GGS:บทที่ 848 มีอะไรผิดพลาดกัน

 

“ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดล่ะก็ ขยะห้วงเวลาฯนี้สมควรจะมาจากห้วงเวลาฯลอร์ดออฟเดอะริง(ราชันย์แหวนครองพิภพ)แน่ๆ”

ซูจิ้งได้คำตอบในทันทีจากข้อมูลที่เขาได้พบเจอ

ห้วงเวลาฯลอร์ดออฟเดอะริงเป็นเรื่องราวของนิยายจากฝั่งตะวันตก หากดูจากขยะห้วงเวลาฯที่ได้มาก่อนหน้านี้แล้ว

สถานที่ขยะกองนี้จากมาสมควรจะมีมังกรไฟตัวเคื่อง มนุษย์ต้นไม้ตัวสูงใหญ่ และออร์คตัวยักษ์ถือสูงกว่าสามเมตร นอกจากนั้นที่นั่นยังมีเผ่าพันธุ์ที่หลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นแม่มด คนแคระ ออร์ค เอลฟ์ และแน่นอนที่สุดคือฮอบบิท

สิ่งที่ยืนยันซูจิ้งได้ดีที่สุดคือภาพแหวนที่มีตัวอักษรไฟประทับอยู่ที่ถูกวาดเอาไว้ในกระดาษแผ่นหนึ่ง

แหวนที่กระดาษนั้นบันทึกเอาไว้สมควรจะเป็นแหวนแห่งอำนาจ มันเป็นแหวนปีศาจที่ถูกสร้างโดยเซารอน

จะบอกว่าเป็นแหวนแห่งตัวร้ายเลยก็ว่าได้ เพราะว่าแหวนนี้ที่ได้ว่าเป็นตัวจุดชนวนปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นมาในห้วงเวลาฯแห่งนั้น

 

“ขยะห้วงเวลาฯลอร์ดออฟเดอะริงอย่างนั้นหรอ หรือว่าเจ้าตุ๊กตากระดาษดอกไม้ไฟนั่นจะเป็นดอกไม้ไฟของแกนดรอฟกันนะ”

ซูจิ้งได้พูดออกมาด้วยดวงตาที่สุดสว่าง พลางคิดไปว่าดอกไม้ไฟแสนวิเศษที่เขาได้จุดไปก่อนหน้านี้ หากพูดถึงในห้วงเวลาฯลอร์ดออฟเดอะริงแล้ว ที่นั่นมีสุดยอดพ่อมดคนหนึ่งที่มีนามว่าแกนดรอฟ เขานั้นเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่มีส่วนในการกวาดล้างกองทัพปีศาจของเซารอนลงได้

แต่กับเด็กชายชาวฮอบบิทนั้นรู้จักเขาในนามผู้นำพาซึ่งแสงสว่าง แกนดรอฟเป็นเพียงชายแก่ธรรมดาที่มีความสามารถด้านดอกไม้ไฟที่สุดแสนจะมหัศจรรย์

ดอกไม้ไฟของเขานั้นล้วนแล้วแต่แปลกประหลาดและมีสีสันอันวิจิตร มันสวยงามจนทำให้พวกเขาสับสนจนคิดว่ามันเป็นเวทมนต์อย่างแน่นอน

บนโลกใบนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำดอกไม้ไฟได้เหมือนกับดอกไม้ไฟผีเสื้ออันนั้น แต่ไม่ว่าจะน่าตื่นตะลึงสักแค่ไหนก็ตาม สำหรับแกรนดรอฟแล้วดอกไม้ไฟนี้ก็เป็นเพียงดอกไม้ไฟธรรมดาเท่านั้นเอง

 

“ดีนะเนี่ยที่เอาอันเล็กที่สุดหยิบติดมีไป ถ้าฉันเผลอไปหยิบอันใหญ่ที่สุดติดมีไปล่ะก็ ไม่วายที่จะต้องเสร็จสองสาวน้อยพวกนั้นเป็นแน่” ซูจิ้งอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขานั้นต้องทำให้การลอกเลียนแบบดอกไม้ไฟของแกรนดรอฟนี้เกิดขึ้นให้จงได้

 

เมื่อถึงตอนนั้นรับรองเลยว่าวงการดอกไม้ไฟต้องสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเป็นแน่ ดีไม่ดีนี่ปิดทางทำมาหากินได้เลยนะนั่น

ตอนนี้เขานั้นกังวลเพียงอย่างเดียวก็คือนักวิจัยด้านดอกไม้ไฟบนโลกนี้จะเก่งพอที่ศึกษาและเลียนแบบพวกมันได้รึเปล่า

ถึงแม้ว่ามันจะดูเรียบง่ายก็จริง แต่ก็มีแต่พระเจ้าที่รู้เท่านั้นว่าแกรนดรอฟได้ใช้วิธีไหนในการทำให้ดอกไม้ไฟที่ออกมาถึงได้วิจิตรพิศดารขนาดนั้น หากว่าใช้สสารที่ไม่ได้มีอยู่บนโลกนี้ล่ะก็ ต่อให้วิจัยออกมาได้ก็เท่านั้นเอง

 

ซูจิ้งได้ทำการปรับอารมณ์ของเขาก่อนที่จะจัดการขยะห้วงเวลาฯต่อไป เขายังจัดการต่อไปเรื่อยๆด้วยความหวังที่ว่าจะเจอของดีๆเหลืออยู่บ้าง

เขานั้นไม่ได้อยากได้ของอย่างแหวนนรกแตกวงนั้น เขาเพียงต้องการบรรดาอาวุธของเอลฟ์ สมบัติมังกร ตำราเวทมนต์ นี่เป็นเพียงของเล็กๆน้อยที่เขาพอจะคาดหวังได้บ้าง

แต่ก็อย่างที่เขาว่ากันว่ายิ่งหวังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น จนถึงช่วงเย็นซูจิ้งก็ยังไม่พบของดีๆที่เขาหวังไว้แต่ประการใด

 

เขานั้นถอดใจไปเล็กน้อยเลยว่าจะออกจากที่นี่ไปผ่อนคลายของนอก เมื่อเขาออกมาก็พบว่าซือหยาและถังเสี่ยวหยูได้กลับไปโรงเรียนแล้ว โดยทั้งสองทิ้งเขียนข้อความบอกเขาเอาไว้อย่างนั้น

หลังจากซูจิ้งออกไปผ่อนคลายแล้ว เขาก็ได้กลับเข้าไปจัดการขยะของเขาต่อ แต่ยังจะไม่ทันจะกลับเข้าไปได้ซักเท่าไหร่ หวังจ้าวก็ได้โทรเข้ามา เขารีบรับสายทันที

เขาได้ยินเสียงของหวังจ้าวถามเขาอย่างสงสัยใคร่รู้ออกมาว่า “อาจิ้ง อะไรที่ทำให้นายสนใจนักวิจัยด้านดอกไม้ไฟกันเนี่ย”

“ฮ่าฮ่า เพื่อนรัก โดนนายรู้เข้าจนได้” ซูจิ้งยิ้มออกมา

“ถ้าไม่รู้ก็แปลกล่ะ ก็เฉิงหนานเล่นไปซื้อตัวสุดยอดนักวิจัยมาต้องสามคนในวันเดียว แถมยังเสนอค่าตัวสูงลิบลิ่วมาอีก ถ้าเธอไม่ได้รับคำอนุญาตจากนายแล้วเธอจะซื้อตัวพวกเขามาทำบ้าอะไรกัน

ถ้านายไม่ได้ดึงตัวคนพวกนั้นมาเพราะสนใจเรื่องดอกไม้ไฟล่ะก็ ฉันก็คงต้องถามแล้วล่ะว่านายเอาคนพวกนั้นมาทำบ้าอะไรกันแน่

ต่อให้พวกเราซื้อตัวพวกเขามาได้ แต่ก็ใช่ว่าเราจะไปแข่งขันกับบริษัทอื่นได้หรอกนะ เพราะถ้าเราคิดจะทำธุรกิจนี้จริง ไม่เพียงเราต้องไปแข่งกับบริษัทดอกไม้ไฟหลิวหยาง เราต้องไปแข่งกับบริษัทอื่นอีกเยอะมาก”

หวังจ้าวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสุขุม

 

“เพื่อนเอ๋ย เชื่อใจฉันเถอะน่า ฉันเองก็มีเหตุผลดีๆอยู่ นายไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ไปหรอก” ซูจิ้งยิ้มออกมา เขารู้ดีว่าหวังจ้าวนั้นต้องการเตือนเขาจริงๆ เขาเงียบและคิดอะไรสักอย่างเล็กน้อยก่อนนที่จะพูดออกมาว่า “แล้วนี่เฉิงหนานชวนนักวิจัยมาได้สามคนแล้วงั้นหรอ”

“ก็ยังไม่ได้ซะทีเดียว เฉิงหนานในตอนนี้กำลังลองจัดหาห้องวิจัยชั่วคราวที่ตรงกับเงื่อนไขของทั้งสามคนนั้น” หวังจ้าวพูดออกมา

“งั้นบอกพวกนั้นไปว่าไม่ต้องรีบแล้วก็อย่าพึ่งรีบไปไหน เดี๋ยวฉันจะไปหาด้วยตัวเอง แล้วนายจะได้รู้ว่าทำไมฉันถึงสนใจที่จะวิจัยดอกไม้ไฟนัก ฉันไม่ได้ทำไปเล่นๆหรอกนะ” ซูจิ้งพูดด้วยรอยยิ้มออกมา

“เยี่ยม ฉันก็อยากเห็นจริงๆว่าอะไรที่ทำให้นายสนใจได้ขนาดนี้ เดี๋ยวฉันส่งที่อยู่ไปให้นะ”

หวังจ้าวพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม พลางคิดไปว่า นี่ซูจิ้งไปเจอช่องทางธุรกิจในธุรกิจดอกไม้ไฟมางั้นหรอ ไม่น่าเป็นไปได้

เพราะไม่ว่าซูจิ้งจะเก่งกาจยอดคนขนาดไหนแล้วแต่สำหรับด้านธุรกิจนั้นเขาเองก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมายขนาดนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรู้ด้านดอกไม้ไฟเลยยิ่งสมควรจะไม่เก่งเข้าไปใหญ่

ต่อให้เป็นเขาเป็นคนที่เก่งในเทคโนโลยีหรือเก่งด้านออกแบบดีไซน์ดีขนาดไหนก็ตามแต่สำหรับธุรกิจด้านนี้ไม่น่าจะใช้ความรู้ทั้งสองอย่างนี้มาช่วยพัฒนาจนเป็นช่องทางทางธุรกิจได้

มันไม่เหมือนกับแผงพลังงานแสงอาทิตย์ของเขาที่มันเป็นเรื่องที่ผู้คนสนใจอยู่แล้ว เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าซูจิ้งนั้นจะตระหนักในเรื่องนี้รึเปล่า

หวังจ้าวเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกๆเหมือนกัน เขาจึงรีบไปหาเฉิงหนานและนักวิจัยสามคนที่เฉิงหนานหามาได้ให้รอซูจิ้งมาอธิบายรายละเอียด

 

ซูจิ้งได้ครับรถปอร์ชของเขาครงไปยังห้องวิจัยชั่วคราว เมื่อไปถึงเขาก็พบว่าห้องวิจัยชั่วคราวนั้นถูกจัดการโดยเฉิงหนานเป็นอย่างดี

มันเป็นโรงงานผลิตดอกไม้ไฟที่พึ่งจะปิดกิจการไปเมื่อปีก่อน และที่ตั้งของมันเองก็อยู่บริเวณชานเมืองของเมืองจงหยุนซึ่งมีประชากรอยู่น้อยมาก

แต่การเดินทางกลับสะดวกและไม่ไกลจากที่ตั้งของโรงงานผลิตแผงพลังงานแสงอาทิตย์สักเท่าไหร่นัก

อีกทั้งพื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานรกร้าง หากว่างานด้านนี้ของเขาทำได้จริงล่ะก็สามารถขยายงานได้อย่างง่ายดายถือได้ว่าเป็นทำเลที่ดีทีเดียว

 

เมื่อซูจิ้งไปถึง หวังจ้าวและเฉิงหนานก็ได้เดินออกมาจากห้อง ตามมาด้วยนักวิจัยวัยกลางคนทั้งสามคน ชายทั้งสามอยู่ในชุดลำลองบ้านๆทั่วไป เหมือนจะเป็นคนในพื้นที่ก็ว่าได้

หวังจ้าวตอนนี้อยู่ในชุดสูทสุดหรู ส่วนเฉิงหนานสวมชุดสูทสั่งตัดรัดรูปสีน้ำเงินและสวมร้องเท้าสนสูง เหมือนกับทั้งสองมาจากอีกโลกหนึ่งเลยก็ว่าได้เมื่อเทียบกับบรรยากาศรอบข้าง

“ซูจิ้งไหนลองหาเหตุผลดีๆหน่อยสิว่าทำไมนายถึงหันมาสนใจงานด้านนี้กัน” หวังจ้าวได้พูดกับซูจิ้งแบบตรงประเด็นในทันที

เฉิงหนานเองถึงแม้จะไม่พูดอะไรออกมาแต่เมื่อเธอได้เห็นรอยยิ้มของซูจิ้งก็แทบจะอดใจรอของเล่นที่ซูจิ้งนำมาไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่มืดพอที่จะจุดดอกไม้ไฟก็เถอะแต่ก็คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง” ซูจิ้งมองไปยังท้องฟ้าแล้วพูดออกมาก่อนที่เขาจะเปิดประตูและหยิบเอาตุ๊กตากระดาษดอกไม้ไฟตัวใหญ่ออกมา

หวังจ้าว เฉิงหนาน และชายอีกสามคนต่างมองด้วยสายตามึนงง

“อาจิ้ง นายหมายความว่าพวกนี้คือดอกไม้ไฟ?” หวังจ้าวได้ถามตรงประเด็นในสิ่งที่เขาเห็นในทันที เขาเองก็ตกใจไม่น้อยและประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

ที่พวกเขาเห็นคือตุ๊กตากระดาษในรูปทรงแปลกๆอย่างรูปเห็ด มังกรไฟ และปราสาท

“ใช่ครับ” ซูจิ้งพยักหน้ารับอย่างแข็งขันและใบหน้ากวนเล็กน้อย

“ถ้านายยังทำเป็นเล่นแบบนี้ฉันไปแล้วนะ” หวังจ้าวจ้องมองด้วยสายตาเซ็งๆ ส่วนเฉิงหนานและชายนักวิจัยอีกสามคนเองถึงกับต้องยิ้มออกมาจากมุมปาก

พอคิดว่าหัวหน้าใหม่ของพวกเขาสติปัญญาอาจมีปัญหา ชายทั้งสามคนนี้ก็อยากจะเหลือกตามองซูจิ้งเสียตรงนี้ซะด้วยซ้ำ

นั่นก็เพราะว่าพวกเขานั้นไม่เคยเห็นดอกไม้ไฟชนิดไหนที่มีรูปทรงแบบนี้มาก่อน อย่าว่าแต่เป็นแบบจุดขึ้นฟ้าเลย แบบจุดอยู่กับพื้นก็ไม่เคยมีปรากฎมาก่อน

นี่ซูจิ้งจ้างพวกเขาด้วยเงินเดือนที่สูงลิบลิ่วจนเหมือนกับต้องการตีตลาดด้านนี้ให้ได้อย่างรวดเร็ว นี่เขามั่นใจขนาดไหนกันว่าดอกไม้ไฟที่มีรูปร่างประหลาดแบบนี้จะตีตลาดวงการดอกไม้ไฟได้กัน