“ใช่ครับ” แพทย์ฉุกเฉินตะลึงไปครู่หนึ่งกับคำถามที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก่อนจะหันไปโบกมือให้กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์คนอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อส่งตัวจางลี่เฉินและหญิงสาวอีก 3 คนไปยังรถพยาบาล จากนั้นเขาก็หันมากระซิบด้วยท่าทีเคร่งขรึมกับเจ้าหน้าที่วัยกลางคนต่อ “ท่านครับ ด้วยวิธีการที่เขากอดตุ๊กตาที่มีรูปร่างประหลาดแน่นหนาแบบนั้นก็สามารถบอกได้แล้วว่าตอนนี้สภาพจิตใจของเขาไม่มั่นคง ด้วยการถามคำถามแบบนั้นต่อหน้าเด็ก ๆ…”
“โอ้ ขอโทษด้วยนะหมอ เดี๋ยวฉันต้องไปที่เรือแล้วล่ะ” เมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการ เจ้าหน้าที่วัยกลางคนก็เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าในทันที เขาขอโทษหมอในการทำกริยาที่ไม่ดีก่อนจะรีบจากไป
ขณะเดียวกันรถพยาบาลที่บรรทุกจางลี่เฉินและคนอื่น ๆ ก็ได้ออกจากท่าเรือนิวยอร์กไปเป็นที่เรียบร้อย ในไม่ช้ารถพยาบาลคันนั้นก็ส่งตัวชายหนุ่มและคนอื่น ๆ มายังโรงพยาบาลเพรสไบทีเรียน
ในฐานะที่เป็นโรงพยาบาลทั่วไปที่ดีที่สุดในนิวยอร์ก ห้องฉุกเฉินของที่นี่จึงแออัดไปด้วยผู้คนจำนวนมาก หลังทำการทดสอบทางการแพทย์ง่าย ๆ 2 – 3 อย่างเสร็จแพทย์ในห้องฉุกเฉินที่ดูยุ่งมากก็วินิจฉัยอาการของจางลี่เฉินว่ามีสุขภาพโดยสมบูรณ์ทุกอย่างนอกเหนือจากความเสียหายทางประสาทและความกังวลทางจิตใจ
จากนั้นจางลี่เฉินก็โดนให้น้ำเกลือและถูกนำตัวเข้าห้องสังเกตอาการ 1 ชั่วโมงต่อมาเขาก็เห็นลิลี่และลาวีนที่รีบมายังโรงพยาบาลในทันทีเมื่อทราบข่าว
แม้จะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายบนอลิซาเบธ ฮอลิเดย์แต่เมื่อนับเวลาดูดี ๆ แล้วจางลี่เฉินเพิ่งจากบ้านไปเพียง 40 ชั่วโมงเท่านั้น อย่างไรก็ตามลิลี่ที่เสียขวัญร้องไห้หนักมากจนตาของเธอบวมปูดเหมือนลูกมะนาว
แต่เมื่อเห็นว่าลูกชายของเธอกลับมาได้อย่างปลอดภัย ด้วยความเป็นแม่ เธอพยามทำตัวเข็มแข็งและพยายามไม่ร้องไห้ออกมาต่อหน้าลูกและพยายามปลอบโยนลูกชายที่อยู่บนเตียงแทนว่า “หมอบอกว่าลูกไม่เป็นอะไรแล้วนะจ้ะ ลูกสามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังจากนอนพักที่นี่เพื่อสังเกตอาการ 1 วัน อย่าคิดมากนะลูกรัก สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับลูกในตอนนี้คือการพักผ่อนอย่างเต็มที่ แม่จะอยู่ข้าง ๆ ลูกเองเพราะฉะนั้นนอนพักซะเถอะนะ”
ถ้าเป็นตามปกติการแสดงออกแบบนี้จากแม่ของเขาคือสิ่งที่จางลี่เฉินต้องการอยู่ตลอด แต่เนื่องจากเขารู้ดีว่าแม่ของเขามีความเป็นห่วงและกังวลกับเขามากขนาดไหนเขาจึงอดที่จะถามออกไปไม่ได้ว่า “แม่ แม่เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมไม่เห็นแม่จะถามอะไรผมเลยว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลบ้างเลย?”
“ลูกรัก ตอนนี้แม่ไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น สิ่งสำคัญคือการที่ลูกปลอดภัยนี่ต่างหาก อย่าคิดมากเลย ผ่อนคลายและพักผ่อนซะเถอะ”
“ใช่แล้วลี่เฉิน ทำตามที่แม่เขาบอกเถอะ” ลาวีนกล่าว
จางลี่เฉินขมวดคิ้วขณะนอนราบไปกับเตียง โดยไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมเขาก็ค่อย ๆ หลับไป
หลังจากอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลา 24 ชั่วโมงโดยไม่มีสิ่งผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นเขาจึงไปพบแพทย์อีกครั้งตามขั้นตอนการรักษา
หลังจากพลิกเปลือกตาของจางลี่เฉินเพื่อสังเกตปฏิกิริยารูม่านตาของเขาอยู่พักหนึ่ง ชายที่มีร่องรอยของการเหี่ยวย่นไปตามวัยตบไหล่ของชายหนุ่มเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ยินดีด้วยพ่อหนุ่ม ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะนะ! อย่างไรก็ตามเธอยังต้องทานยาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์และจะเป็นการดีที่สุดถ้าในช่วงนี้พยายามไม่ใช้สมองมากจนเกิน พยายามทำตัวให้ผ่อนคลายเข้าไว้ เดี๋ยวหมอจะสั่งยาและใบแจ้งขอลาหยุดเรียนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ให้นะ ตื่นเต้นไหมที่ได้ยินเรื่องแบบนี้?”
“แต่หมอครับ ผมยังมีสอบครั้งสำคัญสำหรับเกรด 10 หลังวันหยุดช่วงต้นฤดูร้อนนี้สิ้นสุดลงอยู่อีก เพราะแบบนี้สำหรับผมมันจึงไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรเลย”
“อืม ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้อยู่ล่ะนะ หมอเองก็เห็นใจเธอแต่เธอต้องไม่ไปเรียนในช่วง 2 สัปดาห์นี้ก่อนจะเป็นการดีที่สุด เดี๋ยวหมอจะบอกเรื่องนี้กับผู้ปกครองของเธอเอง วันนี้มีใครมารับกลับบ้านไหม?”
“แม่ผมครับ แม่รออยู่ที่ด้านนอกห้อง”
“โอเค งั้นออกไปรอหมอข้างนอกก่อนแล้วก็เรียกให้แม่ของเธอเข้ามาในห้องนี้ที”
“หมอครับ หมอพอจะบอกอาการที่ผมเป็นอยู่ได้ไหมว่ามันคือโรคอะไร?”
“สุขภาพร่างกายของเธอปกติดีมาก แต่เหมือนว่าเธอได้ไปสูดดมยาหลอนประสาทบางชนิดในระหว่างเรืออับปางเข้าเลยทำให้เกิดอาการสมองเป็นพิษ อย่างไรก็ตามมันไม่ได้รุนแรงอะไรเพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นกังวล ตราบใดที่เธอทำตามที่หมอสั่งหมอบอกได้เลยว่ามันจะไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ในอนาคตอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณครับหมอ” จางลี่เฉินลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยท่าทีหมกมุ่นอยู่กับความคิดก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของหมอไป
เมื่อเห็นลูกชายของตัวเองเดินออกจากห้องมาลิลี่ก็รีบเข้าไปสอบถามอาการเขาในทันที “เป็นไงบ้างจ้ะลูกรัก ลูกสบายดีใช่ไหม?”
“ครับแม่ ผมไม่เป็นอะไร หมอบอกให้ผมพักการเรียนสัก 2 สัปดาห์และต้องทานยาอย่างต่อเนื่อง โอ้ใช่ เขาเรียกให้แม่เข้าไปพบด้วยนะครับ”
ลิลี่รู้สึกตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน “งั้นลูกนั่งรอแม่ที่นี่เดี๋ยวนะ” จากนั้นเธอก็รีบเปิดประตูเข้าไปยังด้านในห้องทำงานของคุณหมอในทันที
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีลิลี่ก็เดินออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด หลังจากพาจางลี่เฉินไปรับยาและพาเขาไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อวัตถุดิบสดใหม่เสร็จทั้งคู่ก็ขับรถกลับบ้าน
นอกเหนือจากหัวหน้าครอบครัวอย่างลาวีนที่มักทำงานล่วงเวลาอยู่เสมอแล้วในตอนนี้สมาชิกทุกคนต่างอยู่พร้อมหน้ากันที่บ้าน เมื่อพวกเขาเห็นจางลี่เฉินเข้าบ้านมาต่างพากันสวมกอดและทักทายเขาอย่างอบอุ่น “เฮ้ลี่เฉิน! ยินดีต้อนรับกลับบ้าน! ดูเหมือนว่าการไปงานปาร์ตี้วันเกิดที่น่าอิจฉาของนายในครั้งนี้จะไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นเท่าไหร่เลยนะ!”
“หุบปากนะแรนดี้ อย่าได้พูดแบบนั้นอีกเป็นอันขาด! ลี่เฉิน นายดูไม่เป็นอะไรมากเท่าไหร่เลยนี่ ก็ดีแล้วล่ะนะ! ใช่แล้ว ๆ ช่วง 2 วันที่ผ่านมาฉันเป็นคนให้อาหารแมลงของนายด้วยนะ พวกมันเองก็แข็งแรงไม่แพ้กัน! ไว้นายค่อยไปดูอาการพวกมันทีหลังก็ได้!”
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะพี่ชาย”
ขณะที่เด็ก ๆ ปลอบโยนพี่ชายของตัวเองที่ผ่านการเผชิญหน้ากับเรืออัปปางในห้องนั่งเล่นอยู่นั้น ลิลี่ก็กำลังเตรียมมือกลางวันอยู่ที่ห้องครัว น้ำมันที่ถูกทำให้ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ปกคลุมซี่โครงไขมันหนาชิ้นหนึ่ง หลังจากนั้นประมาณ 10 นาทีเธอก็ย่างสเต็ก 4 ชิ้นและทำสลัดผัก 2 สีซึ่งทำมาจากผักกาดแก้ว มะเขือเทศ มะกอกและแอปเปิ้ล
“เด็ก ๆ หยุดพูดคุยแล้วมากินข้าวกันได้แล้ว” จางลี่เฉินและเหล่าพี่น้องของเขาแห่กันไปที่ห้องครัวในทันทีเพื่อทานอาหารกลางวัน ลิลี่ส่งอาหารกลางวันให้กับทุกคนโดยทุกคนจะได้รับเป็นสเต็กกันทั้งหมดเว้นก็แต่จางลี่เฉินที่ได้รับเป็นสลัดผัก
“ลูกรัก คุณหมอบอกว่าในช่วงนี้ลูกต้องทานมังสวิรัติให้เยอะ ๆ กว่าปกติ นับจากนี้อีก 2 สัปดาห์ลูกจะได้กินแค่สลัดผักนะจ้ะ”
“ป้าลิลี่ ฉันก็อยากทานสลัดด้วยเหมือนกัน”
“ไรลี่ที่รัก เท่านี้เธอก็ผอมมากอยู่แล้วนะ ไว้รอให้น้ำหนักถึง 100 ปอนด์เมื่อไหร่ค่อยทานก็แล้วกัน” ลิลี่ตอบก่อนหยิบผักกาดแก้วและมะเขือเทศสัก 2 – 3 ชิ้นเข้าปาก
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันที่ทำให้จางลี่เฉินอิ่มท้องด้วยไปด้วยใบไม้และมะเขือเทศรสจืดเสร็จ เขาก็หาวอย่างเบื่อหน่าย “แม่ เมื่อวานนี้ผมไม่ได้นอนอย่างสบายบนเตียงที่โรงพยาบาลเท่าไหร่…”
“งั้นก็ไปนอนเถอะจ้ะถ้าลูกง่วงนอน ลูกยังต้องการเวลาพักผ่อนให้มาก ๆ แต่อย่าลืมทานยาที่หมอสั่งก่อนเข้านอนด้วยนะ”
“ครับ” จางลี่เฉินพยักหน้ารับก่อนจะแกล้งวิ่งเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่อหยิบขวดยาจากกระเป๋าของลิลี่และเดินขึ้นไปที่ชั้น 2
หลังกลับขึ้นมายังห้องนอนของตัวเองแล้วเขาก็สั่งให้เมานท์โทดกระโดดขึ้นเตียงและคลายเกลียวของขวดยาเพื่อหยิบยามากิน 2 เม็ด จากนั้นก็หันไปมองดูแมลงเปลี่ยนสีที่ยังมีชีวิตอยู่ก่อนจะเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์
หน้าจอกะพริบอยู่ครู่หนึ่งและไอคอนของโปรแกรมที่เข้าสู่ระบบต่าง ๆ ก็ปรากฏ จางลี่เฉินทำการเปิดอินเทอร์เน็ตและค้นหาคำว่า “ท่าเรือนิวยอร์ก อลิซาเบธ ฮอลิเดย์ เรืออัปปาง” ในทันทีข้อมูลจำนวนนับไม่ถ้วนก็เข้ามาในขอบเขตการมองเห็นของเขา
“เรือสำราญเพื่อฉลองวันเกิดที่ท่าเรือนิวยอร์กหายตัวไปอย่างลึกลับนอกชายฝั่ง ปรากฎว่ามีการปะทะกันกับเรือกู้ภัยของกองทัพเรือ…”
“นักเรียนหลายคนจากโรงเรียนมัธยมชื่อดังในนิวยอร์กถูกสังหาร ผู้คนหลายร้อยคนต้องทนทุกข์ทรมานจากความเสียหายของสมองอย่างหนักเนื่องจาก “ก๊าซเอกซ์” ในทางกลับกันเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการเดินเรือแห่งสหรัฐอเมริการะบุว่าโชคดีที่เรืออับปางในครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมาก… ”
“เซนต์แมรี่ผู้พิทักษ์ชายฝั่งช่วยชีวิตอลิซาเบธ ฮอลลิเดย์จากการอัปปางเนื่องจากการรั่วไหลของ “ก๊าซเอกซ์” ลึกลับ พื้นที่ที่เกิดเหตุได้ถูกผนึกโดยกองทัพเรืออย่างแน่นหนา…”
จากข้อมูลทั้งหมดที่แสดงขึ้นมาจางลี่เฉินเลือกเปิดข่าวที่น่าจะเป็นข่าวที่ดูจะมีมูลมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา
“ณ วันที่ 3 มิถุนาที่ผ่านมา เรือสำราญอลิซาเบธ ฮอลิเดย์ที่หายไปของบริษัทขนส่งโอเชี่ยนได้รับการช่วยเหลือและลากจูงกลับมาได้โดยเซนต์แมรี่ผู้พิทักษ์ชายฝั่งเมื่อ 2 วันก่อน ตามที่พนักงานของกองทัพเรือกล่าว สาเหตุของการหายตัวไปของเรือสำราญนั้นเกิดจากการชนเข้ากับเรือของกองทัพที่บรรทุกก๊าซของยาชาที่ระเหยได้ง่าย โฆษกของหน่วยยามฝั่งยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 189 รายและบาดเจ็บสาหัส 35 รายในระหว่างที่เรืออับปาง อัยการเขตนิวยอร์กกล่าวว่ามีหลักฐานชี้ชัดไปที่สาเหตุหลักที่ทำให้เรืออับปางในครั้งนี้เป็นเพราะกัปตันฟยอด์น่าได้แยกตัวออกจากห้องควบคุมไป ทำให้เขาต้องรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อย่างมาก…”
ในข่าวเกี่ยวกับการอับปางของอลิซาเบธ ฮอลิเดย์บนอินเทอร์เน็ตไม่มีการกล่าวถึงประสบการณ์ที่น่ากลัวที่คนบนเรือได้สัมผัสบนอีกโลกหนึ่งมาก่อน แม้ว่าเว็บไซต์ข่าวบางแห่งที่คุ้นเคยกับการเขียนข่าวได้อย่างอิสระก็ยังรู้สึกได้ว่าถูกรัฐบาลปกปิดความจริงไว้อย่างมากมาย เรื่องราวที่ประดิษฐ์ขึ้นมานั้นแปลกประหลาดมากจนแม้แต่จางลี่เฉินก็ยังคิดว่ามันช่างไร้สาระสิ้นดี
“ความทรงจำของทุกคนเกี่ยวกับโลกใหม่ถูกลบ! เหตุผลที่เราไม่เป็นอะไรไปด้วยคงเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของเราในตอนนี้ไม่ใช่แบบคนปกติธรรมดาแต่เป็นพ่อมดงั้นสินะ? อย่างไรก็ตาม มันมีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนอยู่บนโลกนี้ใบนี้ด้วยจริง ๆ น่ะเหรอ? หรือจะเป็นการสะกดจิตแบบกลุ่ม? ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดเพื่อลบความทรงจำของผู้คนบนเรือก็มีแค่เพียงรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ ทั้งหมดนี้ต้องทำโดยมีจุดประสงค์เพื่อปกปิดการมีอยู่ของโลกอื่นแน่ ๆ …” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเมื่อเขาปิดคอมพิวเตอร์
“ในกรณีนี้อาจมีเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองบางคนคอยติดตามดูผู้รอดชีวิตจากเรืออัปปางเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อดูว่ามีผลกระทบใดบ้างจากการถูกลบความทรงจำ ดูเหมือนว่าเราจะต้องแกล้งทำตัวตามน้ำในช่วง 2 สัปดาห์นี้ไปก่อน…”
ต้องขอบคุณภาพยนตร์ไซไฟบางเรื่องที่มีเนื้อหาคล้ายกันจึงทำให้เขาพอสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ด้วยข้อมูลที่รวบรวมได้จากทางออนไลน์ จางลี่เฉินสามารถไขปริศนาชิ้นสุดท้ายได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักก่อนที่จะนำไปสู่ความจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
2 – 3 วันต่อมาเขายังคงทำตามที่เขาพูดไว้ได้เป็นอย่างดี เขาใช้เวลาทั้งวันไปกับการนอนเฉย ๆ อยู่ที่บ้าน เขาไม่ได้ไปที่เมทเทิลสโลว์เพื่อทำงานหรือใช้ความคิดในการติดต่อกับใครใด ๆ ราวกับว่าเขากำลังทุกข์ทรมานจากการสูญเสียความทรงจำและรู้สึกเซื่องซึม
กิจวัตรนี้ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 10 ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมที่รับผิดชอบด้านการขยายโรงฆ่าสัตว์ได้ติดต่อจางลี่เฉินมาเพื่อบอกเขาว่าระยะแรกของโรงฆ่าสัตว์เสร็จสิ้นแล้ว หลังจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับคำสั่งซื้อเครื่องฆ่าสัตว์ได้ถูกส่งไปยังโรงงานแล้วชายหนุ่มจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะโทรหาทีน่า
พวกเขาทั้งสองทักทายกันด้วยความงุ่มง่าม จางลี่เฉินตกใจมากเมื่อพบว่าเธอกำลังพักผ่อนอยู่ที่ฮาวายในช่วงวันหยุด
“ขอโทษนะลี่เฉินที่ฉันไม่สามารถกลับนิวยอร์กไปในตอนนี้ได้ นอกจากนี้ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะช่วยนายได้อย่างไรแม้ฉันจะกลับไปถึงที่นั่นแล้วก็ตาม ฉันจำอะไรไม่ได้เท่าไหร่นัก หมอบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนที่ฉันจะไปโรงเรียนในอีกไม่กี่เดือนต่อมาคือการสูดอากาศบริสุทธิ์และสร้างความสุขให้กับตัวเอง…ฮ่าฮ่าฮ่า…อลิซ! คุณหมอบอกว่าไม่ให้ฉันดื่มนะ! นี่วนกลับมาตาฉันอีกครั้งแล้วงั้นเหรอ? เดี๋ยวให้ฉันคุยโทรศัพท์เสร็จก่อน…”
“ขอให้สนุกกับวันหยุดนะทีน่า ลาก่อน!” จางลี่เฉินที่ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาจากชายหนุ่มและหญิงสาวจากอีกด้านหนึ่งก็รีบวางสายในทันใด