะเบา ๆ จากด้านหลังขณะที่เธอมองตามภาพเงาของชายหนุ่ม

 

จางลี่เฉินแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้วรีบพุ่งตัวไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดใหม่มาใส่จากนั้นเขาก็รีบไปเปิดประตู

 

คนที่อยู่ด้านนอกประตูไม่ใช่ชายทหารในชุดอันตรายอย่างที่เขาคาดไว้แต่เป็นชายวัยกลางคนที่สวมสูทสีน้ำตาลพร้อมกับรอยยิ้มนุ่มนวลบนใบหน้า “สวัสดีชายหนุ่ม ต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ ฉันมาร์ติน ลุกแนน เจ้าหน้าที่จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ”

 

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณมาร์ติน ผมจางลี่เฉิน” จางลี่เฉินพยักหน้ารับด้วยท่าทีตกใจ “มันไม่เป็นอะไรหรอครับ? ผมหมายถึง…คุณไม่ได้สวมชุดป้องกันแบบพวกทหาร…”

 

“โอ้ นั่นเป็นการโกหกเพื่อหลอกคนนอกเท่านั้นน่ะ สถานที่ที่พวกเธอไปไม่ได้อยู่ด้านนอกอวกาศเสียหน่อยนี่น่า จะเป็นไปได้อย่างไรว่าจะมีแบคทีเรียอันตรายติดตามตัวมาด้วย เอาล่ะ ขอฉันเข้าไปข้างในหน่อยจะได้ไหม?”

 

“โอ้ แน่นอนครับ ต้องขอโทษด้วยที่ลืมชวนคุณเข้ามายังด้านใน” ลักษณะที่ผิดปกติของผู้มาเยือนมอบความรู้สึกผ่อนคลายให้จางลี่เฉินอย่างมากโดยไม่รู้ตัว เขาที่พยายามเปิดประตูเพื่อชวนแขกเข้ามายังด้านในเพื่อจะพูดว่า “ที่ห้องนี้ยังมีอีกคนหนึ่งนอกจากผม…”

 

จางลี่เฉินที่หันหลังให้แขกเมื่อเขาปิดประตูในขณะที่เขากำลังพูดอยู่ และก่อนที่เขาจะหันตัวกลับมาได้อย่างเต็มที่ แสงสว่างจ้าที่คมชัดจากแสงสีขาวก็กระแทกเข้าดวงตาของเขาเข้าเสียก่อน ด้วยแสงประหลาดที่ผ่านตามาทำให้เขาเป็นลมล้มไปในทันที

 

หลังจากชั่วระยะเวลาหนึ่งที่มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ได้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เขาก็ค่อย ๆ รู้สึกตัวได้ทีละน้อย เขาไม่ได้พยายามเปิดตาแต่แรกในทันที แต่ใช้ความคิดของเขาควบคุมเกาะมังกรล่องหนให้มาอยู่ข้าง ๆ

 

หลังจากนั้นจางลี่เฉินก็ลืมตาเต็มตื่นและตระได้หนักว่าตัวเขาในตอนนี้กำลังนอนอยู่บนโซฟาภายในห้องนั่งเล่น ห้องทั้งหมดว่างเปล่า ที่นี่มีเพียงแค่เขาเท่านั้นและไม่มีวี่แววว่าจะเกิดอันตรายใด ๆ ขึ้นเลย

 

ด้วยความสงสัย เขาค่อย ๆ ยืนขึ้นเพื่อขยับตัว เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าและไม่เจ็บปวดในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเลยแม้แต่น้อย เขาไตร่ตรองกับตัวเองก่อนจะพึมพำว่า “เป็นไปได้ไหมที่มาร์ตินคนนั้นไม่ได้ต้องการจะทำร้ายร่างกายอะไร สัญชาตญาณต่าง ๆ ทั้งหมดของเราก็ไม่ได้แสดงผลใด ๆ ด้วย แต่แสงสว่างจ้าที่จ้องมองไปในตอนนั้นมันคืออะไร… บ้าเอ้ย ทีน่าล่ะ!”

 

ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าห้องนอนและพบร่างของทีน่าที่กำลังนอนสนิทอยู่บนเตียงรูปหัวใจขนาดใหญ่พร้อมด้วยชุดนอนที่แสนเซ็กซี่ของเธอ ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรเช่นกัน ทั้งที่นี่และตัวเธอจะไม่มีร่องรอยของการถูกบุกรุกแต่อย่างใด การรีบร้อนเข้ามาของจางลี่เฉินดูเหมือนจะกลายเป็นการรบกวนเธอที่อยู่บนเตียงไปเสียอย่างนั้น

 

หลังจากดวงตาของเธอกลิ้งไปมาสองสามครั้งภายใต้เปลือกตาก่อนที่เธอจะลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่ ทันทีที่เธอเห็นชายหนุ่มเธอก็รีบคว้าผ้าห่มบาง ๆ บนเตียงมาปกคลุมร่างกายก่อนที่จะร้องด้วยความประหลาดใจ “ลี่เฉิน นายเข้ามาในห้องนอนของฉันทำไมกัน?!”

 

“ผม…ทีน่า คุณเป็นอะไรไปน่ะ?” จางลี่เฉินเอ่ยถามด้วยความมึนงง

 

“ฉันเป็นอะไรไปน่ะหรอ? แน่นอนว่าฉันกำลังตกใจกับการที่นายเข้าห้องฉันมาแบบพลการนี่ไง แม้เราจะเป็นเพื่อนสนิทกันแต่…เดี๋ยวนะ! เดี๋ยวก่อน! หรือว่าพวกเราจะเป็นคู่รักกัน? นายเป็นแฟนฉันอย่างนั้นเหรอ… ไม่ เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่แฟนหนุ่มแต่เป็นคู่รักที่นอนด้วยกัน? เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย! ไม่ ไม่ใช่คนรัก… โอ้ย นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง! หัวของฉันมันเจ็บปวดไปหมด พระเจ้า! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่!”

 

ยิ่งหญิงสาวไตร่ตรองเรื่องนี้มากเท่าไหร่สภาพจิตใจของเธอก็ยิ่งสับสนและเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น

 

“ใจเย็นก่อนทีน่า ไม่ต้องกังวลนะ! ไม่ต้องฝืนไปจำอะไรที่คุณจำไม่ได้…” จางลี่เฉินที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรจึงได้แต่เดินไปที่เตียงเพื่อปลอยประโยนเธอด้วยเสียงเบา ๆ

 

ขณะนั้นเองการออกอากาศบนเรือก็ดังกึกก้องว่า “อลิซาเบธ ฮอลลิเดย์กำลังจะเข้าเทียบท่าเรือนิวยอร์กอีกไม่นานนี้แล้ว ผู้โดยสารทุกท่านโปรดเตรียมพร้อมในการขึ้นฝั่ง หลังจากที่จอดเทียบท่าแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน…”

 

เมื่อได้ฟังการออกอากาศที่โพล่งออกมาไม่หยุดจู่ ๆ จางลี่เฉินก็ตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ “อลิซาเบธ ฮอลลิเดย์กลับเข้าท่าเรือนิวยอร์กแล้วงั้นเหรอ? บ้าสิ้นดี! เรือไม่ได้จอดอยู่ที่ท่าเรือบนเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกหรอกหรือไงกัน? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

 

“เรากลับมาที่ท่าเรือนิวยอร์กแล้ว! เรากลับมาแล้ว! ฉันต้องการขึ้นฝั่งเดี๋ยวนี้! ฉันต้องการขึ้นฝั่ง” ทีน่าที่ตกอยู่ในภวังค์กระโดดออกจากเตียงและวิ่งออกจากห้องไปทั้ง ๆ ชุดนอนและรองเท้าแตะ

 

จางลี่เฉินที่ยังคงสับสนไม่ได้วิ่งตามหญิงสาวออกไปแต่อย่างใด หลังจากทีน่าวิ่งออกไปแล้วเขาได้แต่นั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่บนเตียงเพียงลำพัง เขาสั่งให้เมานท์โทดให้กลับสู่อ้อมกอดของเขาด้วยความคิดก่อนจะเดินออกจากห้องพักโดยสายของเรือไป

 

ตามทางเดินต่างเต็มไปด้วยเหล่าเยาวชนที่สติเลื่อนลอย จางลี่เฉินเดินตามคนอื่น ๆ ไปที่ดาดฟ้าและทันเวลาที่ได้เห็นเรือลากจูงขนาดใหญ่ที่มีธงสัญลักษณ์ประจำชาติของอเมริกาปักอยู่ด้านบนซึ่งกำลังลากอลิซาเบธ ฮอลลิเดย์เทียบท่าเรือพอดี

 

ซึ่งเรือลำนั้นก็คือเซนต์แมรี่ที่เข้าร่วมกับหน่วยยามฝั่งสหรัฐ อย่างไรก็ตามเรือประจัญบานและเฮลิคอปเตอร์ที่ติดสอยห้อยตามมากับเรืองลากจูงนี้ด้วยกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

เหล่าวัยรุ่นเดินช้า ๆ ไปยังด้านข้างตัวเรือและมองไปที่ชายฝั่ง แสงแดดช่วงต้นฤดูร้อนที่แสนระอุส่องประกายระยิบระยับลงมาจากท้องฟ้าสู่รถฉุกเฉินที่จอดอยู่ตรงท่าเรือกว่า 100 คัน

 

ขณะนั้นเองที่เครื่องยนต์อลิซาเบธอถูกเปิดใช้งาน บันไดช่วงล่างของเรือสำราญถูกปล่อยลงพื้นเมื่อเรือเข้าใกล้ฝั่ง

 

ณ บนดาดฟ้า ทหารหน่วยยามฝั่งก็เริ่มส่งเสียงด้วยท่าทีสบาย ๆ กับผู้โดยสารเพื่อบอกให้พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับการขึ้นฝั่ง ขณะเดียวกันจางลี่เฉินก็กำลังมองหาทีน่าที่รีบออกจากห้องมาด้วยความไม่สบายใจ

 

ใบหน้าของทุกคนบนดาดฟ้าส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความสับสน ในขณะที่เขาเดินไปรอบ ๆ เพื่อตามหาเธอในที่สุดเขาก็พบทีน่าซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับทริชและชีล่าด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยอารมณ์

 

“ทีน่า คุณโอเคไหม?” จางลี่เฉินเดินตรงเข้าหาเธอพร้อมใช้ชุดราตรีที่หยิบติดมือมาห่อหุ้มร่างกายของเธอก่อนจะเอ่ยถาม

 

“ไม่เลยลี่เฉิน!” ทีน่ามองไปที่ชายหนุ่มและตะโกนออกมาเสียงดัง “ทั้งทริชและชีล่าก็เหมือนกัน! พวกเราลืมอะไรบางอย่างไปหลายสิ่ง! ราวกับว่าช่วงเวลา 2 – 3 เดือนที่ผ่านของพวกเราหายไป! ฉันสามารถบอกได้เลยว่านายเป็นคนที่ใจดีมากแต่ฉันก็ยังไม่รู้ว่าทำไมพวกเราถึงนอนพักอยู่เดียวกัน! ทริชบอกว่านายเคยช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหน! เราสามคนต้องมารวมตัวกันและพูดคุยกันอยู่นานก่อนที่เราจะจำได้ว่าทำไมเราถึงมาอยู่บนเรือลำนี้… ”

 

อารมณ์ของหญิงสาวที่หมดแรงควบคุมได้ดึงดูดความสนใจของนายทหารวัยกลางคนที่จ้องมองจากดาดฟ้าอยู่อย่างต่อเนื่องด้วยสายตาที่เฉียบคมซึ่งอยู่ไม่ไกล เขาเดินเข้ามาและยืนเคียงข้างกับทีน่าก่อนจะพูดว่า “อย่าห่วงเลย เมื่อทุกคนได้ลงเรือแล้วจะมีหน่วยแพทย์รอช่วยเหลือทุกคนอยู่ที่ท่า หายใจเข้าลึก ๆ แล้วผ่อนคลายซะเถอะนะ ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นไปแล้วล้วนเป็นแค่อดีตทั้งนั้น”

 

“ขอบคุณค่ะ” หลังได้ระบายอารมณ์ที่แสนสับสนออกไปจนเกือบหมดอารมณ์ด้านลบของเธอก็เริ่มสงบ

 

จางลี่เฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้ได้ในทันทีว่าเจ้าหน้าที่วัยกลางคนคนนี้คือคนเดียวกันกับชายที่มีการแสดงออกที่นุ่มนวลและสวมชุดสูทสีน้ำตาลซึ่งก็คือมาร์ติน ลุกแนนที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติกับเขามาก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่วัยกลางคนนี้เห็นสีหน้าของจางลี่เฉินดวงตาของเขาก็แคบลงอย่างเห็นได้ชัด

 

ชายหนุ่มที่เริ่มรู้สึกตัวอย่างช้า ๆ ได้ว่าทุกคนดูเหมือนจะเจอปัญหาเรื่องความทรงจำกันหมดยกเว้นเขาจึงแสร้งทำเป็นทุกข์ร้อนจากการขาดความทรงจำก่อนที่เขาจะเอ่ยถามออกไปอย่างกระทันหัน “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอครับ?”

 

“เรืออัปปางอย่างร้ายแรง แต่โชคดีที่พวกเธอทั้งหมดไม่ได้เป็นอะไร ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะออกไปส่งพวกเธอทุกคนที่ท่าเรือให้เอง” เจ้าหน้าที่จ้องมองไปที่จางลี่เฉินก่อนจะพาหญิงสาวทั้ง 3 คนที่มีสีหน้าเจ็บปวดเดินออกไปก่อนจะตามมาด้วยจางลี่เฉินที่แส้งทำเป็นตกใจกับเรื่องต่าง ๆ ที่ได้ยิน

 

เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลจางลี่เฉินที่ดูไม่เป็นอะไรมาก่อนในทันที และเมื่อทีน่าและอีก 2 คนมาถึงชายฝั่งพวกเธอทั้งหมดถูกวางตัวลงบนเปลหามโดยบุคลากรทางการแพทย์ที่คล่องแคล่ว ทหารวัยกลางคนที่นำพวกเขามาไม่ได้จากไปในทันทีแต่คอยสอบถามอาการจากแพทย์ฉุกเฉินที่รีบเข้าหาพวกเขาอย่างใจจดใจจ่อ “คุณหมอ คุณช่วยตรวจสอบอาการของเด็กทั้ง 4 คนนี้ให้ทีจะได้ไหม?”

 

แพทย์ฉุกเฉินที่มีขนาดตัวค่อนข้างผอมและผิวสีดำตรวจสอบรูม่านตาของพวกเขาทั้ง 4 คนอย่างรวดเร็วด้วยเครื่องมือที่คล้ายกับไฟฉายขนาดเล็กที่ให้แสงสีน้ำเงินออกมา “เด็ก 4 คนนี้มีความผิดปกติของระบบประสาทเล็กน้อยครับ แต่ไม่ใช่เรื่องที่รุนแรงอะไร ไม่ต้องกังวลนะพวกเธอ ผ่อนคลายลงซะหน่อยแล้วเดี๋ยวรถพยาบาลจะพาพวกเธอไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพตามปกติอีกที และหากผลทุกอย่างออกมาเป็นปกติพวกเธอจะสามารถกลับบ้านได้ในทันทีหลังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว 1 คืน”

 

“แล้วเด็กผู้ชายคนนั้นมีปฏิกิริยากับอาการประสาทที่ผิดปกติด้วยหรือไม่?” เจ้าหน้าที่วัยกลางคนเอ่ยถาม