ตอนที่ 1828 เก็บเลือด

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1828 เก็บเลือด

สำหรับจางเซวียน เผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณซึ่งมีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดจะตายสักกี่ตัวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิ่งมีค่าสำหรับเขาคือเลือดของพวกนั้น

ถ้าเขารวบรวมหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณได้มากพอ การจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณก็ย่อมง่ายขึ้น

ดังนั้น หลังจากใช้หอกจ้วงแทงฝ่ามือของอีกฝ่าย จางเซวียนก็เริ่มเก็บหยดเลือดของเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นด้วยความยินดีปรีดา

“คุณรนหาที่ตายแล้ว!”

เผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณโมโหจนแทบคลุ้มคลั่ง

แม้เขาจะทำตามคำสั่งของอำมาตย์เฉินหลิงอย่างว่าง่ายเพราะเมล็ดพันธุ์แห่งการยินยอมพร้อมใจ แต่ก็ยังหลงเหลือสติสัมปชัญญะของตัวเองอยู่บ้าง เรื่องนี้ถือเป็นการเหยียดหยามกันอย่างใหญ่หลวง ผู้เชี่ยวชาญที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดและหนึ่งในขุนนางของเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณต้องมาบาดเจ็บด้วยน้ำมือของนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง แถมอีกฝ่ายยังทำกับเขาราวกับเป็นตัวตลก ตั้งหน้าตั้งตาเก็บหยดเลือดของเขาแทนที่จะโจมตีต่อหรือไม่ก็หลบหนี

เหยียดหยามกันอย่างให้อภัยไม่ได้!

เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นกัดฟันกรอด เลิกสนใจอำมาตย์เฉินหย่ง หลิวหยาง กับคนอื่นๆ เขาปล่อยพลังฝ่ามือเข้าใส่จางเซวียน

ไม่ว่าอย่างไร เขาจะต้องเล่นงานเจ้าหนุ่มจองหองที่กล้าดูถูกเขาให้ได้!

พละกำลังของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดนั้นจัดว่ามหาศาล ราวกับคลื่นยักษ์สูงตระหง่านที่โผล่พ้นจากมหาสมุทร เมื่อความแข็งแกร่งของเขาขึ้นถึงจุดสูงสุด อานุภาพของการโจมตีนั้นก็หนักหน่วงกว่าที่เคย

ฉึกกกก!

แต่ยังไม่ทันที่พละกำลังมหาศาลจะได้ปะทะชายหนุ่ม หอกก็ส่งเสียงหวีดหวิวกลางอากาศและเล่นงานการโจมตีด้วยพลังฝ่ามือนั้น

เลือดสดๆกระเซ็นจากปลายหอก

นักปราชญ์โบราณร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดขณะเฝ้ามองชายหนุ่มรี่เข้าไปเก็บหยดเลือดของเขาอย่างระมัดระวังโดยใช้ขวดหยกที่อยู่ในมือ หมอนั่นทำราวกับว่าเลือดของเขาเป็นของล้ำค่าที่หากเสียไปแม้เพียงหยดเดียวก็จะสร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อทั้งโลก

“….”

นักปราชญ์โบราณริมฝีปากสั่นด้วยความโกรธจัด เขาขับเคลื่อนพลังงานเพื่อสกัดกั้นเส้นเลือดของตัวเองไว้ แม้อาการบาดเจ็บจะสาหัสไม่น้อย แต่ก็ไม่มีเลือดไหลซึมออกมาอีก

ด้วยระดับวรยุทธของเขา เขายิ่งกว่ามีความสามารถที่จะควบคุมการทำงานของร่างกายในระดับที่เรียกว่าถึงแก่น

“อะไรกัน?”

เห็นเลือดสดๆที่กำลังไหลนองหยุดไหลไปกะทันหัน ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองนักปราชญ์โบราณด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่งยวด

“ไอ้หนุ่ม กล้าดีอย่างไรมาเก็บเลือดของผม ผมสาบานว่าผมจะส่งคุณลงนรกให้ได้…” นักปราชญ์โบราณจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างโกรธเกรี้ยวขณะสบถสาบานออกมา

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ชายหนุ่มที่มีสีหน้าหงุดหงิดก็ยกมือขึ้น แล้วหอกก็พุ่งเข้าจ้วงแทงอีกครั้ง

เห็นหอกพุ่งเข้าใส่ นักปราชญ์โบราณรีบเคลื่อนไหวเพื่อหลบการโจมตี แต่แล้วก็เกิดความบิดเบี้ยวของมิติขึ้นอย่างกะทันหัน ยังไม่ทันที่เขาจะรู้ตัว หอกก็แทงพรวดเข้าที่ต้นขาของเขาอย่างจัง

ฉึกกกก!

เกิดรูอีกรูหนึ่งบนร่างของนักปราชญ์โบราณ

นักปราชญ์โบราณผู้นั้นถึงกับผงะ เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็เห็นชายหนุ่มกำลังกระโดดโลดเต้นไปรอบๆอย่างยินดีปรีดาพร้อมกับขวดหยกในมือ เก็บหยดเลือดของเขาหยดแล้วหยดเล่า

“บ้าบออะไรกันนี่…”

พูดกันตามตรง นักปราชญ์โบราณร่ำๆจะปล่อยโฮ

ในตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าอีกฝ่ายสามารถสังหารเขาได้ทุกเมื่อหากต้องการ แต่เป็นเพราะหมอนั่นเลือกที่จะไม่เปิดการโจมตี และปฏิบัติต่อเขาราวกับเป็นหยดเลือดตัวอย่างที่มีไว้ให้เก็บ

เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป นักปราชญ์โบราณตัดสินใจหันหลังกลับและหลบหนี

ฉึกกกก!

เกิดรูอีกรูหนึ่งที่ก้นของเขาขณะที่เลือดสดๆทะลักออกมา

หลังจากเก็บเลือดใส่ขวดหยกใบแรกสุดจนเต็มแล้ว จางเซวียนก็เริ่มเก็บขวดที่ 2 ด้วยวิธีนี้ ไม่ช้าก็เก็บเลือดไว้ได้มากกว่า 10 ขวด ทุกครั้งที่นักปราชญ์โบราณพยายามเยียวยาบาดแผลของเขา หอกก็จะพุ่งเข้าจ้วงแทงและสร้างบาดแผลใหม่ขึ้นอีกครั้ง ทำให้เลือดไหลทะลักออกมาอีก

ราวกับตัวเขาเป็นท่อน้ำรั่วที่ไม่อาจซ่อมแซมได้

ลงท้ายก็มาถึงจุดที่นักปราชญ์โบราณถอดใจยอมรับโชคชะตา เขาเลิกหลบหนีและตัดสินใจทรุดตัวลงนั่งอยู่กับที่ ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย นัยน์ตาของเขาจ้องเขม็งไปข้างหน้า ดูราวกับจิตวิญญาณใกล้สูญสลายเต็มที เลือดทะลักออกมาจากรูหลายสิบแห่งบนร่างของเขา ไหลนองทั่วพื้น

ในเมื่อความพยายามหลบหนีมีแต่จะทำให้บาดเจ็บกว่าเดิม จึงสมควรยอมรับชะตากรรมจะดีกว่า

ไม่ช้า เพราะเสียเลือดมากเกินไป นักปราชญ์โบราณก็ทรุด เขาร่วงลงมาจากกลางอากาศ ดูเหมือนจะเป็นนักปราชญ์โบราณคนแรกที่ต้องตายอย่างน่าสมเพชเพราะเสียเลือดมากเกินไป

หลังจากสังหารนักปราชญ์โบราณคนแรกแล้ว จางเซวียนก็หันไปมองการต่อสู้ที่อยู่รอบตัว

โชคดีที่นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง นักปราชญ์โบราณโม่หลิง และนักปราชญ์โบราณคนอื่นๆสามารถยืนหยัดรับมือกับการสู้รบได้ การผนึกกำลังกันอย่างเหนียวแน่นของพวกเขาก่อเกิดเป็นพละกำลังไร้เทียมทานที่แม้แต่อำมาตย์เฉินหย่งในสภาวะแข็งแกร่งสูงสุดก็ยังต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีหากจะเผชิญหน้ากับพวกเขา

แต่กลุ่มนักปราชญ์โบราณที่ตกอยู่ใต้อานุภาพของเมล็ดพันธุ์แห่งการยินยอมพร้อมใจต่างก็ต่อสู้อย่างสุดกำลัง แถมแต่ละคนยังมีกลยุทธเด็ดๆมากมายซ่อนไว้ จึงถือเป็นการสู้รบที่สูสี บอกยากว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ

การสังหารนักรบในระดับนักปราชญ์โบราณนั้นทำได้ยากมาก การต่อสู้ระหว่างนักปราชญ์โบราณด้วยกันอาจยืดเยื้อเป็นเวลาหลายวัน และบ่อยครั้งที่ผู้แพ้จะหนีไปได้โดยใช้ไม้ตายบางอย่างที่แอบซ่อนไว้ ส่วนผู้ชนะก็เดินออกจากการต่อสู้พร้อมกับอาการบาดเจ็บสาหัส

ด้วยเหตุนี้ เหล่านักปราชญ์โบราณที่ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือเผ่าพันธุ์ปีศาจจึงถือเป็นทรัพยากรล้ำค่า การมีพวกเขาไว้ก็เพื่อให้ใครๆยำเกรง และน้อยครั้งที่คนเหล่านี้จะมีโอกาสสู้รบ

ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป อำมาตย์เฉินหลิงก็ดำเนินพิธีกรรมต่อ เขายกมือขึ้น แล้วของล้ำค่าทั้งหมดที่อยู่บนขั้นบันไดรอบแท่นบูชาก็ระเบิดกลายเป็นเปลวไฟ ดูคล้ายภูเขาไฟที่กำลังปะทุ

กระแสพลังงานอันน่าทึ่งแผ่ลงมาจากสวรรค์และซึมซาบเข้าสู่จุดชีพจร เติมเต็มพละกำลังให้กับทางเดินพลังปราณของเขา

ด้วยกระแสพลังงานนี้ บาดแผลของอำมาตย์เฉินหลิงก็เริ่มเยียวยาตัวเองอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็ดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน

“แบบนี้แย่แน่ เราต้องยับยั้งเขาให้ได้ ถ้าอำมาตย์เฉินหลิงหายดีจากอาการบาดเจ็บล่ะก็ เราจะต้องเจอกับความยุ่งยากมากกว่าเดิม!” จางเซวียนขมวดคิ้ว

ในสภาวะแข็งแกร่งสูงสุด จริงอยู่ว่าอำมาตย์เฉินหลิงอ่อนด้อยกว่าอำมาตย์เฉินหย่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ไม่อย่างนั้น คงไม่อาจควบรวมดินแดนกว้างใหญ่เข้ากับสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจและมีชัยผงาดเหนือนักปราชญ์โบราณคนอื่นๆได้

อานุภาพของหอกสวรรค์กระดูกมังกรในเวลานี้สามารถเล่นงานอำมาตย์เฉินหลิงได้อย่างง่ายดายหากเขากำลังบาดเจ็บสาหัส แต่ทันทีที่เขาหายดี การสังหารอีกฝ่ายก็ย่อมไม่ง่าย

“จัดการเลย!”

รู้ดีว่าต้องออกโรงแล้ว จางเซวียนเงื้อหอกสวรรค์กระดูกมังกรแล้วชี้ไปยังอำมาตย์เฉินหลิง หอกสีดำสนิทฟาดฟันมิติที่อยู่โดยรอบ มุ่งหมายจะตัดศีรษะของอีกฝ่าย พยายามจะจบการต่อสู้ให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

เห็นกระบวนท่าของจางเซวียน อำมาตย์เฉินหย่งหรี่ตาและอุทานอย่างพรั่นพรึง “นายน้อย อย่า!”

แต่ก็สายไป ยังไม่ทันที่หอกจะถึงตัวอำมาตย์เฉินหลิง พละกำลังอันน่าทึ่งที่แผ่ลงมาจากหลุมดำบนท้องฟ้าก็ปะทะกับหอกของจางเซวียน พริบตาต่อมา จางเซวียนรู้สึกราวกับว่าผิวหนังบริเวณง่ามนิ้วของเขาฉีกขาดออกจากกัน เลือดสดๆไหลเป็นทาง

ในเวลาเดียวกัน หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็กระเด็นหลุดจากมือของเขา

ฉึกกกก!

มันปักลงกับพื้น เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น จางเซวียนเปิดใช้งานสายเลือดตระกูลจางและล่าถอยอย่างรวดเร็ว หลบพ้นจากพละกำลังที่แผ่ลงมาจากกลางอากาศได้อย่างหวุดหวิด เขารีบกระโจนลงไปในหลุมเพื่อดึงหอกสวรรค์กระดูกมังกรขึ้นมาก่อนจะถามอำมาตย์เฉินหย่งด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น?”

มันเป็นการปะทะเพียงชั่วขณะ แต่เกิดรอยร้าวย่อมๆขึ้นบนหอกสวรรค์กระดูกมังกร เห็นชัดว่ามันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะสั้นๆครั้งนี้

โชคดีที่สำหรับอาวุธระดับนี้ ตราบใดที่ได้ดื่มเลือดนักปราชญ์โบราณในจำนวนที่มากพอ ก็จะหายดีโดยเร็ว

“นายน้อย สิ่งที่อยู่อีกฟากหนึ่งของพิธีกรรมคือเทพเจ้าจากโลกอื่น การกระทำของคุณที่โจมตีอำมาตย์เฉินหลิงถือเป็นการถือเป็นความกระด้างกระเดื่องต่อเทพเจ้า เทพเจ้าจึงพยายามใช้การลงทัณฑ์จากสวรรค์เล่นงานคุณ!” อำมาตย์เฉินหย่งรีบตอบ

“เป็นความกระด้างกระเดื่องต่อเทพเจ้า?” จางเซวียนตาโตด้วยความประหลาดใจ

ไม่น่าสงสัยแล้วที่หอกสวรรค์กระดูกมังกรกระเด็นหลุดจากมือของเขาในทันที ใครจะไปคิดว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย?

แต่มาพิจารณาอีกที ก็พอมีเหตุผล

พิธีกรรมที่กำลังดำเนินไปคือการเซ่นสรวงเครื่องบรรณาการต่อเทพเจ้า ด้วยมูลค่าของเครื่องบรรณาการ เทพเจ้าจะมอบรางวัลเป็นสิ่งตอบแทนให้สำหรับการดำเนินพิธีกรรมครั้งนี้ ในช่วงเวลาที่พิธีกรรมดำเนินไป โลกทั้งสองใบจะเชื่อมโยงถึงกันด้วยประตูบานเล็กที่อนุญาตให้อำนาจของเทพเจ้าซึมซาบเข้าสู่โลก การสร้างความปั่นป่วนขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวไม่ต่างอะไรกับการเหยียดหยามศักดิ์ศรีของเทพเจ้า จึงเป็นธรรมดาที่ผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษ

เรื่องนี้อธิบายได้ว่าทำไมถึงไม่มีใครกล้าขัดขวางอำมาตย์เฉินหลิงอย่างออกนอกหน้าทั้งๆที่อีกฝ่ายมีพฤติกรรมชั่วร้าย เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเป็นแบบนี้นี่เอง

“แต่ถ้าเราไม่ยับยั้งเขาไว้ พิธีกรรมก็จะเสร็จสมบูรณ์ แล้วอาการบาดเจ็บของเขาก็จะหายดี ถ้าทุกอย่างดำเนินไปแบบนี้ พวกเราได้เอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่แน่!” จางเซวียนพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

แน่นอนว่าการกระทำครั้งนี้เป็นความโง่เขลาอย่างมากที่คิดจะทดสอบความอดทนของเทพเจ้า แต่หากเขาปล่อยให้พิธีกรรมดำเนินต่อไป สุดท้ายอำมาตย์เฉินหลิงจะต้องหายดี และนั่นจะทำให้ทุกคนตกที่นั่งลำบาก