GGS:บทที่ 849 นี่ฝันไปรึเปล่า

 

“อย่าเพิ่งมาดูถูกรูปลักษณ์ของมันนา… เดี๋ยวจะประหลาดใจเมื่อได้เห็น” ซูจิ้งอดไม่ได้จนต้องหัวเราะออกมาเหมือนเห็นท่าทางของทุกคน

“เหอะ สำหรับนายน่ะรูปร่างของมันอาจจะแค่แปลกๆ แต่สำหรับฉันน่ะ ดูยังไงก็มองไม่ออกว่าเป็นดอกไม้ไฟด้วยซ้ำ”

หวังจ้าวพูดออกมาแบบไม่ไว้หน้าซูจิ้งเลยสักนิด แต่เขาก็พูดออกมาจากใจจริงว่าดูยังไงก็ไม่ใช่ดอกไม้ไฟ

ชายวัยกลางคนอีกสามคนเองเมื่อได้ยินแล้วพวกเขาเองก็ยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่

ด้วยประสบการณ์ในวงการดอกไม้ไฟของพวกเขาที่เห็นดอกไม้ไฟมานักต่อนักแล้ว จากที่เห็นอย่าว่าจะเป็นดอกไม้ไฟแบบจุดขึ้นฟ้าเลย เป็นดอกไม้ไฟจุดเล่นแบบเด็กๆยังเป็นไม่ได้ด้วยซ้ำ

“มีตรงไหนบ้างที่พอจะจุดดอกไม้ไฟได้มั่งเนี่ย” ซูจิ้งถามออกมา

 

“มีที่ว่างๆอยู่ข้างในแถวๆข้างตึกวิจัยค่ะ มันเป็นพื้นที่สวนหย่อมที่อยู่ระหว่างตึกวิจัยและอาคารฝ่ายผลิต”

ซูจิ้งได้หันไปมองยังตึกวิจัยที่เฉิงหนานว่า สิ่งที่ว่างดังกล่าวมันก็กว้างเพียงสองชั่วตึกเท่านั้นเอง

หากเขาจะต้องลองจุดดอกไม้ไฟที่มาจากห้วงเวลาฯลอร์ดออฟเดอะริงจริงๆล่ะก็ที่ว่างแค่นี้น่าจะไม่เพียงพอที่จะปล่อยให้ดอกไม้ไฟนี้เล่าเรื่องราวของมันไปได้

“เอาเป็นที่ว่างตรงนู้นก็แล้วกัน” ซูจิ้งพูดพลางเดินไปพร้อมกับดอกไม้ไฟของเขา หวังจ้าว เฉิงหนาน และชายอีกสามคนเองก็ได้เดินตามเขาไปด้วย

พวกเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้ซูจิ้งยอมแกล้งโง่และอยากจะโชว์ให้พวกเขาเห็นถึงขนาดนั้น เพราะยังไงในตอนนี้เขาก็คือหัวหน้าของพวกเขาที่เงินหนาโคตร

 

เมื่อทุกคนเดินไปลานว่างๆ ซูจิ้งได้นำตุ๊กตากระดาษรูปทรงเห็ดสอดเข้าไปในรอยแตกที่อยู่ตรงพื้น เมื่อเห็นดังนั้น หวังจ้าวและเฉิงหนานก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา “ถอยไป ถอยอีก ถอยไปห่างๆเลย ”

พูดเสร็จทั้งสองก็ได้รีบถอยร่นออกมาในทันที ชายอีกสามคนเองต่างก็มองหน้ากันเล็กน้อยก่อนที่จะถอยตามออกมาอย่างไม่ห่าง

ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้สงสัยในตัวซูจิ้งแล้วว่าของที่เขานำมาเป็นดอกไม้ไฟรึเปล่า แต่พวกเขาในตอนนี้กลัวซูจิ้งบาดเจ็บมากกว่าเนื่องจากว่าซูจิ้งนั้นไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับดอกไม้ไฟมากนัก

แต่ทางด้านซูจิ้งนั้น เขาไม่ได้มีท่าทีแตกตื่นอะไร หลังจากที่เห็นคนอื่นๆรนรานถอยร่นออกไปแล้ว เขาก็แค่หยิบดอกไม้ไฟมาจุด และค่อยเดินออกมาอย่างช้าๆ และมายืนอยู่ข้างๆหวังจ้าวและเฉิงหนาน

“ปัง” ในสายตาของทุกคนในตอนนี้ พวกเขาเห็นเพียงแต่ส่วนหัวของตุ๊กตากระดาษทรงเห็ดระเบิดดังและเปิดออก โดยไม่มีเส้นประกายแสงพุ่งขึ้นฟ้าอย่างที่ทุกคนคิดแต่อย่างใด

ในชั่วขณะหนึ่งที่คนทั้งห้าคิดว่าดอกไม้ไฟน่าจะด้านรึเปล่า ทันใดนั้นก็ได้มีประกายแสงพุ่งออกมาจากกระดาษนั่นและรวมตัวกันออกมาเป็นรูปผีเสื้อ

มันบินเริงระบำอยู่กลางอากาศ โดยมันได้โบยบินไปทั่วแทบจะทุกทิศทางราวกับว่ามันมีชีวิตอยู่จริงๆ หลังจากบินไปได้หลายนาที ผีเสื้อตัวนั้นค่อยจางหายไปในอากาศ ในตอนนั้นพวกเขาก็จริงได้สติกลับคืนมา

“พระเจ้า นี่ฉันได้เห็นอะไรไปกันแน่เนี่ย” เฉิงหนานยังมองไปตรงหน้าด้วยสายตาส่องประกาย

“นี่ฉันเพิ่งจะเห็นดอกไม้ไฟกลายเป็นผีเสื้อโบยบินอย่างนั้นหรอ” ชายหนึ่งในสามถึงกับขยี้ตาเป็นการใหญ่

“ฉันเองก็เห็นแบบนั้นนะ” ชายอีกคนเองก็พูดยืนยันออกมา

“ไม่ใช่ว่าตาของพวกเราฝาดไปหรอกหรอ ต้องเป็นความฝันแน่ๆ” ชายทั้งสามคนพูดออกมาในขณะที่ยังยืนอึ้งกันอยู่

 

พวกเขาในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมซูจิ้งต้องการพื้นที่กว้างๆ ถึงในตอนนี้พวกเขาจะเข้าใจเหตุผลแล้วแต่ก็ยังยากจะยอมรับได้ สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือดอกไม้ไฟที่กลายไปเป็นผีเสื้อ และพวกเขาจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อถอยไปห่างๆแล้วเท่านั้น

“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๊ยว มีใครก็ได้บอกฉันหน่อยสิว่า ปกติดอกไม้ไฟทำอย่างนี้ด้วยหรอ” หวังจ้าวที่ตอนนี้กำลังงุนงงและต้องการหาคำตอบได้ส่งเสียงออกมา ทุกคนต่งมองไปยังเขาด้วยสายตาของเขาที่เหมือนกับกำลังมองตัวประหลาด ปกติมันจะไปมีของแบบนั้นได้ยังไงกัน

“อย่าเพิ่งรีบประหลาดใจกันนักสิ ค่อบประหลาดใจหลังจากเห็นสองอันนั้นก่อนก็ยังทัน” ซูจิ้งหัวเราะพลางใส่ดอกไม้ไฟอีกแบบหนึ่งเข้าไป ตุ๊กตากระดาษดอกไม้ไฟอันนี้ถูกทำให้เป็นรูปทรงจรวด

หลังจากที่ซูจิ้งจุดไฟ กระดาษก็ได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากน้ำก็ได้มีประกายแสงพุ่งออกมา เมื่อประกายแสงหายไปมันก็พุ่งต่อ เมื่อมันหยุดก็มีประกายแสงสวยงามอีกครั้ง

เป็นอย่างนี้ไปสักพักจนท้องฟ้าเต็มไปด้วยประกายแสงจากระยิบระยับจากสะเก็ดดอกไม้ไฟหลากหลายสี ก่อนที่ผ่านไปสักพัก ทั้งหมดจะพุ่งลงมาเป็นสายราวกับดาวตกก็ว่าได้

“พระผู้เป็นเจ้า!” ทั้งห้าคนได้อุทานออกมาแทบจะในพร้อมๆกัน

หลังจากดอกไม้ไฟหมดลง ซูจิ้งได้จุดดอกไม้ไฟรูปแบบที่สามขึ้นมา คราวนี้เป็นรูปทรงปราสาทที่มีทั้งหมดห้าหอคอยและมีหอคอยตรงกลางที่สูงที่สุด เอาจริงทั้งหมดเหมือนตุ๊กตากระดาษรูปเห็ดเท่านั้น มองยังไงก็ไม่ใช่ดอกไม้ไฟ

หลังจากที่ซูจิ้งจุดไฟที่ชนวนไปแล้ว ทันใดนั้นก็ได้มีตัวเลขปรากฏที่ฐานของปราสาทซึ่งมันเป็นดอกไม้ไฟอีกเช่นกัน

หลังจากนั้นปราสาทได้ลอยขึ้นไปและบินอยู่นิ่งๆอยู่บนท้องฟ้า แทบจะเรียกได้ว่าสูงกว่าดอกไม้ไฟทั่วไปก็ว่าได้

เมื่อมันขึ้นไปถึงสุดฟ้ามันก็ได้ระเบิดจนเกิดประกายแสงไปทั่วท้องฟ้าโดยพุ่งออกไปเป็นวงกลมสมบูรณ์และค่อยร่วงลงมาเป็นสายพร้อมกันๆราวกับน้ำตกก็ว่าได้

และเมื่อต้นแสงล่วงลงมียังพื้น มันก็ได้เด้งขึ้นและกระดอนออกไปราวกับเป็นร่มขนาดใหญ่ตกอยู่ที่พื้น

พวกมันสวยงามจนเฉิงหนานพูดอะไรไม่ออก

“ช่างสวยจับใจจริงๆ” หวังจ้าวพูดออกมา

“ต้องฝันไปแน่ๆ ในโลกนี้จะมีดอกไม้ไฟแบบนี้ได้ยังไงกัน” นักวิจัยทั้งสามเองก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“ขนาดนี้แล้วยังมีคนดูถูกดอกไม้ไฟของฉันอยู่อีกอย่างนั้นหรือเนี่ย” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“อาจิ้ง ฉันผิดไปแล้วน่า… คนทั่วไปแบบฉันไม่ควรจะไปดูถูกนอกเลยนะ นายนี่มันสุดยอดจริงๆ ว่าแต่นายไปทำอีท่าไหนดอกไม้ไฟถึงออกมาได้มหัศจรรย์พันลึกขนาดนี้ได้กัน

นายควรจะผลิตดอกไม้ไฟพวกนี้เองนะ ไม่รู้จะหานักวิจัยทั้งพวกนี้มาทำไมกัน” หวังจ้าวดีใจจนเผลอพูดออกมา เมื่อได้ยินดังนั้นนักวิจัยทั้งสามก็ถึงกับพูดไม่ออก

ถึงแม้คำพูดของหวังจ้าวจะเฉือดเฉือนจิตใจของพวกเขาแค่ไหนก็ตามแต่พวกเขาปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ

พวกเขานั้นไม่เคยเห็นดอกไม้ไฟพวกนี้มาก่อน ทักษะของผู้ทำดอกไม้ไฟพวกนี้เหนือล้ำกว่าพวกเขาจนพวกเขานั้นอยากกราบกรานเป็นลูกศิษย์ในทันทีที่รู้ว่าใครทำ

พวกเขานั้นรู้ตัวในทันทีว่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะถูกเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านดอกไม้ไฟอีกต่อไป

ในขณะเดียวกันพวกเขาเองก็รู้สึกอับอายไปพร้อมๆกัน พวกเขาเองก็แค่อยากจะตามมาดูซูจิ้งทำตัวเองขายหน้าเท่านั้นเอง เพราะว่าพวกเขานั้นได้ดูถูกซูจิ้งเรื่องดอกไม้ไฟไป เพียงเพราะพวกเขาคุ้นเคยกับดอกไม้ไฟที่เขารู้จักแค่นั้นเอง

เป็นพวกเขาเองที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง หวังจ้าวนั้นพูดถูกแล้ว พวกเขานั้นได้สบประมาทพระเจ้าในร่างมนุษย์

หลังจากเฉิงหนานคืนสติ ดวงตาของเธอดูมีชีวิตชีวาในทันที ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมซูจิ้งถึงสนใจจะเข้าวงการดอกไม้ไฟนัก

หากว่าผลิตภัณฑ์แบบนี้ออกสู่ตลาดจริงๆล่ะก็ พวกเธอเองจะถือได้ว่าเป็นเจ้าตลาดในทันทีเพราะไม่มีใครที่จะมาแข่งดอกไม้ไฟแบบนี้กับพวกเขาได้แน่นอน

ในขณะเดียวกันเหล่าคนงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมใกล้ๆก็ได้เห็นดอกไม้ไฟของซูจิ้งและตกใจกันไปหมด

“พระเจ้า นี่ฉันเพิ่งจะเห็นอะไรไปเนี่ย ดาวตกหรอว่าดอกไม้ไฟกันแน่”

“จะเป็นดาวตกไปได้ยังไงกัน มีดาวตกแบบนี้บนโลกด้วยหรอ”

“แต่มันก็ไม่ใช่ดอกไม้ไฟนี่ ไม่มีทางที่ดอกไม้ไฟแบบนี้จะมีบนโลกได้หรอก ฉันเองก็จะได้ว่าโรงงานดอกไม้ไฟตรงนั้นปิดไปได้พักใหญ่แล้วนะ”

“หรือว่าจะเป็นดอกไม้ไฟแบบใหม่กัน”

“มันอยากที่จะเชื่อว่ามีจริงเลยแหะถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง”

“ฉันถ่ายรูปและโพสต์ขึ้นเน็ตไว้แล้ว ถ้านายอยากจะเห็นนะ”

มีบางคนที่โชคดีได้เห็น บางคนก็ถ่ายวิดีโอส่งขึ้นอินเตอร์เน็ต ถึงแม้จะไกลไปหน่อยและโฟกัสได้ไม่ชัด แต่ยังไงซะมันก็ช่างดูสวยจนเป็นที่ฮือฮาบนโลกอินเตอร์เน็ตจนได้